ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 80 มีเงินก็เท่ากับความจริง นี่มันเหตุผลอะไรกัน !
ทางหย่าหยุนคิดไม่ถึงเลยว่าสือมูเฉินตอนนี้แม้แต่งานเลี้ยงก็ยังพาหลานเสี่ยวถางมาออกงาน !
หลานเสี่ยวถางคนนี้ตกลงมีอะไรดีกันแน่ ทำไมสือมูเฉินถึงจะได้ชอบเธอ ? !
ทางหย่าหยุนหน้าอกยกขึ้นยกลง มองไปที่ชายชราที่อยู่ข้างตัวเอง แล้วก็หน้าท้องที่ยื่นออกมา ก็รู้สึกคลื่นไส้ อารมณ์ความหงุดหงิดก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
รองนายกเทศมนตรีรู้สึกอยากขอบคุณสือมูเฉินมากในตอนนี้ ฉะนั้นแล้ว พอสือมูเฉินเดินมา เขาก็รีบลากทางหย่าหยุนไปทักทายเขา : “ คุณสือมาด้วยหรอ ? ไป เข้าไปพร้อมกัน !”
ในขณะที่พูดสายตาก็มองไปที่รูปร่างหลานเสี่ยวถางที่อยู่ด้านหลังของสือมูเฉิน : “ คุณคนสวยคุณคือ ?”
“ เธอคือคนที่ผมพามาด้วย นามสกุลหลาน ” สือมูเฉินแนะนำสั้นๆให้รู้จัก : “ เสี่ยวถาง นี่คือรองนายกเทศมนตรีจาง ”
“ สวัสดีค่ะ ” หลานเสี่ยวถางทักทายอีกฝ่ายสั้นๆ พอลืมตาขึ้นมา ก็เห็นสายตาที่แหลมคมดุจใบมีดของทางหย่าหยุนมองมาที่เธอ
เธอแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น และเดินเข้าไปสวนโบราณพร้อมกับสือมูเฉิน
พอเดินเข้าไปหลานเสี่ยวถางเพิ่งรู้ว่างานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ไม้ใช่งานเลี้ยงธรรมดา เป็นงานเลี้ยงขอบคุณที่จัดขึ้นโดยโรงกลั่นไวน์ท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงในเมืองไห่หลินและยังเชิญนักธุรกิจและนักการเมืองจำนวนมากมารวมตัวกัน
“ เสี่ยวถาง ตามฉันไปเจอเพื่อนสองสามคน ” ในขณะที่สือมูเฉินพูดก็ยื่นแขนไปให้หลานเสี่ยวถางจับและทั้งสองคนก็มาหาชายหนุ่มสองสามคนด้วยกัน
เมื่อหลายคนเห็นสือมูเฉิน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะยกแก้วไวน์พร้อมกับรอยยิ้ม : “ คุณสือ ไม่เจอกันตั้งนาน !”
สือมูเฉินยิ้มมุมปาก : “ ใช่สิ ถ้าพวกคุณว่างหนิงเฉิงยินดีต้อนรับนะ ฉันจะต้อนรับพวกคุณอย่างดี ” ในขณะที่พูดก็ขยับตำแหน่งให้หลานเสี่ยวถาง และพูดว่า : “ เธอคนนี้คือ คุณหลาน เธอจบมาจากมหาวิทยาลัยหนิงเฉิงคณะวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ตอนนี้ทำงานอยู่ที่บริษัทซอฟต์แวร์ ”
พอชายหนุ่มพวกนี้ได้ยินแบบนี้ ทันใดนั้นตาก็เป็นประกาย : “ คุณหลาน คุณละติดจูดหรอ ? พวกเราก็ทำพัฒนาโปรแกรมเหมือนกัน !”
