ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 82 สัมผัสกล้ามหน้าท้องของเขา
หลานเสี่ยวถางรู้สึกเพียงแค่ว่าผิวหนังของเธอจักจี้จนใกล้จะอดทนเอาไว้ไม่ไหวอยู่แล้ว เธอทั้งหยิกทั้งบีบก็แล้ว ในที่สุดก็แกะมือที่ไม่สงบของสือมูเฉินออกไปได้แล้ว
เมื่อครู่นี้พึ่งจะโล่งอกไป แต่ทว่า มือของเขากลับอาศัยจังหวะที่ตกลงไปนั้นเองไปวางเอาไว้อยู่ที่บั้นท้ายของเธอ
เธอพลันชะงักนิ่งไป ในวินาทีต่อมา ที่บริเวณเนื้อของบั้นท้ายก็ถูกเขาบีบเบา ๆ
ไม่เจ็บ แต่ทว่ากลับจักจี้เป็นอย่างมาก
ไม่รอช้า หัวไหลของหลานเสี่ยวถางสั่นเล็ก ๆ ก่อนจะหัวเราะออกมา
ในตอนนั้นเอง ผู้ดูแลบ้านก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า “คุณหลาน เรื่องที่ผมเล่าให้ฟังเมื่อครู่นี้ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะครับ? นี่คือประวัติความเป็นมาของโรงบ่มของพวกเราครับผม”
“ค่ะค่ะ เยี่ยมมากเลยค่ะ” หลานเสี่ยวถางตอบกลับไป อันที่จริงแล้ว เดิมเธอก็ไม่รู้เลยว่าเมื่อครู่นี้คุณผู้ดูแลบ้านพูดอะไร
จะรู้ได้อย่างไรกันล่ะ ผู้ดูแลบ้านเอ่ยถามขึ้นมาต่อว่า “ไม่ทราบว่าคุณหลานชื่นชอบวิธีการบ่มเหล้าของพวกเราแบบไหนหรือครับ? หลากหลายวิธีที่ผมได้พูดไปเมื่อครู่นี้ คุณหลานชอบวิธีไหนหรือครับ?”
หลานเสี่ยวถางมึนงงไปหมดแล้ว เธออดที่จะหันไปมองสือมูเฉินไม่ได้
เขาราวกับว่าไม่รับรู้ถึงสายตาที่วิงวอนของความช่วยเหลือจากเธอเลยก็ไม่ปาน ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยเท่านั้น อีกทั้งมือของเขาก็โอบกอดเข้าที่ช่วงเอวของเธอเอาไว้อีกด้วย
หลานเสี่ยวถางทั้งโกรธทั้งกระวนกระวาย แต่ทว่า ไม่ตอบคำถามของเขาไปนั้นก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่าเป็นการไร้มารยาทมาก เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เธอจึงเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ค่ะ ที่ฉันชอบมากที่สุดก็คือ……”
ในตอนที่เธอพูดอะไรไม่ออกอยู่นั้นเอง ท้ายที่สุดสือมูเฉินก็เอ่ยปากช่วยเธอคลี่คลายสถานการณ์ขึ้นมาว่า “ผมว่าดูท่าแล้วคุณหลานชื่นชอบอะไรที่มันงดงามคลาสสิกครับ ก็คงจะค่อนข้างชื่นชอบวิธีบ่มเหล้าแบบดั้งเดิมใช่ไหมล่ะครับ?”
