ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 74 มารยาหญิง
ฉันไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เป็นเพราะว่าหลานเสี่ยวถางรู้สึกประหม่า และไม่สามารถขยับตัวได้เมื่อนอนราบทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมาก
แววตาของสือเพ่ยหลินจ้องมองมาที่เรือนร่างเธอไม่หยุด เธอทำเพียงแค่แอบมองเขาเป็นครั้งคราวเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นแล้วเธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก !
ในที่สุดเธอก็ไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว หลานเสี่ยวถางลืมตาขึ้น กะจะประจันหน้ากันให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย
เห็นได้ชัดว่าสือเพ่ยหลินไม่คิดว่าหลานเสี่ยวถางจะตื่นขึ้นมากะทันหัน เมื่อพวกเขาสบตากัน เขารีบเปลี่ยนสีหน้ากลายเป็นรู้สึกผิดทันที
หลานเสี่ยวถางถามว่า:“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้คะ?”
สือเพ่ยหลินเม้มริมฝีปากของเขา: “เสี่ยวถางผมมาเยี่ยมคุณ”
ท่าทางของหลานเสี่ยวถางดูเหมือนว่าเมื่อเธอจะได้ยินแล้วรู้สึกมันเป็นเรื่องที่ตลกและไร้สาระที่สุดในโลก : “เมื่อเห็นว่าฉันยังไม่ตาย คุณอยากจะมาทำร้ายฉันอีกครั้งหรือไง?”
“เสี่ยวถาง ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น” สือเพ่ยหลินกล่าวพร้อมขมวดคิ้วแน่น และสีหน้าของเขาดูสับสนเล็กน้อย: “สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน ผมไม่ได้ตั้งใจ ……”
“เหอะ เหอะ ฉันก็เชื่อว่าคุณไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าฉันหรอก อย่างไรเสีย แม้ว่าตระกูลของคุณจะมีอำนาจและเงินทองมากมายขนาดไหน ก็ไม่สามารถลบล้างความผิดนั้นได้หรอก”หลานเสี่ยวถางยกยิ้มมุมปากอย่างประชดประชัน:“แต่คุณกลับเห็นคนจะตายอยู่ต่อหน้าต่อตาแต่กลับไม่คิดจะช่วยเหลือ ”
สือเพ่ยหลินหลับตาลง: “ผมขอโทษครับ”
“ขอโทษ!?” หลานเสี่ยวถางรู้สึกเพียงว่ามันช่างเป็นเรื่องที่ไร้สารสิ้นดี: “ชีวิตของฉันแขวนอยู่บนเส้นด้าย คุณแค่พูดคำว่าขอโทษคำเดียว คุณคิดว่ามันจะช่วยลบล้างความผิดทั้งหมดของคุณได้อย่างงั้นเหรอ ? ถ้าหากฉันไม่ได้รับการช่วยเหลือ ตอนนี้ฉันคงตายไปแล้ว!”
“ผมขอโทษ” น้ำเสียงของเขาดูแผ่วเบาลง และเขาก็ยังคงพูดแต่ประโยคเดียว
“สือเพ่ยหลิน แม้เป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าที่เดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี และเมื่อเห็นเหตุการณ์แบบนี้ คนอื่นคงไม่ขับรถแล้วจากไปแบบนี้หรอก ” หลานเสี่ยวถางจ้องมองตาเขา พร้อมพูดกระแทกเสียงทีละคำ: “คุณเป็นคนเห็นแก่ตัว เลือดเย็น และน่าขยะแขยงที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็น !ฉันไม่รู้ว่าคุณมัวยืนทำอะไรอยู่ที่นี่! หลังจากที่มือเปื้อนเลือดแล้ว และเห็นว่าฉันยังไม่ตาย มาเยี่ยมแค่นี้ก็สามารถลบล้างความผิดได้ทุกอย่างอย่างงั้นเหรอ?ฉันจะบอกคุณไว้ตรงนี้เลยนะ ไม่มีวัน!”