หลานเสี่ยวถางเพิ่งเข้าใจแล้วว่าทำไมสือมูเฉินถึงพาเธอมาที่นี่ ดังนั้น เธอก็เลยอธิบายว่าตอนนี้เธอกำลังทำโครงการเขียนโปรแกรมระยะไกลในบริษัทซอฟต์แวร์
มีทั้งงานอดิเรกและอาชีพเหมือนกัน เพราะฉะนั้นแล้ว ทุกคนต่างก็คุยกันอย่างมีความสุข เมื่อสือมูเห็นว่าหลานเสี่ยวถางไม่มีความรู้สึกแปลกๆ จึงเรียกเธอและพาไปพบกับผู้คนในฝ่ายรัฐบาล
หลานเสี่ยวถางและอีกสี่คนก็นั่งลงพื้นที่ให้พักผ่อน แล้วก็เริ่มคุยเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ ทุกคนดูมีความสุข แถมยังต่างกันแอดเพื่อนในวีแชทอีกด้วย และยังบอกอีกว่าถ้าในอนาคตมีโครงการดีๆก็สามารถร่วมงานกันได้
ในขณะ สือมูสือก็กำลังคุยกับเจ้าภาพในครั้งนี้ พูดคุยกับคุณพ่อโรงกลั่นเหล้าองุ่นของ Huo Group ทางหย่าหยุนเห็นว่าหลานเสี่ยวถางอยู่คนเดียว ก็เลยขยับไปบอกรองนายกเทศมนตรี และเดินไปยังตรงที่หลานเสี่ยวถางอยู่อย่างเงียบๆ
เพียงแต่ว่า ข้างๆหลานเสี่ยวถางมีแต่คน เพราะฉะนั้นทางหย่าหยุนก็เลยยังไม่มีโอกาสที่จะเข้าไปลงมือได้
ในตอนนั้นเอง ชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามหลานเสี่ยวถางก็รับโทรศัพท์ หลังจากที่พูดได้ไม่กี่คำ เขาก็อธิบายสถานการณ์ที่ขึ้นให้กับคนอื่น ด้วยเหตุนี้ ทั้งสี่คนก็เลยบอกลาหลานเสี่ยวถาง จากนั้นก็จากไป
ตาของทางหย่าหยุนก็เป็นประกาย เดินไปหาหลานเสี่ยวถางอย่างเงียบๆ
เธอคิดมันเอาไว้แล้วว่าอีกเดี๋ยวเธอเพียงแค่วางยาเข้าไปให้หลานเสี่ยวถาง พอหลานเสี่ยวถางดื่ม เธอก็ค่อยหาโอกาสพาเค้าไปที่ห้อง
ไม่มีทางที่จะแก้ไขอะไรแล้ว ก็ค่อยเชิญสือมูเฉินไปที่นั่น ต่อให้สือมูเฉินจะหลงใหลในตัวหลานเสี่ยวถางแค่ไหน พอเห็นฉากที่เป็นอย่างนั้นแล้ว จะไม่สะทกสะท้านเลยก็คงเป็นไปไม่ได้
แต่ในตอนนั้นเอง มีหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งเข้าอย่างเร็ว ก็เลยทำให้ชนเข้ากับทางหย่าหยุน
ยาที่อยู่ในมือของทางหย่าหยุนก็ตกลงไปที่พื้น กลิ้งไปกลิ้งมา ก็เลยถูกรองเท้าของชายคนนั้นเหยียบเข้าจนกลายเป็นเพียงเศษชิ้นเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าแผนของตัวเองนั้นสูญเปล่า ทางหย่าหยุนก็โกรธจัด
เธอก็มองบนใส่หญิงสาวคนนั้นทันที
หญิงสาวคนนี้ดูแล้วอายุยังน้อยมาก ไม่น่าเกิน 17-18 ใบหน้ารูปไข่ ตาโต น่ารัก
แต่ทว่า สีหน้าเธอในตอนนี้ดูร้อนรน เธอมองไปรอบๆ ในสุดก็มองมาที่ทางหย่าหยุน : “ คุณเห็นสร้อยทับทิมสีแดงบ้างไหมคะ ?”
ความโกรธที่อยู่ในใจของทางหย่าหยุนเฟื่องฟูขึ้นมา : “ เธอคิดว่าฉันเป็นคนเอาจี้ของเธอไปอย่างนั้นหรอ ? !”
หญิงสาวที่เห็นท่าทางโมโหของเธอ ก็ไม่พอใจ : “ ฉันก็แค่ถามคุณ ทำไมคุณต้องโมโหด้วย ? ! ไม่เห็นฉันแค่หาต่อก็เท่านั้น !”
พอเห็นหญิงสาวกำลังจะไป ทางหย่าหยุนก็คิดในใจขึ้นมาได้ทันที ก็เลยเรียกเธอ : “ ฉันรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน !”
