ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 96 ขอบคุณคุณมากนะครับ นี่เป็นวันเกิดที่ผมจะไม่มีวันลืมมันเลย
- Home
- ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ
- บทที่ 96 ขอบคุณคุณมากนะครับ นี่เป็นวันเกิดที่ผมจะไม่มีวันลืมมันเลย
หลานเสี่ยวถางรู้สึกเขินอายเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม พูดได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอทำเรื่องที่ไม่ดี จนถูกจับได้ตั้งแต่ทำครั้งแรกเลยเหรอ?
เธอแลบลิ้นออกมา: “แล้วฉันต้องชดเชยได้อย่างไรคะ?”
สือมูเฉินกล่าวว่า:“เรียนรู้และฝึกฝนกับคุณ Jack ให้มากๆ เมื่อเรียนรู้ได้สักพัก ผมจะเชิญคุณเข้าร่วม DR”
หลานเสี่ยวถางรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก: “DR?!
คนอื่นไม่รู้จัก DR นั้นมันเป็นเรื่องปกติ แต่พวกที่ทำอาชีพอย่างเธอแล้ว DR นั้น มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมาก!
นี่คือองค์กรที่อุทิศให้กับผู้ที่ชื่นชอบการเขียนโปรแกรมที่มีแฮ็กเกอร์ชั้นนำมากมาย อย่างไรก็ตาม DR นั้นยังถูกต้องตามกฎหมายด้วย ดังนั้น จึงถือได้ว่าเป็นอาชีพในความใฝ่ฝันสูงสุดของผู้คนที่กำลังอยากเป็นโปรแกรมเมอร์เชียวล่ะ
“ฉันสามารถทำได้จริงๆเหรอคะ ” หลังจากที่หลานเสี่ยวถางถาม เธอก็เงยหน้ามองไปที่สือมูเฉินอีกครั้ง: “คุณเพิ่งพูดว่า จะเชิญฉันเข้าร่วม นั่นหมายความว่าคุณก็เป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบด้วยใช่ไหมคะ?”
สือมูเฉินบีบที่ปลายจมูกของเธอ: “ฉลาดจริงๆ”
หลานเสี่ยวถางเข้าใจได้ทันทีเลยว่า ตั้งแต่สือมูเฉินอยู่ใน DR เป็นเรื่องปกติที่เขาจะรู้จักคุณ Jarvis ที่อยู่บริษัทรายย่อยของ Alliance Technology
ทันใดนั้น เธอรู้สึกว่าที่สามีของเธอนั้นโดนคนคัดค้านในบริษัท Times Group นั้น มองผิวเผินอาจจะเหมือนคนยินยอมให้คนบูลลี่ ความเป็นจริงแล้วนั้น เขาแค่แสร้งเป็นหมูหลอกกินเสือต่างหากล่ะ!
หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น ไม่เพียงแต่เต้นด้วยความตื่นเต้น แต่ยังพร้อมกับความมุ่งมั่น เธอรู้สึกว่าชีวิตของคนเราก่อนที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น มันต้องเคยผิดพลาดและผ่านความล้มเหลวมาก่อน !