หลังจากที่ฟังเธอพูด สือเพ่ยหลินไม่ได้พูดอะไรต่ออีก มือของเขากำหมัดแน่น และเขาก็ยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง
“ในอนาคต ถ้าหากคุณเจอสถานการณ์แบบเดียวกัน ฉันก็จะไม่ช่วยเหลือคุณเหมือนกัน!” หลานเสี่ยวถางมองเขาด้วยความเกลียดชัง: “เพราะคนเห็นแก่ตัวอย่างคุณ ตายไปได้ยิ่งดี!”
สือเพ่ยหลินสั่นและแข็งทื่อไปทั้งตัว เขาเม้มริมฝีปากด้วยร้อยยิ้มพร้อมถามว่า: “เสี่ยวถาง คุณอยากให้ผมตายมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ใช่!” หลานเสี่ยวถางหรี่ตาพร้อมตอบ และน้ำเสียงของเขาก็สงบลง: “ฉันหวังว่าคุณและเฉินจื่อโร่วของคุณจะตกนรกไปด้วยกัน”
“บางที เธออาจจะได้เห็นวันนั้นจริงๆ” สือเพ่ยหลินจ้องมองเธอ: “อย่างไรก็ตาม ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง ผมก็อยากลองพยายามดูสักครั้ง อย่างไรก็ตาม เกิดเป็นมนุษย์นั้นย่อมกลัวตายกันทุกคน”
หลานเสี่ยวถางไม่รู้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไร และเมื่อเธอคิดว่าสือเพ่ยหลินนั้นเป็นคนที่ฉลาดมากคนหนึ่ง กลับถูกเฉินจื่อโร่วหลอก ตัวเองโดนสวมเขาแล้วยังไม่รู้ตัวอีก เวลาผ่านไปสักพัก เธอก็รู้สึกว่าการที่ต้องมาโต้แย้งกับเขาแบบนี้มันไร้ประโยชน์สิ้นดี
ดังนั้น เธอจึงพูดว่า:“คุณวางใจเถอะ ฉันไม่ฟ้องคุณหรอก อีกทั้งฉันก็ไม่มีหลักฐานอะไรอยู่แล้วนี่ แต่ฉันก็ไม่อยากเห็นหน้าคุณ และฉันหวังว่าคุณจะไม่ปรากฏตัวให้ฉันเห็นในห้องคนไข้นี้อีกนะ ”
สือเพ่ยหลินหน้าถอดสีและชาวาบไปทั้งหน้า ริมฝีปากของเขาขยับเล็กน้อย แล้วเขาก็หยุดพูด และในที่สุดเขาก็หันหลังเดินจากไป
หลังจากที่ลงไปชั้นล่าง สือเพ่ยหลินเดินไปที่รถของเขา เขายังไม่ได้ขึ้นไปบนรถ แต่กลับหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ
เขาเอนตัวไปพิงหน้ารถ มองไปยังตำแหน่งที่อยู่ชั้นบนนั้น และสูดหายใจเข้าอย่างแรง
ควันลอยคละคลุ้ง จนทำให้เห็นใบหน้าของเขาเลือนรางมากในตอนกลางคืน ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ จู่ๆ เขาก็หัวเราะออกมา หัวเราะจน สำลักอีกครั้ง เขาไอ แค่ก แค่ก ขึ้นมาทันที
ในเวลานั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น และท้องฟ้ายามค่ำคืนนี้ก็ดูสดใสเป็นพิเศษ
สือเพ่ยหลินกดรับสาย: “ฮาโหล”