หญิงสาวรีบถาม : “ อยู่ไหน ?”
ทางหย่าหยุนก็ชี้ไปด้านหลังของหลานเสี่ยวถาง : “ ฉันเพิ่งเห็นเธอรีบยัดอะไรลงไปในกระเป๋า ตอนที่ยัดลงไปฉันเห็น เหมือนกับจะเป็นแสดงสีแดง ”
“ เค้าเป็นคนขโมยอย่างนั้นหรอ ” ในขณะที่หญิงสาวพูด ก็กำลังเดินไปยังหลานเสี่ยวถางเพื่อเอาคืน
“ เดี๋ยวก่อน !” ทางหย่าหยุน : “ เธอไปแบบนี้เค้าก็ต้องไม่ยอมรับแน่ๆ พวกเราลองคิดหาวิธีดู ”
เห็นได้ชัดเลยว่าหญิงสาวไม่ได้เอะใจอะไรเลย แววตาอันบริสุทธิ์มองไปที่ทางหย่าหยุน รอวิธีแก้ปัญหาของเธอ
ทางหย่าหยุนพูดล่อลวง : “ เค้ามาพร้อมกับเพื่อน เดี๋ยวอีกสักแป๊บ ฉันจะช่วยเธอหยุดเพื่อนเค้าเอาไว้ให้ จากนั้นเธอก็ไปหาคนมาเป็นพยานให้เธอ แบบนี้ถ้าพวกเราไม่ระวังเค้าก็จะฉวยโอกาสเอาของไว้ที่เพื่อนของเค้า เธอก็รู้นิ หัวขโมยพวกนี้มือไวแค่ไหน พวกเรามองตาเปล่าก็คงมองไม่เห็น ”
หญิงสาวรีบพยักหน้า : “ พี่สาว พี่เก่งมากเลย ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามนี้ ! ยังไงก็ต้องขอบคุณพี่นะคะ !”
“ ไม่เป็นไร ” ทางหย่าหยุนรู้ว่าหลานเสี่ยวถางไม่ได้รู้จักใคร ก็เลยจำเป็นต้องนั่งอยู่ที่โซฟานี้สักพัก ดังนั้นก็เลยพูดว่า : “ น้องสาว เธอก็เฝ้าเค้าอยู่ตรงนี้นะ ฉันไปหยุดเพื่อนเค้าเอาไว้ เธอรอสัก 10 นาทีก็ลงมือได้เลย ”
“ อื้ม โอเคค่ะ ” หญิงสาวพยักหน้า : “ ใช่สิ ฉันชื่อฮั่วเหมียวเหมี่ยว ”
ทางหย่าหยุนยิ้มมุมปาก คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นลูกของเจ้าของงานในวันนี้
เธอรีบกลับไปที่นั่นเพื่อหารองนายกเทศมนตรี จากนั้น ก็เกาะแขนของรองนายกเทศมนตรี : “ พี่ใหญ่จางคะ พวกเราต้องไปขอบคุณคุณอาที่ทำให้เราได้อยู่ด้วยกัน เพราะฉะนั้นแล้ว พวกเราไปดื่มแสดงความนับถือกับเขา แล้วก็หาที่เงียบๆคุยกับเขาสักหน่อยเถอะค่ะ !”
พอรองนายกเทศมนตรีได้ยินเสียงอ่อนหวานของทางหย่าหยุน และรู้สึกว่าจมูกได้กลิ่นที่หอมหวานจนอดไม่ได้ที่จะคิดถึงคืนนั้น
ในแววตาของเขาเต็มไปรอยยิ้ม แล้วก็เอื้อมไปจับมือของทางหย่าหยุนและตบเบาๆที่หลังมือ : “ หย่าหยุน คุณตัดใจจากคุณอาของคุณได้ แบบนี้แหละถือว่าคิดถูกแล้ว ไปกันเถอะ พวกเราไปดื่มดีๆกับเขาสักสองสามแก้วและคุยเกี่ยวกับโครงการในครั้งนี้ ”
อีกด้านของห้องโถงของงานเลี้ยง ฮั่วเหมียวเหมี่ยวก็เอาแต่ดูแลอยู่ตลอด พอมาถึงในช่วงหลังก็เห็นทางหย่าหยุนเดินเข้าไปในห้องโถงเล็ก ทันใดนั้น ดวงตาก็เป็นประกาย วิ่งพุ่งเข้าไปที่หน้าเวทีคว้าไมค์และวิ่งไปยังด้านหน้าของหลานเสี่ยวถาง
เธอพูดใส่ไมโครโฟน : “ นี่คุณ ทำไมคุณถึงได้ขโมยสร้อยทับทิมสีแดงของฉันไป ?”