เมื่อสือมูเฉินมองไปที่ท่าทางที่แสดงออกมาของหลานเสี่ยวถาง เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ เขายื่นมือใหญ่ของเขาออกไป ยีผมของเธอจนฟู: “เอาล่ะ ที่รัก เราไปทานข้าวกันก่อนเถอะ ถ้าหากผมหิวขึ้นมาแล้วล่ะก็ ผมอาจจะต้องทานคุณแทนแล้วนะ ”
เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ยินมุขตลกของสือมูเฉิน ก็ตกใจจนเธอต้องรีบลุกขึ้นแล้วพูดว่า :“เราไปกินข้าวกันเถอะค่ะ”
“อืม” สือมูเฉินลุกขึ้นแล้วเดินตามหลังเธอไป: “ต้องทานข้าวก่อน ทานอิ่มแล้วถึงจะมีแรงทานคุณต่อไงล่ะ”เขาพึมพำกับตัวเอง
วันรุ่งขึ้นก็เป็นวันเกิดของสือมูเฉินแล้ว
หลานเสี่ยวถางแอบสังเกตอย่างเงียบๆและพบว่าสือมูเฉินนั้นจำวันเกิดของตัวเองไม่ได้จริงๆ
เมื่อเธอเอ่ยขึ้นมาว่าวันนี้เป็นวันอะไร เขาก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ เลย ราวกับว่าเขาไม่ได้เกิดในวันนี้ยังไงยังงั้นแหละ
มันทำให้หลานเสี่ยวถางเริ่มสงสัย จากนั้น แล้วเธอก็ค้นหาทะเบียนบ้านหยิบมันออกมาดู แล้วดูวันเกิดเดือนปีเกิดของสือมูเฉินอีกครั้ง
วันนี้ก็เป็นวันเกิดของเขาจริงๆนี่นา และเป็นวันครบรอบ 30 ปีของเขาอีกด้วย ชีวิตคนเรานั้นล้วนเคยประสบพบเจอกับปัญหาและอุปสรรคมาไม่มากก็น้อยเหมือนกัน นี่เขายุ่งจนจำวันเกิดของตัวเองไม่ได้เลยสักกะติดเดียวจริงๆหรอเนี่ย!
ในช่วงเช้าหลานเสี่ยวถางยังคงเรียนรู้การเขียนโปรแกรม ในช่วงบ่ายหลังจากที่เธอทำงานล่วงเวลาและเขียนโปรแกรมจนเสร็จแล้ว เธอก็ตรงไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมงานวันเกิดอย่างอลังการ
เธอเลือกทำเค้กมูสมะม่วง
ช่วงนี้เป็นฤดูร้อน และมะม่วงก็มีรสชาติสดชื่นคลายร้อนได้ดีมาก หลานเสี่ยวถางหั่นเนื้อมะม่วงเป็นชิ้นเล็กๆก่อน และใส่ลงไปในเครื่องปั่นปั่นให้ละเอียด จากนั้นก็เก็บใส่ไว้ในตู้เย็น
เธอทำตามวิธีการทำเค้กทุกขั้นตอน และค่อยๆทำทีละขั้นตอน จนกระทั่งตีนมจนเป็นวิปปิ้งครีม และเอามะม่วงผสมเข้าด้วยกัน และสุดท้าย เพิ่มชีสแล้วใส่เข้าไปในเตาอบ
หลังจากอบเค้กเสร็จพักไว้ให้เย็น แล้วแช่ตู้เย็น เพื่อรสชาติที่ดีขึ้น ดังนั้น ในช่วงเวลานี้ เธอจึงเริ่มเตรียมวัตถุดิบสำหรับการทำอาหารต่อ
เวลาค่อยๆผ่านล่วงเลยไปทีละนิด และหลังจากที่หลานเสี่ยวถางทำทุกอย่างจนเสร็จ ก็เกือบทุ่มหนึ่งแล้ว
ก่อนหน้านี้สือมูเฉินบอกเธอว่าจะกลับถึงบ้านเวลาประมาณหนึ่งทุ่มครึ่ง ดังนั้น เธอจึงจัดเตรียมดวงไฟและเทียนเพื่อตกแต่ง และรอให้เขากลับมา
การรอคอยนั้น เวลามักจะผ่านไปเชื่องช้ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอฉลองวันเกิดด้วยกันกับเขา ดังนั้น เธอทั้งประหม่าและรู้สึกตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย
เพื่อให้อารมณ์รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น หลานเสี่ยวถางหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมา และถ่ายรูปอาหารที่เธอนั้นลงมือทำด้วยตัวเอง หลังจากที่ถ่ายรูปแล้ว เธอก็โพสต์ลงในกลุ่มเพื่อน
“วันนี้มีอารมณ์อยากทำอาหาร อาหารเต็มโต๊ะเลยนะเนี่ย แค่รอให้คนมาลิ้มลอง”
หลังจากที่เธอโพสต์ลงได้ไม่นาน เธอก็ได้รับไลค์มากมาย และบางคนก็แสดงความคิดเห็นและถามว่า: “โอ้ วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรหรือเปล่า? คงไม่ใช่กำลังอินเลิฟหรอกมั้งนะ?”