“ที่รัก นี่มันตีหนึ่งแล้วนะคะ ฉันตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำฉันเพิ่งรู้ว่าคุณยังไม่กลับมา ” เสียงปลายสายของเฉินจื่อโร่วดังขึ้น: “คุณจะกลับมาเมื่อไหร่คะ? ฉันไม่เห็นหน้าคุณหลายวันแล้วนะคะ ได้ยินเพื่อนร่วมงานพูดว่า ช่วงนี้คุณทำโอทีตลอดเวลา เกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ เจออุปสรรคอะไรเกี่ยวกับงานหรือเปล่าคะ”
สือเพ่ยหลินสูบบุหรี่ และแววตาของเขาว่างเปล่าพร้อมพูดว่า :“อืม ผมยุ่งมาก ช่วงระยะนี้น่าจะทำงานดึกทุกวัน คืนนี้ผมจะนอนที่บริษัท คุณอยู่ที่บ้านก็ดูแลตัวเองดีๆนะ”
หลังจากที่เฉินจื่อโร่วได้ยินแบบนั้น ทั้งๆที่ข้างกายสือเพ่ยหลินไม่มีใครอยู่ข้างๆเลยสักคน น้ำเสียงที่สือเพ่ยหลินพูดนั้นฟังดูเรียบเฉยมาก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้อยู่กับผู้หญิงคนอื่นจริงๆ
เพียงแต่ว่า เธอยังคงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นเพราะอะไร ดังนั้น เธอจึงถามซ้ำอีกครั้งว่า:“แล้วพรุ่งนี้คุณจะกลับมาไหมคะ เดี๋ยวฉันจะให้พ่อครัวเตรียมอาหารจานโปรดของคุณไว้ให้?”
สือเพ่ยหลินมองไปที่ตึกในตอนกลางคืน และหน้าต่างสีดำนั้น และพูดประโยคนี้ออกมา: “ผมขอดูก่อนละกันนะ”
ในขณะที่พูดอยู่นั้น เขาก็วางสายไป
รุ่งเช้าของวันรุ่งขึ้น คุณลุงที่ทำความสะอาดเดินผ่านมาเห็นก้นบุหรี่กองเล็กๆกองอยู่ตรงหน้า บ่นพึมพำว่า:“ใครกันนะที่ติดบุหรี่มากขนาดนี้ นี่ต้องใช้เวลาสูบนานขนาดไหนเนี่ย ก้นบุหรี่กองเต็มพื้นขนาดนี้!”
ตรงหัวมุมถนน รถสปอร์ตหรูยังคงขับตรงไปข้างหน้า แล้วก็ขับหายลับเข้าไปในสายหมอกยามเช้า
*
ในตอนเช้า สือมูเฉินได้รับประทานอาหารกับคนของฝ่ายรัฐบาล ส่วนตอนบ่าย พวกเขาไปสำรวจสถานที่ด้วยกัน ตอนกลางคืน พวกเขาได้ดื่มเหล้าด้วยกันเป็นจำนวนมาก
เมื่อเดินเข้าไปในโรงแรม สือมูเฉินก็โทรหาหลานเสี่ยวถาง
วันนี้อาการของหลานเสี่ยวถางดีขึ้นมากแล้ว และเธอสามารถลุกนั่งได้แล้ว และเธอยังใช้คอมพิวเตอร์เขียนโปรแกรมบนเตียงอีกด้วย
หลังจากได้รับสายจากสือมูเฉินแล้ว ปากของเธอก็ยกยิ้มขึ้นด้วยความดีใจ: “มูเฉิน คุณทำงานเสร็จแล้วเหรอคะ?”
เป็นเพราะเขาดื่มเข้าไปมาก น้ำเสียงของสือมูเฉินเบากว่าปกติ เขาปลดเนคไทและกระดุมเสื้อเชิ้ตแล้วพูดไปว่า:“ผมเพิ่งกลับมาถึงโรงแรม สีเกอโอเคไหม เขารังแกคุณหรือเปล่า?”