หลานเสี่ยวถางที่กำลังเล่นโทรศัพท์ พอได้ยินประโยคนั้น ก็อดไม่ได้ที่งง
เธอเงยหน้าขึ้น มองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า และพูดอย่างสงสัย : “ พูดกับฉันอย่างนั้นหรอ ?”
“ ก็ใช่หนะสิ !” ในขณะที่ฮั่วเหมียวเหมี่ยวพูด คนที่อยู่รอบๆก็เคลื่อนไหว : “ ทุกคนช่วยฉันดูเธอคนนี้ไว้ เธอเอาไว้สร้อยทับทิมสีแดงของฉันไป ตอนนี้ เธอซ่อนมันไว้ในตัวของเธอ ”
หลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว หญิงสาวคนนี้เธอไม่เคยเจอมาก่อน ทำไมจู่ถึงได้ใส่ร้ายเรื่องสกปรกแบบนี้ให้ฉัน ? มันน่าสงสัย เธออดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นทางหย่าหยุน
เพราะเป็นคุณฮั่วของตระตระกูลฮั่ว อีกอย่างยังถือไมค์พูดอีกด้วย ทันใดนั้น เธอก็ทันให้คนที่รอบๆก็จับตามอง
จนกระทั่ง ก็มีคนที่เอาใจคุณฮั่วก็เข้ามาถามทันที : “ คุณผู้หญิงคนนี้ พอดีเมื่อกี้คุณฮั่วบอกว่าคุณเป็นคนเอาสร้อยทับทิมสีแดงไป คุณช่วยเอาสร้อยคืนให้ได้ไหม ? คุณวางใจได้เลย แค่คืนก็พอแล้ว พวกเราจะคิดสักว่าไม่มีมีอะไรเกิดขึ้น ”
หลานเสี่ยวถางที่รู้สึกความโกรธอัดแน่นเต็มอก ทั้งๆที่เธอไม่ได้เอาไป แต่สีหน้าของคนพวกนี้ทำเหมือนกับว่าฉันเป็นคนเอาไป เธอพยายามกดความโกรธเอาไว้ : “ ฉันไม่เคยเห็นสร้อยทับทิมสีแดงของใครทั้งนั้น ของของพวกคุณถ้าหาไม่เจอ ก็แจ้งความสิ ไม่ก็ดูกล้องวงจรปิด มีสิทธิ์อะไรมาใส่ร้ายคนอื่นว่าเอาไว้ ?”
ทันใดนั้น ก็มีคนโต้แย้งขึ้นมา : “ คุณนั้นแหละผิด รู้ทั้งรู้ว่าแขกที่เชิญมาในวันนี้ต่างก็ไม่สะดวกเจอสื่อมวลชน ไม่สะดวกที่จะแจ้งความ และอีกอย่างในห้องโถงก็เพื่อความเป็นส่วนตัวของทุกคน ก็เลยไม่มีกล้องวงจรปิด คุณตั้งใจที่จะพูดแบบนี้อยู่แล้ว เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของทุกคน ?”
หลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว : “ ฉันไม่เคยทำก็คือไม่เคยทำ มีเหตุผลอะไรที่คุณคนนี้บอกว่าฉันเอาไป แล้วพวกคุณก็เชื่อเธอ และก็ไม่สงสัยเธอว่าทำไมถึงได้มาใส่ร้ายฉันแบบนี้ ?”
พอมีคนได้ยินก็หัวเราะออกมาทันที : “ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ คุณบอกว่าคุณฮั่วใส่ร้ายคุณ ? ทุกคนในเมืองไห่หลินต่างก็รู้ฐานะที่มั่นคั่งของตระกูลฮั่ว ทำไมจะต้องใส่ร้ายคุณด้วย ?”
