ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 94 เด็กในท้องไม่ใช่ลูกของเขา!
เมื่อหลานเสี่ยวถางเห็นโพสนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกระพริบตาด้วยความตกตะลึง
คุณ Jarvis เลี้ยงหมูที่บ้านด้วยงั้นเหรอ?
โอ้ มันควรจะเป็นสัตว์หมูน้อยแบบนั้นใช่ไหม?หรือเป็นสัตว์เลี้ยงเหมือนหนูตะเภาแบบนั้นอ่ะ
เธออดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าคุณ Jarvis นั้น ทำไมถึงได้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่เด็กและผู้หญิงชอบเลี้ยงกันนะ?
เธอยิ้มตลกให้กับความคิดของตัวเอง และในเวลานี้สือมูเฉินก็เดินเข้ามาในห้อง
หลานเสี่ยวถางประหม่าเล็กน้อย แล้วมือลั่นกดไลค์ให้กับคุณ Jarvis โดยไม่ได้ตั้งใจ
และเมื่อเธอรู้สึกตัวว่ามือลั่น เธอก็รีบอยากจะกดยกเลิก แต่ว่าในเวลานี้สือมูเฉินก็ได้เดินเข้ามาใกล้เธอแล้ว
และเมื่อเขาเห็นเธอกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ เขาเลยถามว่า: “ทำไมคุณยังไม่นอนล่ะ”
หลานเสี่ยวถางรีบตอบกลับว่า: “ฉันรู้สึกว่ายังไม่ค่อยง่วงก็เลยยังไม่หลับค่ะ”
สือมูเฉินเลิกผ้าห่มและนั่งลงข้างๆหลานเสี่ยวถาง:“สือเพ่ยหลินติดต่อคุณมาเหรอ?”
เขานี่เก่งจริงๆเลยสามารถรู้อะไรล่วงหน้าได้! หลานเสี่ยวถางนึกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน ในความเป็นจริงแล้วเธอยังไม่ได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ชัดเจน ดังนั้นเธอจึงกำลังจะอธิบายรายละเอียด และเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับสือเพ่ยหลินว่าคุยอะไรกันในร้านกาแฟบ้าง
หลังจากที่เขาได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย:“เขาอยากแต่งงานมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า แล้วออกจากฟีดข่าวของกลุ่มเพื่อนๆ จากนั้นยื่นข้อความที่สือเพ่ยหลินส่งมาให้เธอเอาให้สือมูเฉินดู: “เขาบอกว่าเขาจะไม่ยอมแพ้”
สือมูเฉินขมวดคิ้วแน่นราวกับว่าเขาต้องพบกับเหตุการณ์บางสิ่งบางอย่างที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็เปิดปากพูด:“ผมก็คิดว่ามันเกี่ยวข้องกับโรคเลือดของเขาด้วยหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม หลังจากรู้ปัญหาของเขาในวันนี้แล้ว ผมได้สืบค้นข้อมูล และข้อมูลข้างต้นมีเพียงสามวิธี หนึ่งคือการปลูกถ่ายไขกระดูก ประการที่สองคือวิธีการปลูกถ่ายเซลล์ ประการที่สามคือการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ และสำหรับโรคของเขานั้น ณ ตอนนี้ผลวิจัยออกมายังไม่มียาตัวไหนที่สามารถใช้รักษาโรคของเขาได้”
หลังจากพูดจบ สือมูเฉินกล่าวว่า:“ดังนั้น การที่เขาต้องการแต่งงานกับคุณ เป็นไปได้ไหมว่าเขาต้องการหลอกใช้คุณเพื่อต้องการอวัยวะหรือเลือดของคุณเพื่อช่วยรักษาโรคของเขา อย่างไรก็ตาม หากเป็นเพราะความรู้สึกที่อยากจะขอคืนดี ผมคิดว่าเขาคงไม่จำเป็นต้องลนลานขนาดนั้น ”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า: “คุณพูดเช่นนี้ฉันก็รู้สึกโล่งใจ ฉันรู้สึกว่าสมองของฉันนั้นใช้การได้ไม่ค่อยดีนัก * เวลาตัวเองเดินอยู่บนถนน มักหลับหูหลับตาเชื่อคนอื่นได้ง่าย จากนั้นก็อาจจะเอาตัวฉันมอบให้กับสือเพ่ยหลินเพื่อเป็นยารักษาโรค……”
สือเพ่ยหลินฟังแล้วก็เอื้อมมือไปยีผมของเธอ: “คุณวางใจเถอะ คุณมีผมอยู่ข้างกายคุณทั้งคน มันต้องไม่มีอันตรายเกิดขึ้นกับคุณได้หรอก”
ข้างในหัวใจของหลานเสี่ยวถางรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก และเธออดไม่ได้ที่จะหลับตาและยิ้ม เมื่อเธอนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอจึงรีบถามว่า:“มูเฉิน มะรืนนี้คุณมีเวลาว่างไหมคะ?”