ทันใดนั้นหลานเสี่ยวถางก็หัวเราะออกมาทันที: “มีคุณอยู่ทั้งคน เขาไม่กล้ารังแกฉันหรอกค่ะ? วันนี้ฉันกังวลว่าเขาอยู่ในโรงพยาบาลแล้วจะรู้สึกเบื่อหน่ายมาก ฉันบอกว่าจะให้โยวโยวมาเฝ้าแทนเขา เขาก็ไม่ยอม เขาบอกว่าคุณมอบหมายงานให้เขาแล้ว แม้ว่ามีดจะจ่ออยู่ที่คอ ก็ต้องสู้ตาย !”
หลานเสี่ยวถางกล่าวเสริมอีกว่า: “ความสัมพันธ์ของพวกคุณนั้นแน่นแฟ้นมากเลยจริงๆนะคะ!”
สือมูเฉินปลดกระดุมเสื้อทั้งหมดออกหมดแล้ว และกำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ: “เสี่ยวถาง ผมไม่นิยมผู้ชายนะ”
“ฮ่าฮ่า ฉันพูดประโยคนี้อยู่ เหมือนทำให้สีเกอโดนหยามยังไงอย่างงั้นแหละ” ในขณะที่หลานเสี่ยวถางพูดอยู่นั้น เขาก็นึกถึงเรื่องจริงจังขึ้นมาได้: “ใช่สิ เมื่อคืนกลางดึกสือเพ่ยหลินมาที่ห้องคนไข้พิเศษนี้ด้วยล่ะ”
สือมูเฉินหยุดชะงักทันที เขาขมวดคิ้วแน่น:“เขาไปทำอะไร?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” หลานเสี่ยวถางกล่าวว่า: “ช่วงกลางดึกเขาเข้ามาอย่างเงียบ ๆ และฉันสงสัยว่าเขาอาจเคยมาที่นี่ตอนที่เราอยู่ด้วยกัน อาจเป็นเพราะว่าเราหลับอยู่หรือเปล่า ”
สือมูเฉินกล่าวว่า:“คุณเปลี่ยนพยาบาลแล้วหรือยัง?”
“อืม ช่วงกลางวัน สีเกอช่วยฉันหาพยาบาลพิเศษคนใหม่แล้วล่ะ ดังนั้นคงจะไม่มีอะไรหรอก” หลานเสี่ยวถางกล่าว: “หลังจากที่สือเพ่ยหลินเข้ามา เขาได้กล่าวคำขอโทษ แต่ถูกฉันด่าไล่กลับไปแล้ว”
สือมูเฉินกล่าวว่า:“อืม ถ้ามีเหตุฉุกเฉิน โทรหาผมได้ตลอดเวลา”
“ค่ะ” ริมฝีปากของหลานเสี่ยวถางยกขึ้น: “วันนี้อาการของฉันดีขึ้นมากแล้ว สามารถเขียนโปรแกรมได้แล้ว รอเมื่อฉันเร่งงานของบริษัทซอฟต์แวร์คืบหน้าแล้ว ก็สามารถสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับชุยซื่อฮว๋าได้ทันที”
“เอาล่ะ อย่าทำให้ตัวเองเหนื่อยเกินไปล่ะ” สือมูเฉินกล่าว
“โอเค คุณก็เหมือนกัน” หลานเสี่ยวถางพูดว่า: “คุณรีบพักผ่อนเถอะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
“ราตรีสวัสดิ์ครับ”
ในขณะที่สือมูเฉินวางสายเธอแล้ว และกำลังจะไปอาบน้ำ เวลานี้ เสียงกริ่งประตูดังขึ้นในห้องของเขา
เขาหันกลับพร้อมถามว่า :“ใครครับ?”
“คุณอาคะ” เสียงของทางหย่าหยุนดังขึ้น: “ฉันเผลอหยิบแฟ้มเอกสารของคุณไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ฉันเพิ่งรู้ก็เลยนำแฟ้มเอกสารมาส่งคืนให้คุณค่ะ”
สือมูเฉินเปิดประตูและรับแฟ้มเอกสารจากมือของหย่าหยุน: “ขอบคุณครับ” พูดจบ เขากำลังจะปิดประตู
“คุณลุงคะ –” เมื่อสือมูเฉินเปิดประตูหย่าหยุนก็เห็นแล้วว่าเสื้อของสือมูเฉินนั้นถูกปลดออกแล้ว เผยให้เห็นหน้าอกเนียนและหน้าท้องที่แบนราบและแข็งแรง เส้นซิกแพคที่สมบูรณ์แบบสามารถทำให้ผู้คนหลั่งเลือดได้เลยล่ะ
มือของเธอเกาะที่ขอบประตูแน่น และทำให้สือมูเฉินไม่สามารถปิดประตูได้ อีกทั้ง เธอยังจงใจเอียงตัวเข้าไปหา และตั้งใจเอนไปข้างหน้า เพื่อให้สือมูเฉินมองเห็นคอเสื้อที่ค่อนข้างกว้างของเธอ
เธอชี้ไปที่จุดหนึ่งในเอกสารแล้วพูดว่า:“คุณอาคะ มีประโยคหนึ่งที่ฉันไม่เข้าใจค่ะ คุณอาช่วยสอนฉันหน่อยได้ไหมคะ?”
สือมูเฉินเหล่ตาและมองไปที่เสื้อผ้าของทางหย่าหยุนที่สวมอยู่
เห็นได้ชัดว่าเธอจงใจเปลี่ยนชุดนอนหลังจากกลับมาแล้ว โดยคอเสื้อนั้นกว้างมาก และกระโปรงก็สั้นจุ๊ด เห็นได้ชัดว่า การที่เธอนำเอกสารมาส่งนั้นเป็นแค่หาข้ออ้างเท่านั้น การที่เธอนำตัวเองมาส่งให้ถึงที่นั้นคือเรื่องจริง
แววตาเย็นชาของเขาแวบเข้ามา ในเมื่อสือเพ่ยหลินต้องการให้ทางหย่าหยุนมาเป็นสปาย ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาจึงฉวยโอกาสในคืนนี้ ทำให้ทางหย่าหยุนไม่สามารถเป็นสปายได้อีกต่อไป!
“อืม ในเมื่อเพ่ยหลินให้ผมดูแลคุณ ถ้างั้นคุณก็เข้ามาสิ ” ในขณะที่สือมูเฉินพูดอยู่นั้น เขาก็เปิดประตูออก
หย่าหยุนดีใจมาก เธอรีบเดินเข้าไปในห้องของสือมูเฉินทันที
เธอพร้อมแล้วที่จะถูกปฏิเสธตั้งแต่แรกแล้ว แต่ว่า สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่ยอมแพ้ และเธอคิดจะลองดูอีกสักตั้ง!
เป็นดั่งที่คิดไว้ไม่มีผิด ผู้ชายเปรียบเสมือนสัตว์ที่หิวโหยและพร้อมล่าเหยื่ออยู่ตลอดเวลา ในเมืองไห่หลินนั้นสือมูเฉินไม่มีสาวอื่น เมื่อเธอมาหาเขาถึงที่ เขาลองดูก็คงไม่เสียหายอะไร !
สือมูเฉินปิดประตู ติดกระดุมเสื้อในขณะที่เดินไปด้วย และเดินไปนั่งลงที่โซฟา: “คุณทางครับ คุณอยากดื่มอะไรไหมครับ?”