หลานเสี่ยวถางตอบด้วยอิโมจิรูปปิดปาก จากนั้นเห็นก็เฉียวโยวโยวส่งข้อความมาถามเธอว่า ใช่วันเกิดของใครบางคนหรือไม่
เธอกำลังจะตอบกลับ แต่จู่ ๆ ก็ทำให้หลานเสี่ยวถางเกือบทำโทรศัพท์หลุดจากมือ
แล้วเธอก็เปิดดูคนที่เข้ามากดไลค์ในโพสต์ซ้ำๆหลายครั้ง และยังเป็นรูปโปรไฟล์ของบริษัทรายย่อยของ Alliance Technology จริงๆ จากนั้นเธอก็ได้สติกลับมา นี่คุณ Jarvis มากดไลค์ให้เธอด้วย!
ในเวลานี้ เขาเริ่มมีปฏิสัมพันธ์ที่เป็นกันเองกับเธอครั้งแรก!
หัวหน้าที่ทำตัวแสนลึกลับของบริษัทรายย่อยของ Alliance Technology คนนั้น กลับเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับเธอจริงๆแล้ว!
หลานเสี่ยวถางทำหน้างงและถือโทรศัพท์ไว้เป็นเวลานานอย่างตกใจและงงงวย จากนั้นเธอก็วิ่งไปมารอบๆ บ้านด้วยความตื่นเต้นอยู่หลายรอบ
บนใบหน้าของเธอนั้นยิ้มราวกับว่าเธอถูกรางวัลลอตเตอรี ราวกับว่าเธอเป็นเหมือนแฟนคลับของเขา ที่อยู่มาวันหนึ่ง นักแสดงที่เธอชื่นชมก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนและได้กล่าวคำขอบคุณที่เธอสนับสนุนเขายังไงยังงั้นแหละ!
เมื่อเธอได้สติกลับคืนมา เธอก้มลงมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองอีกครั้ง และกำลังจะแคปหน้าจอไว้เป็นที่ระลึกอยู่ เธอก็พบว่าคุณJarvisได้แสดงความคิดเห็นใต้โพสต์นั้นของเธอด้วย!
เขาพิมพ์ว่า: “มันดูน่าทานมาก สามารถเชิญผมไปทานด้วยได้ไหมครับ?”
หลานเสี่ยวถางรีบตอบกลับอย่างตื่นเต้น พิมพ์ได้สองสามคำ แล้วก็ลบออก และทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนโทรศัพท์เกือบหล่นลงพื้นอยู่แล้ว
ในท้ายที่สุด เธอก็คิดประโยคหนึ่งที่จะตอบกลับข้อความนั้นได้แล้ว : “ได้แน่นอนค่ะ ! รอให้แขกอันทรงเกียรติมาเยือนได้ทุกเมื่อค่ะ!”
ใช่แล้ว ในสายตาของเธอแล้วคุณ Jarvis ก็คือแขกผู้ทรงเกียรติ เขาเป็นไอดอลของเธอและคนที่ทำให้เธอเลือกเรียนซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์!
ทันทีที่หลานเสี่ยวถางตอบกลับเสร็จ ประตูบ้านก็มีเสียงปลดล็อคดังขึ้น
หลานเสี่ยวถางรีบยืนขึ้นทันที เธอไม่ระวังจนน่องของเธอกระแทกเข้ากับมุมโต๊ะกาแฟ เธอเจ็บจนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
เมื่อสือมูเฉินเดินเข้ามา เขาก็เห็นสีหน้าท่าทางของหลานเสี่ยวถางแปลกๆ เขาเดินตรงเข้าไปหาเธอ: “เสี่ยวถาง เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงไม่เปิดไฟล่ะ?”
หลานเสี่ยวถางยิ้มและชี้ไปที่ขาของเธอ: “ฉันเดินกระแทกใส่กับโต๊ะกาแฟแล้ว”
สือมูเฉินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา : “เดี๋ยวผมจะทายาให้คุณนะ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ ” หลานเสี่ยวถางคว้าตัวสือมูเฉินเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะไปเปิดไฟ เธอใจหายวาบ จากนั้นเธอก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “มูเฉิน สุขสันต์วันเกิดนะคะ!”
สือมูเฉินตกตะลึงไปชั่วขณะ
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขาหลานเสี่ยวถางแล้ว ก็ดูออกได้ทันทีเลยว่าจนถึงเวลานี้เขาก็ยังจำไม่ได้ เธอกอดแขนของเขา: “วันเดือนปีเกิดในทะเบียนบ้านของคุณมันถูกต้องใช่ไหมคะ?”เธอถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก
สีหน้าของสือมูเฉินยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ จนกระทั่งสีหน้าของหลานเสี่ยวถางเริ่มรู้สึกไม่สบายใจแล้ว เขาจึงจำขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน
ดวงตาของเขายังคงเบิกกว้างและมึนงงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดว่า: “เสี่ยวถาง ถ้าคุณไม่บอก ผมลืมมันไปแล้วจริงๆนะเนี่ย ผมไม่ได้ฉลองวันเกิดมานายหลายปีแล้ว”
เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ยินสิ่งที่เขาพูด ในใจของเธอรู้สึกเศร้าและผิดหวังเล็กน้อยในใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา จู่ๆ เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ
เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นถึงลูกเศรษฐี เป็นถึงทายาทของ Times Group และเป็นอสังหาริมทรัพย์ระดับต้นๆชั้นนำของหนิงเฉิงเชียวนะ และตอนนี้นอกเหนือจากอสังหาริมทรัพย์แล้ว บริษัท Times Group ยังคงพัฒนาด้านอุตสาหกรรมโดยรอบมากมาย และแม้แต่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ยังอยู่ติดอันดับหนึ่งในห้าอีกด้วย เขาเป็นลูกชายแท้ๆของประธานบริษัท แต่กลับไม่มีใครเคยจัดวันเกิดให้กับเขาเลย!
เมื่อคิดถึงนี้ หลานเสี่ยวถางหดหู่ใจจนน้ำตาคลอเบ้า
สือมูเฉินสังเกตเห็นบางสิ่งและรีบอธิบายว่า: “ตั้งแต่คุณพ่อของผมจากไปไม่นาน ผมก็ไม่เคยได้ฉลองวันเกิดของตัวเองอีกเลย อันที่จริงแล้วผมก็มีเพื่อนสนิทอยู่หลายคนนะ อย่างเช่น ฟู่สีเกอที่คุณเคยเจอ และทุกครั้งที่นัดรวมตัวสังสรรค์กันก็ไม่เคยต้องเป็นวันเกิดเสมอไป คุณก็รู้นี่ ส่วนมากผู้ชายไม่ค่อยใส่ใจเรื่องพวกนี้หรอกนะ ……”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า แต่เธอก็เข้าใจ เมื่อครั้นคุณพ่อของสือมูเฉินยังมีชีวิตอยู่นั้น เขาใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข
เขาเสียชีวิตไปตั้งแต่สือมูเฉินยังเด็ก และสือมูเฉินในเวลานั้นยังเด็กมาก เขาไม่สามารถทำใจยอมรับกับเหตุการณ์แบบนั้นได้หรอก
ดังนั้น ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น เป็นจุดต่ำสุดในชีวิตของเขา ที่เขาไม่อยากคิดย้อนกลับไปอีกหรอก?