เมื่อสือมูเฉินคิดได้ว่าวันมะรืนนี้เขามีโครงการใหม่ของบริษัทที่จะต้องเปิดตัวในวันนั้น เขาจึงส่ายหัว: “อาจจะยุ่งนิดหน่อย แต่หลังจากเลิกงานก็จะมีเวลาว่างแล้วล่ะ ประมาณทุ่มกว่าๆก็น่าจะกลับถึงบ้านแล้วล่ะ!”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า: “โอเคค่ะ ถ้าเช่นนั้นวันมะรืนเราทานข้าวด้วยกันนะคะ!”
“อืม” สือมูเฉินพยักหน้าตอบรับ และถามกลับว่า: “นี่คุณเรียนรู้สูตรเมนูอาหารใหม่เหรอ?”
หลานเสี่ยวถางมองเขา และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บแปลบเล็กน้อย กล่าวอีกนัยหนึ่ง โดยปกติแล้วเขางานยุ่งมาก แม้แต่วันเกิดของตัวเองยังลืมเลย?
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ สาเหตุเนื่องจากเขาถูกสือมูชิงและลูกชายนั้นคอยเล่นงานเขามาหลายปี ดังนั้น ช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่ได้ฉลองวันเกิดของตัวเองเลยเหรอ?
วันรุ่งขึ้น สือมูชิงพร้อมกับลูกชายและสือมูเฉิน ไปที่โรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจความเข้ากันของเนื้อเยื่อ HLA ของโรคไขกระดูกเสื่อม
ตอนนี้เทคนิคการเจาะไขกระดูกได้เจริญล้ำหน้าไปไกลแล้ว และหลังการฉีดยาชาแล้ว ก็แทบจะไม่รู้สึกเจ็บเลย หลังจากช่วงเช้าได้ทำกับเจาะตัวอย่างเนื้อเยื่อแล้ว พอเสร็จการสุ่มตัวอย่างในตอนเช้า สือมูเฉินก็กลับไปบริษัททันที
สือเพ่ยหลินรอผลตรวจอยู่ในโรงพยาบาล และสอบถามข้อมูลกับแพทย์เกี่ยวกับอาการป่วยของตัวเอง จากนั้น ก็เดินที่แผนกสูตินรีเวช
ก่อนหน้าหน้าเขาได้สอบถามการพันธุกรรมของทารกในครรภ์ และที่เขามาในวันนี้ เพื่อมาถามข้อมูลให้แน่ชัดอีกครั้ง
และเมื่อการสนทนาจบลง ในขณะที่เขากำลังจะจากไป มีสองสามีภรรยาอยู่คู่หนึ่งกำลังสนทนากันได้ และเขาบังเอิญได้ยินเข้าพอดี
ได้ยินเพียงแค่ผู้ชายถอนหายใจด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา:“ไม่น่าล่ะเราแต่งงานกันมาสามสี่ปีแล้วยังไม่มีลูกสักที เป็นเพราะว่าอสุจิของฉันนั้นไม่แข็งแรงนี่เอง ที่รัก คุณคิดว่าเราควรทำอย่างไรกันดี ……”
ผู้หญิงคนนั้นพูดว่า: “คุณหมอบอกแล้วนี่ เราสามารถทำเด็กหลอดแก้วได้ ถ้าเช่นนั้นต่อไปเราลองวิธีนี้ดูดีกว่าเถอะ!”
ชายคนนั้นพูดอย่างไม่สบายใจ: “ผมเคยได้ยินมาว่าการทำเด็กหลอดแก้วนั้นมันเจ็บปวดมากนะ ผมกลัวว่าจะทำให้คุณลำบากมากเกินไป……”
ผู้หญิงคนนั้นจับมือชายคนนั้นแล้วพูดว่า:“ไม่เป็นไรค่ะ แค่อดทนอีกเพียงแค่หนึ่งปีก็พอแล้ว และฉันก็อยากมีลูกของเราสักคนเหมือนกัน!”