หลานเสี่ยวถางรับพยักหน้า “ค่ะ ฉันชอบวิธีแบบดั้งเดิมค่ะ”
เธอพูดจบ ก็หันไปสบตามองสือมูเฉินอย่างดุ ๆ หนึ่งครั้ง
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง ประจวบเหมาะกับรถคันเล็กที่กำลังผ่านเส้นทางคดโค้งอยู่พอดี เป็นเพราะว่าในตอนกลางคืน มีฝาของท่อระบายน้ำฝาหนึ่งผุพังลึกลงไปเล็กน้อย ดังนั้น รถจึงสั่นไหวอย่างรุนแรงครั้งหนึ่งอย่างรวดเร็ว
สือมูเฉินแสร้งทำเป็นนั่งไม่มั่นคง ถูกแรงสะบัดครั้งหนึ่ง เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ร่างทั้งร่างจึงกดทับไปบนร่างของหลานเสี่ยวถาง ริมฝีปากของเขา ก็ยังประจวบเหมาะและเผอิญประกบลงบนริมฝีปากของเธอเข้าพอดี
ตามมาด้วยเสียงจากไฟของถนนที่เลือนรางจากภายนอกของหน้าต่าง สือมูเฉินทันได้เห็นใบหน้าและแก้มที่แดงซ่านขึ้นมาในทันทีของหลานเสี่ยวถาง รู้สึกเพียงแค่ว่าสนุกสนานเป็นอย่างมาก
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาทั้งยังแสร้งจงใจว่าสูญเสียการควบคุมเล็กน้อย ริมฝีปากทาบทับลงไปยังริมฝีปากของเธอ ภายใต้การประกบของริมฝีปากเธอ หลังจากนั้นจึงค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้นมาอย่างเชื่องช้า เอ่ยว่า “คุณหลานครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ!”
คนขับที่อยู่แถวหน้าและผู้ดูแลบ้านเดิมก็ไม่รับรู้ถึงคลื่นใต้น้ำที่อยู่ทางด้านหลังเลย จึงกล่าวขอโทษขอโพยขึ้นมาว่า “ขอประทานโทษด้วยนะครับทั้งสองท่าน ไม่เป็นอะไรกันใช่ไหมครับ?”
“ไม่เป็นไรครับผม” สือมูเฉินนั่งตัวตรง นัยน์ตาราบเรียบ ราวกับว่าเมื่อครู่นี้ที่อาศัยจังหวะเอาเปรียบนั้นเดิมไม่ใช่เขา
หลานเสี่ยวถางอึดอัดใจเล็กน้อย เธอขบเม้มริมฝีปากไปมา แต่ทว่า ก็ยังไม่รู้อีกว่าควรจะโจมตีสือมูเฉินกลับอย่างไรดี
เขาราวกับว่าคาดเดาความคิดความอ่านของเธอได้ จู่ ๆ ก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหูของเธอ ก่อนจะกดเสียงให้เบาที่สุด “เสี่ยวถางครับ คุณสามารถลูบกลับได้นะครับ”
พูดไป เขาก็นั่งอย่างเปิดเผย ท่าทางราวกับว่ากำลังรอให้เธอลูบไล้ได้อย่างตามใจได้เลย
หลานเสี่ยวถางมองเห็นท่าทางสบายอารมณ์ของสือมูเฉิน บันดาลโทสะจนแทบอยากจะกระทืบเท้า เธอหันศีรษะกลับไป ไม่สนใจเขา
เขาในยามปกติที่โตเป็นผู้ใหญ่ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่จู่ ๆ ก็แปรเปลี่ยนไปเป็นเหลวไหลไร้สาระแบบนี้?
แต่ทว่า เขาเห็นเธอไม่เคลื่อนไหว เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว จึงคว้ามือของเธอมาจับเอาไว้ ก่อนจะดึงเข้ามาหา
หลานเสี่ยวถางต้องการจะดึงมือกลับ สือมูเฉินไม่ปล่อย ทั้งสองคนยื้อแย้งกันแบบนี้ ที่นั่งด้านหลังจึงมีการเคลื่อนไหวอยู่เงียบ ๆ
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ผู้ดูแลบ้านที่อยู่ทางด้านหน้าจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “ทั้งสองท่านครับ เมื่อครู่นี้มีของอะไรตกหล่อนหรือเปล่าน่ะครับ?”
สือมูเฉินเอ่ย “ครับ กระดาษที่วางอยู่ทางเบาะหลังร่วงหล่นลงมาน่ะครับ ผมเก็บกลับคืนไปเรียบร้อยแล้ว”
หลานเสี่ยวถางมองคนที่อยู่ทางด้านหน้าอย่างตกตะลึง จึงทำได้เพียงแค่ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
เพียงแต่ ในวินาทีต่อมา มือของเธอถูกสือมูเฉินดึงเอาไว้อยู่ ก่อนจะกดลงบนกล้ามหน้าท้องของเขา
ราวกับว่ามือของหลานเสี่ยวถางถูกน้ำร้อนลวกก็ไม่ปาน เธอต้องการที่จะเก็บกลับมา แต่ทว่า เขาดึงเธอเอาไว้อยู่ เธอไร้หนทางที่จะเคลื่อนไหว อีกทั้งสัมผัสที่ฝ่ามือของเธอในตอนนี้กลับท้าทายสติของเธอเอาไว้ไม่ยอมหยุด
ไม่พูดไม่ได้ เนื้อส่วนเกินที่หน้าท้องของเขานั้นแทบไม่มีเลยแม้แต่น้อย กล้ามเนื้อเรียงตัวสวยเป็นลอน เขาขยับเกร็งตัวนิดเดียวกล้ามเนื้อก็แข็งแล้ว เป็นลอนชัดเจน แม้กระทั่งเขาที่ดึงมือของเธอเอาไว้อยู่ ให้ลูบไล้เข้ากับกล้ามเนื้อหน้าท้องของเขา
หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าภายในตัวรถขาดอากาศขึ้นมาทันที ใบหน้าและแก้มแดงซ่าน แม้กระทั่งสมองก็เริ่มที่จะมึนงงขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
แต่กระนั้นเอง ผู้ดูแลบ้านที่นั่งอยู่ทางด้านหน้าก็ยังคงเป็นคนที่พูดเยอะอยู่ดี เรียกหาพวกเขาเพื่อพูดคุยด้วยไม่หยุด แต่ทว่าสติของเธอกลับล่องลอยขึ้นไปบนฟ้าแล้ว ในเมื่อประโยคสักประโยคหนึ่งก็ยังตามไม่ทัน ทั้งหมดนั้นก็พึ่งพาอาศัยการตอบกลับอย่างมีอารมณ์ขันของสือมูเฉิน
หลานเสี่ยวถางเห็นมุมปากของสือมูเฉินยกยิ้มขึ้น เกลียดจนคันฟัน สือมูเฉินแทบจะรู้สึกถึงได้แล้ว จึงเบนสายตากลับมา ก่อนจะหันไปยกยิ้มเบา ๆ อย่างทำให้คนสามารถลุ่มหลงได้ครั้งหนึ่ง “คุณหลาน คุณคิดว่าไงครับ?”
สีหน้าบนใบหน้าของหลานเสี่ยวถางแข็งค้างในทันที เดิมไม่รู้เลยว่าควรจะพูดต่ออย่างไรดี
สือมูเฉินกลับเอ่ยปากหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “คุณหลานเนี่ยน่ารักจังเลยนะครับ เมื่อครู่นี้พวกเราหยอกล้อเธอนิดหน่อย เธอก็เขินอายเสียแล้ว!”
เห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อครู่นี้พวกเรากำลังพูดคุยกับเธอกันอยู่!
ในท้ายที่สุด คนขับรถก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ทางด้านหน้าเป็นประตูหลักของโรงบ่มครับ พวกเราใกล้จะถึงแล้วนะครับ”
ในตอนที่หลานเสี่ยวถางลงจากรถ จึงถือว่าได้ผ่อนลมหายใจออกมาครั้งหนึ่ง แต่ทว่า รอยแดงที่ใบหน้าและแก้มยังคงมีบางส่วนที่ยังคงไม่หายไปอยู่เลย
ทุกคนเดินเข้าไปนั่งในห้องโถงจัดงานเลี้ยงแบบส่วนตัวของตระกูลฮั่วกันแล้ว ทางด้านข้าง ก็มีเสียงดนตรีของไวโอลินบรรเลงอยู่ อีกทั้งยังมีคนแสดงวิธีการบ่มไวน์ให้ดูด้วย
ท่านผู้หญิงฮั่วดึงมือของหลานเสี่ยวถาง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาว่า “คุณหลาน เมื่อครู่นี้ที่งานเลี้ยงนั้นยุ่งมากเลย ยังไม่ทันที่จะได้ถามคุณเลย ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่หรือจ๊ะ?”
หลานเสี่ยวถางเอ่ยตอบกลับไปว่า “ตอนนี้ฉันกำลังเขียนโปรแกรมและซอฟต์แวร์อยู่ค่ะ”
“อ๋อ ซอฟต์แวร์งั้นหรือ ฟังดูแล้วท่าจะเป็นของที่คนหนุ่มสาวเล่นเป็นกันสินะ!” ท่านผู้หญิงฮั่วถอนหายใจพลางเอ่ย
“ใช่ค่ะ ท่านผู้หญิงฮั่วคะ ท่านไม่ทราบแน่ เสี่ยวถางเก่งกาจในด้านนี้มากจริง ๆ ค่ะ!” ทางหย่าหยุนเอ่ยขึ้นอย่างจีบปากจีบคอ “โดยปกติแล้วการเขียนโปรแกรมและซอฟต์แวร์เป็นงานของผู้ชายนะคะ แต่ทว่าเสี่ยวถางกลับถนัดเป็นอย่างมาก ตอนนี้งานแบบนี้ในตลาด แทบจะเป็นคนหนุ่มสาวทั้งหมดเลยนะคะที่จะสามารถทำได้!”
“ว้าว พี่หลานนี่มีพรสวรรค์จริง ๆ เลยนะคะเนี่ย” สีหน้าของฮั่วเหมียวเหมี่ยวเอ่ยขึ้นอย่างเลื่อมใส
นัยน์ตาของทางหย่าหยุนฉายประกายก่นด่าออกมาเร็ว ๆ ครั้งหนึ่ง ถึงกระนั้นเธอก็ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ใช่ค่ะ เป็นเพราะว่าได้ทานข้าวของคนหนุ่มสาว เมื่อมีคำสั่งของเถ้าแก่ลงมา ก็รีบทำงานทันที มักจะต้องหามรุ่งหามค่ำกันบ่อย ๆ ดังนั้นโดยปกติแล้วทำถึงตอนอายุสามสิบปี ทั้งหมดก็เปลี่ยนสายงานกันแล้วค่ะ”
“เหนื่อยขนาดนั้นเลยหรือคะ?” ฮั่วเหมียวเหมี่ยวเอ่ย
“ใช่สิคะ!” ทางหย่าหยุนเอ่ย “พนักงานซอฟต์แวร์ในตลาดมีอีกชื่อเรียกหนึ่งด้วยนะคะ เรียกว่าแรงงานเขียนโค้ดค่ะ ท่านได้ยินชื่อนี้ก็คงจะรับรู้กันแล้วนะคะ ว่ามันยากลำบากมาก แล้วก็เป็นเสี่ยวถางค่ะที่สามารถยอมลำบากได้! ”
ในตอนนั้นเอง หลานเสี่ยวถางก็เข้าใจแล้ว ทางหย่าหยุนเอ่ยออกมาแบบนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ากำลังชื่นชมเธอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลับกำลังกดเธอให้ต่ำลงอยู่
เดิมก็ไม่ได้อยากจะเอ่ยกับทุกคนหรอก เธอหลานเสี่ยวถางไม่เป็นไรหรอก ทำได้เพียงแค่พึ่งพิงงานนี้แล้วทำงานอย่างบ้าคลั่งเพื่อหาเงินเท่านั้น!
อีกทางด้านหนึ่ง สือมูเฉินเอ่ยขึ้นอย่างสบาย ๆ ขึ้นมาว่า “ตอนนี้คุณหลานกำลังทำงานอยู่ในบริษัทซอฟต์แวร์ครับ ทางฝั่งนั้นกลับดีเสียอีก ไม่ต้องทำงานล่วงเวลา อีกทั้งยังสามารถทำงานระยะไกลได้ด้วยครับ ทั้งยังถือโอกาสออกไปท่องเที่ยวได้อีกด้วย”
ทางด้านข้าง เมื่อฮั่วเหมียวเหมี่ยวได้ยินดังนั้นแล้ว ทันใดนั้นเองนัยน์ตาก็เป็นประกายขึ้นมาในทันที “พี่หลานคะ พี่ทำงานอยู่ในบริษัทซอฟต์แวร์หรือคะ? ฉันได้ยินพี่เขาบอกว่าสวัสดิการที่นั่นดีมาก มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากเลย! พี่ทำงานอะไรอยู่ที่นั่นหรือคะ?”
หลานเสี่ยวถางเอ่ยอธิบายว่า “ตอนนี้ฉันกำลังเขียนโปรแกรมให้กับรัฐบาลโปรแกรมหนึ่งอยู่ค่ะ หลัก ๆ เลยก็คือการตรวจสอบเงินหมุนเวียนของธุรกิจ”
โปรแกมชัดเจนของโครงการ DEEP บนอินเทอร์เน็ตมีหมด ดังนั้นแล้วหลานเสี่ยวถางพูดออกมากก็ไม่ได้เป็นการเผยความลับอะไร
ในตอนนั้นเอง นายท่านแห่งตระกูลฮั่วที่นั่งไม่เอ่ยอะไรมาโดยตลอดเลยก็เอ่ยขึ้นมาว่า “คุณหลาน ถ้าอย่างนั้นแล้วพวกคุณสามารถเขียนโปรแกรมเกี่ยวกับการดูแลเกี่ยวกับประเภทของการเก็บไวน์ในอุโมงค์ได้ไหม?”
หลานเสี่ยวถางเอ่ยถามขึ้นมาว่า “นายท่านฮั่วคะ ท่านช่วยพูดถึงรายละเอียดอีกสักหน่อยได้ไหมคะ”
“ยกตัวอย่างเช่น ในอุโมงค์เก็บไวน์นั้นมีเครื่องเกี่ยวกับรับประสาทสัมผัสอยู่ คอยควบคุมอุณหภูมิ ในขณะเดียวกัน อีกทั้งยังมีพื้นที่แสดงธัญพืชที่เก็บอยู่ในยุ้งฉางด้วยเป็นต้น……” นายท่านแห่งตระกูลฮั่วเอ่ย “มีของมากมายที่จำเป็นต้องคอยควบคุมดูแล แต่ทว่าตอนนี้พวกเราเชิญคนมาคอยดูแลอยู่ แบบนี้มันสิ้นเปลือกทรัพยากรบุคลากร ถ้าหากว่ามีคนลืมหรือว่าสะเพร่าอย่างอื่นแล้วล่ะก็ ทั้งหมดก็อาจจะเกิดความเสียหายเล็กน้อยขึ้นมาได้”
หลานเสี่ยวถางได้ฟังแล้ว ทันใดนั้นก็พยักหน้าในทันที “นายท่านฮั่วคะ ที่ท่านเอ่ยถึงเจ้าสิ่งนี้ เป็นการมีมากกว่ารูปแบบของโปรแกรมควบคุมดูแลที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้ สิ่งนี้ไม่มีปัญหาค่ะ สามารถควบคุมได้จริงจากซอฟต์แวร์ค่ะ เพียงแต่ว่าต้องติดตั้งตัวชี้ต่าง ๆ กับรันระบบ อีกทั้งยังสามารถเตือนภัยล่วงหน้าได้ด้วย ในขณะเดียวกัน ยอดรายรับของท่าน รายงานประจำปีเป็นต้น ทั้งหมดสามารถเกิดขึ้นได้จริงค่ะ”
ทันใดนั้นเอง นายท่านแห่งตระกูลฮั่วก็เกิดความรู้สึกสนอกสนใจขึ้นมาทันที “คุณหลาน คุณสามารถอธิบายให้ละเอียดกว่านี้หน่อยได้ไหม? หรือว่า จะให้พวกเราเรียนเชิญคุณมาติดตั้งโปรแกรมโดยเฉพาะดีล่ะ?”