“คุณอาคะ ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอกนะคะ อันที่จริง เรารู้จักกันมาก็หลายปีแล้ว คุณอาอย่าเรียกฉันว่าคุณทางแล้วนะคะ เรียกฉันว่าหย่าหยุนก็แล้วกันนะคะ ” หลังจากที่หย่าหยุนพูดอยู่นั้น เธอแสร้งทำเป็นดึงคอเสื้อของตัวเองอย่างไม่ได้ตั้งใจ และทันใดนั้นกระดูกไหปลาร้าและร่องอกของเธอโผล่พ้นออกมานอกเสื้อ
“หย่าหยุน” สือมูเฉินก็ทำคล้อยตามเธอทุกอย่าง
ทางหย่าหยุนเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้แล้วเธอก็รีบลุกขึ้น: “คุณอาคะ ให้ฉันรินน้ำให้คุณอาดีกว่าเถอะนะคะ!”
ในขณะที่พูดอยู่นั้น เธอก็ลุกขึ้นพร้อมเดินไปที่เครื่องกดน้ำ และหยิบแก้วเปล่าสองใบออกมาจากนั้นกดรินน้ำ พอรินเสร็จก็หันหลังหลบสายตาของสือมูเฉิน เธอได้แอบใส่ยาที่เตรียมไว้หยอดลงในแก้วใบหนึ่ง
รอเมื่อเม็ดยาละลาย ทางหย่าหยุนก็เดินเข้าไปพร้อมกับน้ำสองแก้ว และนำแก้วใบที่มียายื่นให้กับสือมูเฉิน: “คุณอาคะ ดึกแล้วไม่ต้องดื่มกาแฟหรอกนะคะ ดื่มน้ำอุ่นนี่ดีกว่านะคะ!”
สือมูเฉินพยักหน้าตอบรับ
ทางหย่าหยุนหยิบแก้วของตัวเองขึ้นมาจิบเล็กน้อย จากนั้นสายตาของเธอก็จดจ่ออยู่กับเอกสารนั้น: “คุณอาคะ ข้อมูลเอกสารเมื่อกี้นี้ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เลยค่ะ!”
สือมูเฉินมองดูสักครู่ และประโยคนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นส่วนที่ยากที่สุดของเอกสารฉบับนี้ ในใจของเขากำลังครุ่นคิด ดูเหมือนว่าทางหย่าหยุนต้องการจะขึ้นเตียงของเขา ยังลงทุนวางแผนมาอย่างดีเลยนะเนี่ย
เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร หยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาแล้วเริ่มอธิบาย
ตั้งแต่ทางหย่าหยุนโตขึ้นมาและตั้งแต่ที่เธอได้พบกับสือมูเฉิน เธอก็คิดถึงเขาอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าเขาไม่เคยรู้สึกอะไรกับเธอเลย แต่เธอก็ไม่สามารถกำจัดความคิดในหัวใจของเธอได้เลย
และในเวลานี้ เมื่อเธอได้ยินน้ำเสียงของสือมูเฉินแล้ว ทำให้เธอรู้สึกร้อนลุ่มไปทั่วร่างกาย เหมือนตัวกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆอย่างงั้นแหละ และแม้ว่าเขาจะพูดอะไรก็ตาม แต่เธอกลับฟังไม่เข้าหูเลยสักนิด และยิ่งไม่มีเวลาไปสนใจสิ่งที่เขากำลังอธิบายอยู่
เมื่อสือมูเฉินพูดจบ เขาก็เงยหน้าขึ้น “หย่าหยุน คุณเข้าใจทุกอย่างแล้วหรือยัง?”
เมื่อเธอได้ยินเขาเรียกเธอแบบนั้น หัวใจของทางหย่าหยุนก็เต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เธอพยักหน้าตอบรับ เธอรู้เพียงแค่ว่าเลือดในตัวเธอกำลังพุ่งพล่านไหลเวียนทั่วร่างกาย หัวใจของเธอก็เต้นแรงอย่างไม่เป็นส่ำ: “อืม ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็ยกแก้วน้ำขึ้นมา ยื่นให้กับสือมูเฉินพร้อมพูดว่า : “คุณอาคะ ดื่มน้ำเปล่าแทนการดื่มเหล้า ขอบคุณคุณอามากนะคะ !