จู่ๆ สือเพ่ยหลินก็นึกขึ้นได้ว่า เขาก็จำได้ว่าเขาและเฉินจื่อโร่วก็พยายามมีลูกกันมาตลอดสองเดือน แต่ว่าเฉินจื่อโร่วก็ไม่ตั้งครรภ์สักที
และในช่วงสองสามวันของการตกไข่ เขาและชุยซื่อฮว๋าต่างก็เคยหลับนอนกับเธอ เป็นไปได้ไหมว่า เด็กในท้องอาจจะเป็นลูกของชุยซื่อฮว๋าจริงๆ?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ สีหน้าของสือเพ่ยหลินก็ซีดเซียวลงทันที อย่างไรก็ตาม เขายังคงเดินมาที่สำนักงานแพทย์
หลังจากที่แพทย์อธิบายเสร็จสิ้นแล้ว แพทย์ได้ออกใบสั่งยา และแจ้งเขาว่าหลังจากที่ชำระเงินแล้ว ให้เขาหยิบแก้วหนึ่งใบแล้วไปเข้าห้องน้ำเพื่อเก็บน้ำอสุจิ และทำการตรวจคุณภาพของอสุจิ
แม้ว่าสือเพ่ยหลินจะรู้สึกอับอายมาก ช่วงระยะหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้าที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อต้องการมีชีวิตรอดต่อไป หลังจากที่ชำระเงินเสร็จ เขาก็เดินไปเข้าห้องน้ำทันที
นี่อาจเป็นสถานที่ที่แย่ที่สุดในชีวิตที่เขาต้องมาทำเรื่องอย่างว่านี้ หลังจากนำออกมาแล้ว เขาก็รีบส่งตัวอย่างและรอผลตรวจอย่างใจจดใจจ่อ
ต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าผลตรวจจะออกมา สือเพ่ยหลินรู้สึกเบื่อเล็กน้อย เขากำลังดูและเล่นโทรศัพท์มือถือของเขาอยู่ เขานั่งอยู่บริเวณลานกว้าง แม่บ้านหวังที่ดูแลเฉินจื่อโร่วได้โทรมาหาเขา
แม่บ้านหวังกล่าวว่า หลังจากที่ถูกกักขังไว้ให้อยู่แต่ในบ้านหลายวัน ใจเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว วันนี้เธอเกือบเอามือปาดแขนของตัวเอง และยังพูดอีกว่าอยากเจอสือเพ่ยหลิน ไม่งั้นจะตายให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลย
หลังจากสือเพ่ยหลินได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกหงุดหงิด เขาขอให้แม่บ้านหวังปลอบใจเฉินจื่อโร่วแทนเขาหน่อย ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดครบหนึ่งชั่วโมงแล้ว
หลังจากที่ได้รับผลตรวจแล้ว ในใจสือเพ่ยหลินรู้สึกประหม่าอย่างมาก
เขาเอาใบผลตรวจที่ได้รับเมื่อกี้นี้สแกนโค้ดทันที จากนั้นผลตรวจก็ค่อยๆ แสดงผลออกมา
และเมื่อเห็นผลตรวจบนหน้าจอมือถือ ร่างกายของเขาก็สั่นไปทั้งตัว จากนั้นเขาถือใบผลตรวจแล้วจึงไปพบแพทย์
เมื่อแพทย์เห็นผลตรวจ ก็เริ่มอธิบายอย่างเคร่งขรึม: “คุณสือ จากการวิเคราะห์รายงานอัตราการรอดชีวิตของอสุจิต่ำเพียง 15% ดังนั้จหากคุณใช้วิธีธรรมชาติโอกาสตั้งครรภ์ก็ต่ำมากเช่นกัน อย่างไรก็ตาม สามารถใช้วิธีการทำเด็กหลอดแก้ว ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีสำหรับการทำเด็กหลอดแก้วนั้นมันพัฒนาไปไกลแล้ว”
เมื่อสือเพ่ยหลินได้ยินผลตรวจแล้ว ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด เขาถามว่า: “การทำเด็กหลอดแก้วนั้น ถ้าหากลงมือทำทันที ผู้หญิงก็จะสามารถตั้งครรภ์ได้ทันทีหรือไม่ครับ?”
แพทย์ส่ายหัว: “การทำเด็กหลอดแก้วนั้นต้องได้รับการเตรียมตัวอย่างมาก และแม้ว่าการปฏิสนธิจะสำเร็จ แต่ก็ไม่แน่ชัดว่าตัวอ่อนจะเจริญเต็มที่ได้หรือไม่ ดังนั้น โดยปกติจะใช้เวลาหนึ่งปีหรือหนึ่งปีครึ่งในการปฏิสนธิ เด็กถึงจะเกิดออกมาได้”
สือเพ่ยหลินจำการวินิจฉัยของแพทย์คนก่อนได้ ในระยะเวลาไม่เกินหนึ่งปีเขาต้องได้รับเลือดจากสายสะดือ ดังนั้น หากใช้วิธีการทำเด็กหลอดแก้วนั้นเพียงเพื่อให้ผู้หญิงคนหนึ่งตั้งครรภ์ เห็นได้ชัดว่าเวลามันไม่ทันอย่างแน่นอน
ดังนั้น เขาจึงถามอีกครั้งว่า:“อาการของผม ถ้าเป็นไปตามธรรมชาติ โอกาสที่ผู้หญิงจะตั้งครรภ์มีมากน้อยเพียงใด?”
แพทย์กล่าวว่า: “ไม่ถึง 10% แน่นอนว่านี่เป็นความน่าจะเป็นไปได้ทางการแพทย์เท่านั้น กล่าวคือถ้าคุณเป็นหนึ่งใน 10% ครั้งเดียวคุณก็ทำสำเร็จเลย แต่ว่ายังมีอีก 90% ของคนที่ทำไม่สำเร็จเลยตลอดชีวิต”
ดังนั้น ณ เวลานี้ สือเพ่ยหลินรู้แล้วว่าใครเป็นพ่อของลูกในท้องเฉินจื่อโร่วแล้วล่ะ
เขากำหมัดแน่น และแววตาของเขามีแต่ความอาฆาตแค้น
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามทำให้สีหน้าของตัวเองให้ดูปกติ จากนั้นก็เดินตรงไปทางลานเล็กๆ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา สือเพ่ยหลินจอดรถไว้ที่ประตูลานบ้าน จากนั้นก็เดินเข้าไปอย่างเร่งรีบ
มียามอยู่ที่หน้าประตูบ้านคนหนึ่ง เมื่อเห็นเขา เขาก็โค้งคำนับอย่างรวดเร็ว: “คุณสือครับ”
สือเพ่ยหลินพยักหน้า และมือที่แนบอยู่ข้างๆ เขายังคงกำหมัดแน่น โดยมีเส้นเลือดโผล่ออกมาเห็นได้อย่างชัดเจน
ก่อนที่เขาจะเปิดประตูห้อง เขาได้ยินเสียงของเฉินจื่อโร่วดังออกมาจากด้านใน
“ฉันต้องการพี่เพ่ยหลิน แม่บ้านหวังคะ ไปเรียกพี่เพ่ยหลินมาหาฉันหน่อยสิคะ !”
“แม่บ้านหวัง ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าลูกไม่ดิ้นแล้วล่ะ ? เกิดอะไรขึ้นกับลูกน้อยหรือเปล่านะ? โอ้ ตายแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกน้อยแล้วล่ะก็ และถ้ามีอะไรผิดปกติกับลูก พี่เพ่ยหลินคงฆ่าฉันตายแน่เลย!”
สือเพ่ยหลินกระแทกประตูเปิดออกอย่างแรง
เฉินจื่อโร่วได้ยินเสียงประตูเปิดก็ตกใจเล็กน้อย และเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเธอเห็นว่าสือเพ่ยหลิน ดวงตาของเธอก็เป็นประกาย: “พี่เพ่ยหลิน ในที่สุดพี่ก็มาหาฉันแล้ว!”
ในขณะที่เธอพูดอยู่นั้น เธอรีบเดินเข้าไปหาสือเพ่ยหลินอย่างรวดเร็ว และรีบดึงมือของเขามาวางบนท้องของเธอ: “พี่เพ่ยหลินคะ ลูกน้อยบอกว่าคิดถึงคุณแล้ว พี่จะพาพวกเรากลับไปอาศัยอยู่ที่บ้านเหมือนเดิมใช่ไหมคะ?คุณวางใจเถอะ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ออกไปไหนเลย และจะไม่ไปพบใครเลย ฉันจะอยู่บ้านอย่างเชื่อฟังนะคะ……”
สือเพ่ยหลินเม้มริมฝีปาก แววตาที่มีแต่ความอาฆาตแค้นจับจ้องไปที่เฉินจื่อโร่ว แต่น้ำเสียงของเขาที่พูดกับเธอนั้นมันช่างดูอ่อนโยนอย่างน่าประหลาดใจ: “คุณอยากกลับไปมากจริงๆหรือ?”
เฉินจื่อโร่วพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
เขาพูดอีกครั้ง: “อืม ผมก็คิดเหมือนกันว่าคุณควรกลับไปบ้านเกิดของคุณ!”
เฉินจื่อโร่วกระพริบตา ทำไมเขาจึงเปลี่ยนความคิดไปได้?
เมื่อมองไปที่สือเพ่ยหลินด้วยแววตาที่สงสัย เฉินจื่อโร่วเห็นเขาเอนตัวเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังจะจูบเธอ
ทำให้หัวใจของเธอนั้นเต้นไม่เป็นจังหวะ เงยหน้าขึ้นอย่างมีความสุข แล้วหลับตาลงรอการจูบอย่างใจจดใจจ่อ
“อา–” จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องที่ฟังดูเจ็บปวดดังขึ้น
เฉินจื่อโร่วล้มลงกับพื้น และเธอมองดูสือเพ่ยหลินที่ค่อย ๆ ลดหมัดลงอย่างช้าๆ อย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
เธอสูดหายใจเข้าอย่างแรง ท้องของเธอเจ็บปวดมากจนแทบไม่มีแรงส่งเสียงร้องออกมา
เธอเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง จะทนแรงชกด้วยความโมโหสุดขีดของเพ่ยหลินได้อย่างไรกัน? ยิ่งไปกว่านั้น เขาต่อยลงไปที่ท้องน้อยของเธอโดยตรง!
“เฉินจื่อโร่ว คุณจะมีชีวิตอยู่รอดหรือไม่รอดนั้น ขึ้นอยู่กับโชคชะตาและการกระทำของคุณเอง!” ดวงตาของสือเพ่ยหลินเต็มไปด้วยการเจตนาที่จะฆ่า: “คุณทำให้ผมไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ผมก็จะปล่อยให้คุณตายเช่นกัน! และแน่นอน ถ้าคุณรอดพ้นจากเหตุการณ์นี้ไปได้ สิ่งที่รอคุณอยู่ในวันข้างหน้านั้นยังมีอีกมากมาย! คุณก็ค่อย ๆทรมานไปทีละนิดก็แล้วกัน!”
เฉินจื่อโร่วรู้สึกว่าความเจ็บปวดเมื่อสักครู่นี้ค่อยๆชาไปทั้งตัว จากนั้นมีอาการจุกเสียดจากส่วนลึกของท้องน้อยที่ค่อยๆปวดมากขึ้น และในไม่ช้า เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างค่อยๆ ไหลออกจากมดลูก
เธอมองท้องของตัวเองด้วยความตื่นตระหนก และเอื้อมมือไปลูบท้องไม่หยุด: ” ลูกจ๋า ลูกของแม่…… พี่เพ่ยหลิน นี่คือลูกของคุณนะ!”
“ลูกของผมอย่างนั้นเหรอ!?” ดวงตาของสือเพ่ยหลินกลายเป็นสีแดงเข้ม: “นั่นมันเป็นลูกของชุยซื่อฮว๋าที่ตายไปแล้วต่างหากล่ะ! ดีแล้วนี่ตอนนี้พ่อและลูกจะได้พบเจอกันในนรก!”
เฉินจื่อโร่วตัวสั่นไปทั้งตัว เธอไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตและไม่สามารถรับรู้ข้อมูลจากแหล่งไหนได้เลย ดังนั้น เธอจึงไม่รู้จุดจบของชุยซื่อฮว๋าเลย
เธอรู้สึกเจ็บปวดและชาไปทั้งตัว “คุณฆ่าเขาเหรอ?”
สือเพ่ยหลินหรี่ตา ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาและความอาฆาต “ใช่ ทุกคนที่หักหลังผม ต้องตายสถานเดียว! รวมทั้งคุณด้วยเฉินจื่อโร่ว!”