“ย่อมได้อย่างแน่นอนค่ะ……” หลานเสี่ยวถางเอ่ยขึ้นถึงสาขาวิชาของเธอ ทันใดนั้นเองก็ราวกับว่าแปรเปลี่ยนไปเป็นอีกคน ร่างทั้งร่างดูสดใสขึ้นทันตาหลายส่วน เธอเริ่มอธิบายรายละเอียดของรูปแบบความคิดอย่างชัดเจน หลังจากนั้น ก็รับปากว่าตนเองสามารถทำงานแบบนี้ได้
ทางด้านข้าง ทางหย่าหยุนเห็นฉากนี้ทั้งหมด ใบหน้าเขียวไปหมดแล้ว
เธอนึกไม่ถึงเลยในทันที เดิมคิดอยากที่จะให้หลานเสี่ยวถางปล่อยไก่ ตอนนี้ กลับทำให้หลานเสี่ยวถางกลายเป็นที่น่าจับตามองในงานเลี้ยงเสียแล้ว แม้กระทั่งเพื่อนสองสามคนของตระกูลฮั่ว ทั้งหมดก็กำลังนั่งฟังเธอเริ่มอธิบายขึ้นมาแล้ว!
ทุกคนพูดคุยกับอยู่ครู่หนึ่ง ก็เริ่มตัดสินใจกันอย่าแน่วแน่แล้วว่าจะเรียนเชิญหลานเสี่ยวถางมาช่วยติดตั้งโปรแกรม อีกทั้งยังบอกอีกด้วยว่า รอให้ถึงช่วงเวลาสุดสัปดาห์ จะพาหลานเสี่ยวถางไปชมทัศนียภาพโดยรอยอีกด้วย
ในตอนนั้นเอง คุณอาสองฮั่วที่รับหน้าที่ดูแลการบ่มไวน์ของตระกูลฮั่วเดินเข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยว่า “ทุกท่านครับ วันนี้ไวน์แดงเฉินเหนียงที่พวกเราบ่มเอาไว้ครบรอบสิบห้าปีพอดี อีกทั้งยังเป็นไวน์ที่คุณพ่อของผมท่านบ่มขึ้นเองกับมืออีกด้วย ตอนนี้ ผมนำมาให้ทุกคนได้ลิ้มลองกันครับ!”
เมื่อจบประโยค แขกเหรื่อทุกคนก็นัยน์ตาเป็นประกายกันทันที
คุณอาสองฮั่วเทไวน์ใส่แก้วให้กับทุกคนด้วยตนเอง หลังจากนั้นจึงเอ่ยว่า “เฉินเหนียงเป็นไวน์ที่พอดีในช่วงสุดท้าย เวลาดื่มทุกท่านรบกวนดื่มช้า ๆ นะครับ ค่อย ๆ ลิ้มรสช้าของมันอย่างช้า ๆ และรับรู้ถึงความแตกต่างที่ไม่เหมือนกันกับไวน์แบบธรรมดา”
“นึกไม่ถึงเลยว่าวันนี้พวกเราจะสามารถได้ลิ้มรสมือของนายท่านแห่งตระกูลฮั่ว!” แขกเหรื่อเพลิดเพลินไปหนึ่งอึก ก่อนที่จะอดเอ่ยชื่นชมออกมาไม่ได้ว่า “ที่แท้ก็ไม่เหมือนกับที่ขายที่ด้านนอกเลย! นายท่านฮั่ว นี่ท่านไม่เพียงแต่ได้มาตรฐานแล้วครับ ดูท่าแล้วไวน์ล้ำเลิศคงจะกักเก็บเอาไว้ส่วนตัวสินะ! ไวน์ที่พวกเราซื้อมาจากร้านแฟนไชส์ของ Huo Group มันไม่ใช่รสชาตินี้นี่น่า!”
ทุกคนพูดคุยและหัวเราะกัน ในตอนนั้นเอง ก็มีคนเอ่ยถึงน้ำพุร้อนที่อยู่ทางด้านนอกทั้งผลิตภัณฑ์ไลน์ทั้งบ่อน้ำพุร้อน
ตระกูลฮั่วเดิมก็ตระเตรียมการมาอย่างสมบูรณ์แบบมาโดยตลอด ดังนั้นแล้ว ไม่นานนักก็นำแขกเหรื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
เมื่อออกจากบริเวณลานกว้างของตระกูลฮั่วแล้ว มีตาน้ำพุของน้ำพุร้อน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ตอนแรกยังคงเห็นตาน้ำพุเล็กใหญ่หลายสิบบ่ออยู่ที่สระน้ำพุร้อน
ทุกคนเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เป็นเพราะว่าไม่แยกชายหญิง แทบจะเป็นคู่กันไปทั้งหมด ดังนั้นแล้ว สัญชาตญาณของหลานเสี่ยวถางก็นำพาเข้าไปหาสือมูเฉินที่อยู่ทางด้านข้างทันที
เพียงแต่ เมื่อครู่นี้ที่เธอสาวเท้ายาว ทางหย่าหยุนก็เอ่ยปากขึ้นมาแล้วว่า “เสี่ยวถาง พวกเราไปแช่น้ำพุร้อนด้วยกันเถอะค่ะ! ครีมอาบน้ำสูตรนมดีต่อผิวของเด็กสาวอย่างพวกเรานะคะ!”
นัยน์ตาของสือมูเฉินเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที กำลังจะเอ่ยปากพูดอะไร ทางหย่าหยุนก็เดินเข้าไปพูดคุยกับท่านผู้หญิงฮั่วที่อยู่ทางด้านข้างแล้ว “ท่านผู้หญิงฮั่วคะ ท่านดูสิคะว่ารูปร่างของเสี่ยวถางดีแค่ไหน ถ้าหากว่าท่านรู้จักหนุ่มหล่อคนไหนเข้าแล้ว อย่าลืมแนะนำด้วยนะคะ!”
ทางหย่าหยุนในตอนนี้เทหมดหน้าตักแล้ว สือมูเฉินวางแผนส่งเธอให้กับรองนากยกเทศมนตรี เรื่องนี้ดังไปถึงหูของมารดาของตนเองเรียบร้อยแล้ว
ความปรารถนาเดียวมาโดยตลอดของมารดา เมื่อได้ยินเรื่องของรองนายกเทศมนตรีแห่งเมืองไห่หลินแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยพอใจที่อีกฝั่งอายุอานามก็มากแล้ว แต่ทว่า กลับรู้สึกว่าจะส่งบุตรสาวของตนเองแต่งเข้าไปเรียบร้อยแล้ว ในเมื่อ ตระกูลทางเองนั้นก็มีแต่เปลือกเท่านั้น อีกทั้งยังสั่งให้บุตรสาวนั้นขยันออกแรงมีมารยาทมากเสียแล้ว ให้น้องชายของทางหย่าหยุนแต่งสะใภ้อีกด้วยนะ!
ดังนั้นแล้ว งานแต่งงานครั้งนี้เธอจะไม่แต่งก็ไม่ได้แล้ว!
ท่านผู้หญิงฮั่วได้ยินคำพูดของทางหย่าหยุนแล้ว อดที่จะเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้ว่า “เสี่ยวถางกับคุณสือไม่ได้เป็นแฟนกันหรอกหรือ……”