ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 84 ผมใส่ใจคุณ สกปรกมากไปแล้วนะครับ
ทางหย่าหยุนเดินเข้ามาแล้ว แต่ทว่า หาอยู่ค่อนวันกลับไม่พบคนในบ่อน้ำพุร้อนเลย
เดิมเธอยังคงอยู่ที่ขอบสระเมื่อครู่นี้อยู่ แต่ทว่า ในตอนที่เห็นสือมูเฉินไปหาหลานเสี่ยวถางแล้ว อีกทั้งยังอยู่ในสถานที่แบบนี้อีก แทบจะหลับตาก็สามารถคิดออกได้ว่าทั้งสองคนจะทำอะไรกัน
ดังนั้นแล้ว เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรี่ยวแรงมาจากที่ไหน ถึงลุกขึ้นยืนได้ หลังจากนั้น ก็มาตามหาตามชายขอบเรื่อยมาก
แต่ว่า ผู้ใหญ่ทั้งสองคน รอบข้างก็ไม่มีทางแยกไปไหนได้อีก จะสามารถหายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้ได้อย่างไรกันนะ?
ในตอนที่ทางหย่าหยุนกำลังสับสนมึนงงอยู่นั้นเอง สายตาก็อดที่จะไปหยุดลงที่สวนดอกไม้เอาไว้ไม่ได้
ขนทั่วร่างของเธออดที่จะลุกชันขึ้นมาไม่ได้ หรือว่า สือมูเฉินกับหลานเสี่ยวถางจะอยู่ในสวนดอกไม้……
หัวใจของเธอตรงดิ่งทันที เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จึงเดินตรงเข้าไปยังสวนดอกไม้
ในตอนนั้นเอง ที่สวนดอกไม้ลึก หลานเสี่ยวถางเดิมเป็นเพราะว่าทางหย่าหยุนมาแล้ว จึงมีสติตื่นขึ้นมาหลานส่วน ภายใต้จูบแผ่วเบาของสือมูเฉิน ก็อดไม่ได้ที่จะค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นสับสนงุนงงอีกครั้ง
ในการทำงานของฤทธิ์แอลกอฮอล์นั้นเอง เธอลืมยางอายไปแล้ว แปรเปลี่ยนเป็นฝ่ายจู่โจมมากกว่าเดิม ยินดีต้อนรับจังหวะของสือมูเฉินที่ลุกล้ำเข้ามาลึก
ข้างกาย ใต้แสงจันทร์ท่ามกลางดอกไม้เป็นเพราะว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขานั้นเอง จึงทำให้กิ่งไม้สั่นไหวเล็ก ๆ ไม่หยุด กลิ่นหอมพัดลอยเข้ามาอย่างแผ่วเบา ทำให้คนเมามายไปในทันที
หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าร้อนมากยิ่งขึ้น ความรู้สึกภายในร่างกายทำให้เธอทั้งเสียวทั้งทรมาน เธอคล้องคอเอาไว้ เสียงครางต่ำดังลอดออกมาจากริมฝีปากของเธอไม่หยุด
แขนของเธอกอดรัดสือมูเฉินเอาไว้แน่น เขาก้มศีรษะลงมาก ก่อนจะกดจูบเข้าที่ซอกคออ่อนไหวที่สุดของเธอไม่ยอมหยุด
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงดังมาจากไกล ๆ แทบจะเป็นในตอนนั้นเองที่ทางหย่าหยุนเปิดดอกไม้ออก ถูกหนามของกุหลาบตำเข้าให้ ก่อนจะส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมาครั้งหนึ่ง
หลานเสี่ยวถางมีสติกลับคืนมา เธออดที่จะมองไปยังสือมูเฉินไม่ได้
เขาก้มศีรษะประทับจูบเธอลงไปครั้งหนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นแล้วผมจะเร็วขึ้นอีกหน่อย”
พูดไป การเคลื่อนไหวของเขาก็เร็วมากยิ่งขึ้น เธอถูกเขาสอดใส่เข้าไปลึกอีกครั้ง จนกระทั่งปลดปล่อยเข้าไปในส่วนลึกของร่างกายของเธอ เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าสมองนั้นขาวโพลนไปหมด ขนทั่วร่างลุกชัน ทันใดนั้นเอง แทบจะลืมเลือนทั้งหมดไปเลย
ทางหย่าหยุนเจ้าเก่าได้ยินเสียงครางเข้าให้แล้ว แต่ทว่า รอบข้างก็ยังคงมีของรบกวนเธอเอาไว้อยู่ตลอด เธอวิ่งเข้าไปหาอย่างเร่งรีบ ก่อนจะเหยียบเข้ากับอะไรอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ล้มลงไปกันพื้น
ในตอนนั้นเอง หัวเข่าของเธอถลอกปอกเปิก มีเลือดสีแดงไหลออกมา มือก็ถูกหนามตำเข้าอยู่หลายแห่งเป็นรูเล็ก ๆ อยู่หลายรู
เพียงแต่ว่า เดิมทางหย่าหยุนไม่ได้สนใจอย่างอื่น เธออยากที่จะพุ่งไปดู หลานเสี่ยวถางมีอะไรดี ถึงกระทั่งทำให้สือมูเฉินลุ่มหลงเอาได้เพราะเธอ!
ในที่สุดเธอก็ส่งเสียกลับมา ในตอนที่ล้มลุกคลุกคลานแล้ววิ่งไปหาสือมูเฉินทั้งสองคนนั้นเอง ทั้งสองคนก็แทบจะเสร็จสมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในตอนนั้น ภายใต้แสงจันทร์ หลานเสี่ยวถางพิงอยู่ในอ้อมกอดของสือมูเฉิน เธอสวมใส่รองเท้าผ้าใบ ดังนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเปียกชื้นเล็กน้อย ภาพที่พิงเข้าหากันแบบนั้น ดูท่าแล้วดูสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก
มือข้างหนึ่งของสือมูเฉินโอบกอดหลานเสี่ยวถางเอาไว้ มืออีกข้างก็ถือแก้วไวน์เอาไว้อยู่ กำลังชิมอย่างเชื่องช้า มองไปยังทางหย่าหยุน เขาราวกับว่าเห็นอากาศ แม้กระทั่งปฏิกิริยาเพิ่มเติมมาก็ไม่มีเลย
ทางหย่าหยุนบันดาลโทสะจนตัวสั่น เธอชี้ไปที่ทั้งสองคน “เมื่อครู่นี้พวกคุณทำอะไรกันอยู่ตรงนี้คะ?!”
ในตอนที่เธอเดินเข้าไปใกล้ ก็ถือว่าเห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว ใบหน้าและแก้มของหลานเสี่ยวถางแดงก่ำ ภายในดวงตามีม่านน้ำตาอยู่ชั้นหนึ่ง ราวกับว่าเมื่อครู่นี้มีฝนตกลงมา
เมื่อได้ยินคำพูดของทางหย่าหยุนแล้ว สายตาของสือมูเฉินถึงหันกลับมา ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น “คุณทางเองก็ไม่ใช่เด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะนะนี่ครับ ผมกับเสี่ยวถางทำอะไรกัน ถ้าว่าคุณไม่รู้เชียวหรือ?”
นึกไม่ถึงเลยว่าเข้าจะออกรับหน้าขนาดนี้ ทางหย่าหยุนรู้สึกว่าโดนตบหน้าขึ้นไปอีก ประโยคของเธออีกสองสามประโยคนั้นล้วนสั่นเทา “คุณ พวกคุณอามีอะไรกัน แถมยังทำกันในบ้านของคนอื่น……”
“ถ้าอย่างนั้นแล้วจะอย่างไร?” สือมูเฉินจิบไวน์เข้าไปหนึ่งอึก หลังจากนั้น ก็ก้มศีรษะลงไปจูบหลานเสี่ยวถาง
ทางหย่าหยุนในตอนนี้ อีกนิดเดียวก็แทบจะพุ่งเข้าไปแยกทั้งสองคนออกจากกันแล้ว
เธอกระทืบเท้า “คุณอาเป็นอาของเธอนะคะ!”
“ฮ่า ๆ อย่าพูดเลยว่าผมกับเธอไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันทางสายเลือด ถึงแม้ว่าผมจะเป็นอาของเธอจริง ๆ ——” ใบหน้าของสือมูเฉินเย็นยะเยือก นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตำหนิเหยียดหยาม “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณอีก!”
เดิมทางหย่าหยุนก็ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยอะไรดี แผ่นอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลงอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยออกไปประโยคหนึ่งว่า “คุณอาคะ อาจะต้องโดนผู้หญิงคนนี้หลอกเข้าให้แน่ ๆ!”
“เผอิญว่าเรื่องของผม อยากที่จะฟังจังเลยว่าจะโดนหลอกรูปแบบไหน?” สือมูเฉินพูดไป ก่อนจะกวาดสายตาไปครั้งหนึ่ง เมื่อเห็นว่าทางด้านข้างมีเก้าอี้หินอยู่ตัวหนึ่ง ดังนั้นแล้วจึงดึงหลานเสี่ยวถางไปนั่งลง แล้วดึงเธอมาไว้ในอ้อมกอด หลังจากนั้นก็จัดแจงผมเฝ้าชี้ฟูของหลานเสี่ยวถางไปพลาง ก่อนจะรอประโยคต่อไปของทางหย่าหยุนไปพลาง
“เธอเป็นยายจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ อันดับแรกก็ทำร้ายพี่ชายของฉัน ตอนนี้ก็มาทำร้ายคุณอาแล้ว!” ทางหย่าหยุนสบตามองเข้ากับสายตาของสือมูเฉิน เพียงแต่ว่าเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเขาไม่มีความรู้สึกใดเลย แต่ทว่า ในสายตาแบบนั้น เธอกลับมีความรู้สึกล่องหนบางอย่าง
ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังกัดฟันแล้วเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “หากว่าคุณอาต้องการอยู่ด้วยกันกับอดีตภรรยาของหลานชายแท้ ๆ แล้วล่ะก็ ชื่อเสียงของคุณอาจะต้องย่อยยับแน่! หุ้นของอาใน Times Group ก็จะถูกเก็บกลับไปอย่างแน่นอนค่ะ!”
“พูดมาขนาดนี้แล้ว คุณทางเป็นห่วงผมจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?” สือมูเฉินเลิกคิ้ว ราวกับจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม
“คุณอาคะ ความรู้สึกที่ฉันมีต่อคุณอาคุณอาไม่ทราบหรอกหรือไงกันคะ จะไม่ให้ไม่สนใจคุณอาได้อย่างไรกันคะ?” ทางหย่าหยุนรู้สึกว่าเหมือนจะมีละคร จึงรีบกักเก็บความรู้สึกที่มีกลับไปก่อนจะสบตามองสือมูเฉิน
สือมูเฉินปล่อยอ้อมแขนลง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่ไม่ดังขึ้นมาว่า “ถึงแม้ว่าผมจะยกคุณให้กับผู้ชายคนอื่น คุณก็จะไม่โทษผม?”
ทางหย่าหยุนส่ายหน้า “วันนั้นเป็นฉันที่ผิดไปแล้วค่ะ ฉันไม่โทษคุณอา แล้วก็ไม่ใส่ใจด้วย”
“แต่ทว่าผมใส่ใจน่ะสิครับ” สือมูเฉินเอ่ย “ผมใส่ใจคุณนะ สกปรกมากไปแล้ว”
สีหน้าของทางหย่าหยุนแข็งค้าง
สือมูเฉินเอ่ยสมทบขึ้นมาอีกว่า “ผมได้เคยพูดต่อคุณไปแล้วหรือยังนะ ว่าอย่ามาพุ่งเป้ามาที่เสี่ยวถางอีก แล้วก็อย่ามาหาเรื่องวุ่นวายให้ผมอีกน่ะ?”
พูดไป เขาก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะดึงมือของหลานเสี่ยวถาง แล้วหันไปเอ่ยกับทางหย่าหยุนว่า “คุณท้าทายความอดทนของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า พอดีเลยครับ ความอดทนของผมมลายหายไปเสียแล้ว”
เขาทิ้งประโยคไว้ ก่อนจะพาหลานเสี่ยวถางจากไป
ในสวนดอกไม้ ตอนนี้เหลืองเพียงแค่ทางหย่าหยุนเท่านั้น
เธอกำลังจะตามไปถามความหมายของเขา ในพื้นลาดเอียง มืออวบอ้วนมือหนึ่งก็วางเข้าที่ช่วงเอวของเธอเข้าพอดี
เธอตกตะลึง ก่อนจะหันไปเห็นรูปร่างอ้วนท้วมของรองนายกเทศมนตรี
ทางหย่าหยุนหมายจะจากไปอย่างอำมหิต แต่ทว่า ท่านรองนายกเทศมนตรีกลับคว้ามือของเธอให้หยุดเอาไว้ เขาออกแรงที่มือ ก่อนจะบีบเธอจนเจ็บ
“ทำอะไรคะ?” ทางหย่าหยุนดึงออกครั้งหนึ่ง แต่กลับดึงไม่ออก บันดาลโทสะเล็กน้อย
“นึกไม่ถึงเลย ว่าคุณจะโหยหาอาของตนเองแบบนี้!”คำพูดประโยคหลังของทางหย่าหยุน เขาได้ยินหมดแล้ว นัยน์ตาของท่านรองนายกเทศมนตรีจึงเต็มไปด้วยไฟโทสะ
“ถ้าอย่างนั้นแล้ว——” ประโยคของทางหย่าหยุนยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยจนจบ ก็ถูกรองนายกเทศมนตรีกดเข้ากับหินม้านั่งแล้ว
เธอตกตะลึง เขาหันไปเอ่ยด้วยโทสะต่อเธอว่า “ทางหย่าหยุน ทางที่ดีคุณต้องจริงใจต่อผมหน่อย! วันนี้ที่บ้านคุณก็ดูพึงพอใจกับของขวัญที่ผมส่งไปให้เป็นอย่างมาก สมุดทะเบียนบ้านของคุณพวกเขาก็จะส่งมาให้ผมในวันนี้แล้ว! ในอนาคตคุณอยู่ที่เมืองไห่หลิน หากไม่ทำตัวให้เข้าร่องเข้ารอยต่อผม กล้าที่จะสวมหมวกเขียวเล่นชู้ลับหลังผม ผมมีวิธีที่จะจัดการกับคุณแน่!”
ร่างทั้งร่างของทางหย่าหยุนตกตะลึงไปในทันที หลังจากนั้นจึงเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว
เธอจะลืมไปได้อย่างไรกัน สถานะของชายตรงหน้านี้ถึงแม้จะไม่ใช่มือเดียว แต่ทว่า เขากลับเป็นถึงรองนายกเทศมนตรีของเมืองหนึ่งเลยเชียวนะ เธอจากบ้านจากเมืองแต่งมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นแล้วหลังจากนี้……
ทันใดนั้นเอง เธอกลับรู้สึกเสียใจในภายหลังนิดหน่อยแล้วจริง ๆ ถ้าหาก แต่ทว่าหากไม่ได้วางแผนเพื่อทำร้ายสือมูเฉิน หรือไม่ หลังจากที่วางแผนทำร้ายสือมูเฉินแล้ว ถ้าหากไม่พุ่งเป้าไปที่หลานเสี่ยวถางแล้วล่ะก็ ถ้าอย่างนั้น……
แต่ทว่า เดิมเธอก็ไม่มีโอกาสที่จะต้องมาเสียใจในภายหลังเลย ผู้ชายคนที่ดื่มไวน์จนเมามากแล้วอดทนรอไม่ได้แล้ว ทั้งหมดจึงระบายอารมณ์ทั้งหมดลงบนร่างทั้งเธอ
ไม่มีจังหวะอื่นใดเลย รองนายกเทศมนตรีก็จับขาของเธอแยกจากกันแล้วใส่เข้าไปด้านในทันที กระแทกจนเธอเจ็บปวด
ตอนนี้ หลานเสี่ยวถางกับสือมูเฉินเดินออกมากันจากสวนดอกไม้แล้ว ทั้งสองคนว่ายน้ำกลับไปที่สระน้ำนมพร้อมกันใกล้ ๆ
หลานเสี่ยวถางนึกถึงเรื่องด่วนขึ้นมาได้ จึงอดที่จะหันไปเอ่ยถามสือมูเฉินด้วยความกังวลไม่ได้ว่า “มูเฉินคะ คุณว่าเรื่องของฉันทางนี้ ตอนนี้คนในเมืองไห่หลินคงรับรู้กันหมดแล้ว เขาจะบอกกับสือเพ่ยหลินไหมคะ มันจะไปรบกวนแผนการของคุณหรือเปล่าคะ?”
สือมูเฉินส่ายหน้าไปมา นัยน์ตาลึกซึ้งไม่ชัดเจน “เสี่ยวถางครับ คุณวางใจเถอะ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ก็สายไปเสียแล้วล่ะครับ อีกประเดี๋ยว จะมีเรื่องเรื่องหนึ่ง ที่จะทำให้เขายุ่ง”
“เรื่องอะไรหรือคะ?” หลานเสี่ยวถางเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย
สือมูเฉินยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก “พวกเรา จะส่งของขวัญชิ้นใหญ่ไปให้เขาด้วยกันครับ”
หลานเสี่ยวถางดื่มไวน์จนความคิดเลอะเลือน ยังคงไม่เข้าใจมากนัก เธอสบตามองสือมูเฉิน รอเขาอธิบาย
แต่ทว่า เขาแสร้งแกล้งอีกแล้ว ก่อนจะหันไปมองเธอที่เมามาย อีกทั้งยังเอ่ยอย่างลึกลับขึ้นอีก “ถึงเวลานั้นก็จะรู้แล้วล่ะครับ เด็กดีครับ พื้นที่ความจำในสมองของคุณน้อยนัก ไม่ต้องกังวลมากขนาดนั้นหรอกครับ”
หลานเสี่ยวถางไม่พอใจ ก่อนจะวักน้ำในบ่อน้ำพุร้อนใส่สือมูเฉิน สือมูเฉินหลับตาลง ให้เธอวักน้ำใส่
รอให้เธอวักน้ำใส่จนพอแล้ว เขาลืมตา ใบหน้าหล่อเหลาประดับไปด้วยหยาดน้ำ ให้ความรู้สึกหล่อเหล่าดึงดูดเป็นอย่างมาก
เขาลุกขึ้นยืนจากสระน้ำนมอย่างรวดเร็ว สายตามองต่ำลงไปในใต้ร่มผ้าของตนเองที่ตั้งชี้ขึ้นมา ก่อนจะหันไปเลิกคิ้วใส่หลานเสี่ยวถาง “กล้าใช้นิ้วแตะไหมครับ?”
ใบหน้าของหลานเสี่ยวถางเห่อร้อนขึ้นมาในทันที เธอชี้ไปยังที่ตรงนั้นของเขา “คุณเมื่อครู่นี้ไม่ได้พึ่งจะ……ทำไมอีกล่ะ……”
สือมูเฉินเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “ใครใช้ให้เมื่อครู่นี้คุณมาสีผมใต้น้ำกันล่ะครับ?”
ดังนั้นแล้ว นี่เป็นความผิดของเธออีกหรือไง?
หลานเสี่ยวถางจะยิ้มก็ยิ้มไม่ออกจะร้องก็ร้องไม่ออก
เป็นเพราะว่าต้องทำงานร่วมกับกับตระกูลฮั่ว ดังนั้นแล้ว ในภายหลังหลานเสี่ยวถางยุ่งกว่าสือมูเฉินอีก
ทุกวันตอนกลางวัน ในตอนเช้าเธอร่ำเรียนกับอาจารย์ที่ปรึกษา อีกทั้งในช่วงเวลาตอนบ่ายนั้น เร่งมือทำโครงการของบริษัทซอฟต์แวร์ ในตอนกลางคืน ยังกำหนดโครงสร้างให้กับ Huo Group อีกด้วย
ยังดีที่ในงานเลี้ยงสือมูเฉินแนะนำเพื่อน ๆ ให้เธอสองสามคนว่าเขียนซอฟต์แวร์ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว สองสามคนมารวมตัวกัน ก็เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างพื้นฐานขึ้นมาแล้ว
หลังจากรอจนกระทั่งโครงสร้างก่อตั้งเสร็จสมบูรณ์แล้ว จู่ ๆ หลานเสี่ยวถางก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมา
ถ้าหาก ว่าตัวเธอเองสร้างทีมหนึ่งขึ้นมา ทำงานด้านนี้โดยเฉพาะ จะสามารถเพิ่มชื่อเสียงเรียงนามได้ไหมนะ?
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เธอจึงตั้งชื่อให้กับตนเองชื่อหนึ่งว่า Begonia มาจากความหมายของดอกไห่ถาง หลังจากนั้น หลังจากที่เตรียมตัวกลับหนิงเฉิงแล้ว ก็จดทะเบียนบริษัทเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เริ่มต้นจากศูนย์
หนึ่งสัปดาห์ก่อน สือมูเฉินและหลานเสี่ยวถางก็ได้รับการ์ดเชิญจากท่านรองนากยกเทศมนตรีที่ส่งมาให้ เรียนเชิญพวกเขาให้ไปร่วมงานแต่งของรองนายกเทศมนตรีและทางหย่าหยุน
งานแต่งงานกำหนดเอาไว้ในสองเดือนหลังจากนี้ ช้ากว่าของสือเพ่ยหลินเดือนกว่า
ดังนั้นแล้ว หนึ่งสัปดาห์ให้หลัง สือมูเฉินพาหลานเสี่ยวถางกลับหนิงเฉิง เข้าร่วมงานแต่งงานของสือเพ่ยหลินก่อน หลังจากงานแต่งงานแล้ว ค่อยกลับไปที่เมืองไห่หลิน แล้วค่อยเริ่มทำงานของ Times Group ในโครงการฝั่งตะวันตกต่อไป
เป็นเพราะว่าเมื่อก่อนสือมูเฉินเคยเอ่ยเอาไว้ ว่าจะมอบของขวัญแต่งงานชิ้นใหญ่ให้สือเพ่ยหลินในวันแต่งาน ดังนั้นแล้ว หลานเสี่ยวถางรู้สึกสนอกสนใจเป็นอย่างมาก ตั้งตารอคอยนิดหน่อยสำหรับวันที่จะเดินทางมาถึง
แต่ทว่า เธอกลับไม่ได้รับการ์ดเชิญ คงจะไม่ได้มาเชิญด้วยตนเองหรอกนะ?
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ในวันก่อนงานแต่งงานหนึ่งวัน เธอได้รับสายโทรศัพท์จากเฉินจื่อโร่ว เฉินจื่อโร่วยังถามที่อยู่ของเธอในสายด้วย ให้คนนำการ์ดเชิญมาส่งให้เธออย่างลำพองใจ