ในตอนนั้น ฮั่วเหมียวเหมี่ยวก็มีสีหน้าที่เป็นกังวล เบ้าตาของเธอแดง : “ อันที่จริงแล้วแค่ทับทิมสีแดงหายไปก็ไม่เป็นไร แต่นี่มันเป็นสร้อยที่พี่สาวฉันให้……พี่สาวฉันไม่อยู่แล้ว เหลือเพียงสิ่งนี้ที่ให้ไว้กับฉัน……”
ทันใดนั้นเสี่ยที่อยู่รอบๆที่ปรารถนาอยากจะได้ฮั่วเหมียวเหมี่ยวก็ต่างก็ประณามหลานเสี่ยวถาง : “ นี่คุณ ในเมื่อคุณบอกว่าไม่ได้เอา คุณก็เปิดกระเป๋าให้พวกเราดู !”
หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่ามันอัปยศ แต่เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าตัวเองบริสุทธิ์ ก็คงต้องเปิดกระเป๋า
เจอเพียงแค่คีย์การ์ดของโรงแรมกับลิปสติกที่อยู่ด้านใน นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว
พอมีคนคีย์การ์ด ทันใดก็มีเสียงหัวเราะเบาดังขึ้นมา : “ ที่แท้ คุณคนนี้ก็ไม่ได้เป็นคนของเมืองไห่หลินสินะ ไม่น่าละถึงได้ไม่คุ้นหน้าคุ้นตา และอีกอย่างยังพักอยู่ที่โรงแรมด้วย…… ”
เขาจงใจที่จะเน้นคำว่า โรงแรม ทันใดนั้น สายตาของทุกคนที่มองหลานเสี่ยวถางก็เปลี่ยนไป
“ นี่คุณ ในกระเป๋าไม่มีมันก็ไม่ได้แปลว่าบนตัวคุณจะไม่มี ” มีคนพูดออกมา : “ ถ้าเกิดว่าคุณตัวตรงไม่หวั่นเงาเฉเฉียงจริงๆก็ลุกขึ้นมาให้คุณฮั่วเหมียวเหมี่ยวค้นตัว ”
หลานเสี่ยวถางถึงกับกำหมัดแน่น บนโลกนี้เป็นไปอย่างที่คิดไว้แค่เลยมีแค่เงินก็เท่ากับความจริง ทั้งๆที่ไม่ได้เอาไปแท้ๆ เพียงแค่ไม่มีภูมิหลังกับฐานนะ ทำไมถึงได้โดนคนรังแกแบบนี้
ฉะนั้น ในอนาคตข้างหน้า ต้องพยายามมากแค่ไหน ถึงจะสามารถมายืนอยู่จุดสูงสุดนี้ได้ แล้วก็ไม่ให้ใครมาสงสัยอะไร ? หรือไม่ว่าพวกเขาอยากจะสงสัยอะไร แต่ก็ไม่กล้าที่จะสงสัย !
เธออดไม่ได้ที่จะมองไปในกลุ่มฝูงชน แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของสือมูเฉิน และดูเหมือนว่าแม้แต่รองนายกเทศมนตรีกับทางหย่าหยุนก็ไม่เห็น
ทันใดนั้นในใจเธอก็เริ่มเข้าใจอยู่บ้างแล้วเล็กน้อย ทั้งหมดนี้ก็น่าจะเป็นแผนที่ทางหย่าหยุนวางเอาไว้ ! ให้สือมูเฉินไปที่อื่น แล้วก็เอาศักดิ์ศรีของเธอมาเหยียบมันอยู่ใต้เท้า
“ คุณ รบกวนยืนขึ้น ให้คุณฮั่วค้นตัว !” มีคนพูดขึ้นมาอีกว่า : “ ถ้าไม่อย่างนั้น รอให้งานเลี้ยงจบลง พวกเราก็แจ้งความ และให้ตำรวจรอเค้าอยู่ที่หน้าประตู !”
ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงน่าเกรงขามและมีพลังอย่างน่าพิศวงดังขึ้น และมีใครบางคนเดินเข้ามาพร้อมกับไม้เท้า : “ เกิดเรื่องอะไรกันขึ้น ?”
พอหลานเสี่ยวถางเห็นคนที่เดินเข้ามา ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง