ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 9 คุณไม่เกียดเลย ไม่อยากเหยียบพวกเขาแล้วเหรอ
ในภาพ เป็นข้อเสนอให้กับตระกูลหลาน
แม้ว่าหลานเสี่ยวถางจะไม่กลับไปหาครอบครัวบ่อยหน่อย แต่เธอก็รู้ว่าธุรกิจตระกูลหลานไม่ดีเท่าปีที่ผ่านผ่านมา และโครงการประมูลนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับพ่อและแม่บุญธรรมของเธอมาก
หากการประมูลนี้ล้มเหลว ครอบครัวตระกูลหลานจะล้มละลายและอาจมีหนี้มหาศาล
และเธอถูกเลี้ยงดูและเติบโตมากับตระกูลหลาน จะทนดูตระกูลหลานพินาศได้อย่าง !
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความคิดของเธอ
สือเพ่ยหลินเอาจุดอ่อนข้อนี้มาบังคับให้เธอยอมหย่า
เขาเกลียดเธอขนาดนั้นเลยเหรอ? รังเกียจมากจนต้องขับไล่เธอออกไปจากชีวิตของเขา แถมยังนอนกับโร่วโร่วต่อหน้าเธอ!
แม้จะเกลียด แต่ความสัมพันธ์ของตระกูลหลานกับตระกูลสือก็ไม่ได้แย่ เขาเฝ้าดูตระกูลหลานอยู่ห่างๆ และไม่ได้อยากให้ตระกูลหลานล้มละลาย !
ในเวลานี้ โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง และหลานเสี่ยวถางกดรับ
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ น้ำเสียงของสือเพ่ยหลินเย็นชาจนไม่มีความรู้สึกใดๆ
เธอไม่ได้พูดอะไร
“ผมรู้ว่าคุณเห็นมันแล้ว” สือเพ่ยหลินกล่าว “พรุ่งนี้เช้าหาเวลาออกมา หากคุณไม่อยากให้บริษัท Times Group เข้าร่วมโครงการเล็กๆ นี้ล่ะก็ คุณคงรู้ใช่ไหมว่าต้องทำอย่างไร”
หลานเสี่ยวถางบีบโทรศัพท์แน่นและกดหลังของเธอกับผนังห้องน้ำอย่างแรง เธอรู้สึกเพียงว่าลวดลายที่ยื่นออกมาอย่างไม่สม่ำเสมอทำให้เธอเกิดความเจ็บปวด แต่เธอก็ชอบความเจ็บปวดนี้
เธอพูดกับสือเพ่ยหลินที่ปลายโทรศัพท์อีกด้าน ” ฉันอยากจะถามคำถามคุณคำถามหนึ่ง ”
สือเพ่ยหลินกล่าวเบา ๆ : ” คุณพูด ”
เธอกลั้นหายใจและพูดเน้นคำช้าๆ ” คุณกับฉันแต่งงานกันมาสองปีแล้ว ฉันแค่อยากรู้ว่าคุณเคยรักฉันสักครั้งไหม ? ”
ปลายสายอีกด้านหนึ่ง ใจของสือเพ่ยหลินเต็มไปด้วยความหงุดหงิดที่อธิบายไม่ถูก เธอเป็นแบบนี้เสมอเหมือนคอยเตือนเขาตลอดเวลาว่าเธอดีกับเขาแค่ไหน?
ความรู้สึกแบบนี้เป็นเหมือนกุญแจมือที่ล็อกเขาเอาไว้ ทำให้เขาเบื่อมากๆ เขาแทบจะทนไม่ไหวและต้องการกำจัดความรู้สึกนี้ทิ้งให้สิ้นซาก !
คิ้วของเขาย่นลงอย่างเห็นได้ชัดและเขารีบตอบกลับแบบไม่ต้องคิด ” ไม่เคย ”
“ได้ พรุ่งนี้เช้า ฉันจะไปคุยกับคุณเรื่องการหย่า” หลานเสี่ยวถางพูดจบ โทรศัพท์ก็หลุดจากมือแทนที่จะหยิบขึ้นมา เธอกลับหันหลังและเปิดฝักบัวอาบน้ำ
น้ำตาอาบทั้งสองแก้มของเธอ
ตอนนี้หน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำ เธอไม่รู้ว่ามันคือน้ำตา เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าช่วงเวลานี้ในชีวิตของเธอ มันน่าขำสิ้นดี !
เพื่อผู้ชายคนคนนั้น เธอยอมทิ้งทุกอย่าง แม้กระทั่งหยุดเรียนและทิ้งงานที่ดีที่สุดของเธอไปเพื่อดูแลผู้ชายคนนี้ ตลอดเวลาสองปีไม่มีความหมาย เพราะสุดท้ายเขาก็เป็นแค่ผู้ชายที่ไม่รู้จักพอที่สนใจแต่เรื่องบนเตียง
และตอนนี้ ก็ได้เห็นกับตาตัวเอง พวกคนทรยศนัวเนียกันอยู่บนเตียง ที่คือสิ่งที่น่าอัปยศที่สุด
หลานเสี่ยวถางนั่งกอดเข่าอยู่บนพื้น ปล่อยให้น้ำเย็นไหล่ผ่านทุกตารางนิ้วของผิวของเธอ
ไม่รู้ว่าเวลานานแค่ไหน ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกอย่างแรง หลานเสี่ยวถางลืมตาขึ้นและมองไปที่สือมูเฉินที่กำลังเดินเข้ามา เสียงของเธอแหบแห้งจากการร้องไห้ ” คุณอา … คุณเข้ามาทำไม?!”
“ผมเกรงว่าคุณจะฆ่าตัวตายในห้องน้ำของผม เดี๋ยวผมจะกลายเป็นคดี ” สือมูเฉินหมุนก๊อกน้ำและทันใดนั้นน้ำในห้องอาบน้ำก็เปลี่ยนจากเย็นเป็นอุ่น
เขาก้มลงมองดูเธอที่นั่งยองๆ อยู่บนพื้น “ ผมให้เวลาคุณสิบนาที รีบอาบน้ำและออกมาแต่งตัวให้เรียบร้อย ”
เมื่อเขาเดินออกไปถึงหน้าประตู เขาเห็นหลานเสี่ยวถางไม่ขยับ เขาหยุดและทิ้งประโยคไว้ว่า “ หลังจากสิบนาที ถ้ายังไม่เสร็จ ผมจะเข้าไปช่วยคุณอาบ อีกอย่าง ตอนนี้ผมโสด และผู้ชายที่โสดมานาน ในสถานการณ์แบบนี้ อาจจะทำอะไรมากกว่านั้นก็ได้ ”
หลานเสี่ยวถางลืมตาขึ้นทันที และไม่อยากพูดอะไร แต่สือมูเฉินได้ออกไปแล้ว
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาพูด เธอรีบลุกขึ้นยืนและอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นอีกครั้ง หลังจากถูสบู่เสร็จเธอรีบใส่เสื้อคลุมและเดินออกมา
ในห้องรับแขก สือมูเฉินวางนาฬิกาลงแล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า “เก้านาทีครึ่ง”
เขาเดินไปตรงหน้าเธอ และใช้นิ้วยกคางเธอขึ้น จ้องไปที่ดวงตาสีแดงและบวมของเธอพร้อมพูดเบา ๆ ว่า ” บอกผมมา ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไร ”
หลานเสี่ยวถางมองไปที่คิ้วที่หนาและคมของเขา สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในคืออะไร เธอไม่สามารถเข้าใจได้ เธอหันหน้าหลบ และไม่ตอบคำถามของเขา
“เสียใจ หรือ แค่เศร้าใจ ? ” แววตาของสือมูเฉินถามขึ้น “ หรือว่าไม่เกลียดแล้ว ไม่อยากจะเหยียบพวกเขาแล้ว ”
หลังจากฟังที่เขาพูดจบ หลานเสี่ยวถางตงิดและครุ่นคิดขึ้นมาทันที
เขามองดูท่าทางของเธอและทันใดนั้นก็ยิ้มออกมาเบาๆ
นิ้วจิ้มไปที่ผมที่มีลูกปัดของหลานเสี่ยวถาง สือมูเฉินกระซิบข้างหูเธอ ” คุณไม่ได้สูญเสียอะไรไป ยกเว้นความสาวในช่วงสองปีที่ผ่านมา เชื่อผม สองปีที่ผ่านมาเป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่สำหรับคุณ เมื่อเวลาผ่านไป คุณหันกลับไปมองคุณจะรู้สึกภูมิใจที่ออกมาจากตรงนั้นได้”
รูม่านตาของหลานเสี่ยวถางขยายกว้างขึ้นทันที ริมฝีปากของเธอขยับ เหมือนพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วเธอก็ลืมว่าต้องการพูดอะไร
“อาการแบบนี้ เหมือนต้องการให้ผมจูบคุณ ? ” สือมูเฉินพูดพร้อมหัวเราะ
เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้เธออยู่ครู่หนึ่ง ลมหายใจลดแก้มของเธอ ริมฝีปากของเขาชนเข้ากับแก้มของเธอเบาๆ และกระซิบข้างหูเธอว่า “เสี่ยวถาง ราตรีสวัสดิ์ พรุ่งนี้เช้าจะมีการต่อสู้ที่ดุเดือด และอาจจะไม่มีใครช่วยคุณได้ เลย เกรงว่าคุณจะต้องต่อสู้เพียงลำพัง และเวลานี้ คุณต้องคิดให้ดีว่าคุณต้องการอะไรมากที่สุด อย่าใช้อารมณ์ตัดสิน ใช้สติให้มากๆ ”
หลานเสี่ยวถางอึ้งกับคำพูดของสือมูเฉิน และในวินาทีต่อมาเขาได้ผลักเธอไปที่ห้องนอกแขกพร้อมโทรศัพท์มือถือและที่ชาร์จ ” รีบพักผ่อน อย่าลืมตั้งนาฬิกาปลุกละ”
คำพูดของนักเขียนนี้ ต้องการจะบอกว่าคนที่ขาดสติ อาจนำมาซึ่งปัญหาที่ใหญ่กว่าเดิมหรือบางครั้งอาจจะทำลายโลกและทำลายตัวเองไปพร้อมพร้อมกัน
เหมือนคำสุภาษิตคำหนึ่ง ไม่เจอกับตัวไม่มีวันเข้าใจ ว่ามันเจ็บแค่ไหน ?
และในขณะนี้ คนรอบข้างจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะนำทางให้เธอได้พบกับแสงสว่าง
ชีวิตคู่ที่สมบูรณ์แบบ ไม่ใช่ว่าจะใช้กันได้ง่ายๆ ที่ให้แต่งงานอยู่รวมกันเพราะจะได้ชี้แนะและคำปรึกษาซึ่งกันและกัน จะให้สมบูรณ์กว่านี้คือทั้งสองฝ่ายยอมรับข้อเสียของกันและกันได้ รักที่เป็นผู้ให้ รักที่ไม่หวังผลตอบแทนและไม่หวังผลประโยชน์ใดๆ