ดังนั้น ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ทุ่มเทพลังทั้งหมดไปกับการเรียน และเมื่อสือมูชิงเห็นว่าเขาเด่นกว่าก็กลัวว่าสือมูเฉินจะแย่งทุกอย่างไปจากเขา เขาจึงหาวิธีกดขี่ โขกสับ กลั่นแกล้งสือมูเฉินสารพัด
นั่นก็คือสองปีหลังจากที่สือมูเฉินสำเร็จการศึกษานั่น และนั้นเป็นจุดที่ต่ำที่สุดของชีวิตเลยก็ว่าได้
เขาถูกรังแกและถูกกดขี่จากพี่ชาย และถูกหลานเล่อซินทอดทิ้ง ราวกับว่าคนอื่นๆนั้นไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยนักนิด และทอดทิ้งเขาไปจนหมด
แต่เขาไม่ได้ล้มลงเพราะเหตุนี้ เขากลับใช้โอกาสนี้เพื่อซ่อนความสามารถของเขาและค่อยๆรอเวลา จึงมีทุกอย่างเหมือนเช่นทุกวันนี้
หลานเสี่ยวถางรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ก่อนหน้านั้นเวลาที่เขาต้องการกำลังใจจากใครสักคนหนึ่ง ทำไมเธอไม่ได้อยู่เคียงข้างเขา?
หลานเสี่ยวถางสูดหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อเธอได้สติกลับคืนมา เธอก็ปล่อยแขนของสือมูเฉิน จากนั้นเดินไปที่ด้านข้างเพื่อเอาผ้าปิดตาที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรก
“สือมูเฉิน ก่อนอื่นให้คุณปิดตาก่อน ถ้าฉันบอกให้คุณลืมตาเมื่อไหร่ คุณค่อยเอาผ้าปิดตาออกนะคะ!” หลานเสี่ยวถังกล่าว
สือมูเฉินยกมุมริมฝีปากของเขาเล็กน้อย และทำตามทุกอย่าง: “โอเค”
หลานเสี่ยวถางรีบเขย่งเท้าเอาผ้าปิดตาใส่ให้เขาอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เตรียมทุกอย่างเสร็จแล้ว หลานเสี่ยวถางก็รีบไปที่ห้องครัวเพื่อจุดเทียนอย่างรวดเร็ว แล้วไปจุดเทียนที่ห้องอาหาร จากนั้นเธอก็เดินมาที่สือมูเฉินและพูดว่า :“คุณสามารถลืมตาได้แล้วค่ะ!”
สือมูเฉินเดินตามเธอไปจนถึงประตูห้องอาหาร และเห็นเทียนรูปหัวใจอยู่บนพื้น และมีอาหารมากมายเต็มโต๊ะ แถมยังมีเค้กวันเกิดที่ปักเทียนเต็มวางอยู่
เค้กไม่ได้ถูกห่อ และเขาก็เดาในใจ เป็นไปได้ไหมว่าเธอทำด้วยตัวเอง?
บนเค้กนั้นเขียนคำว่า “สุขสันต์วันเกิด” ด้วยครีม ดูเหมือนจะเป็นลายมือของเธอ เพราะไม่มีร้านเค้กร้านไหน ที่จะเขียนตัวอักษรมีทั้งตัวอักษรตัวเล็กและตัวอักษรตัวใหญ่ปะบนกันแบบนี้แน่นอน แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นการใช้ครีมเขียนครั้งแรก
ในความงุนงง ความทรงจำในวัยเยาว์ก็ท่วมท้นเหมือนกระแสน้ำ ดูเหมือนสือมูเฉินจะย้อนเห็นภาพความทรงในวัยเด็กของเขา ที่มีคุณพ่อและคุณแม่นั่งอยู่ข้างๆเขา และเขาก็สวมหมวกวันเกิดอย่างมีความสุข จากนั้นก็อธิษฐานและเป่าเทียน เขาเป่าแค่ครั้งเดียวเทียนก็ดับจนหมด
ในขณะนี้ ความรู้สึกที่ถูกเก็บซ่อนอยู่ภายในก้นบึ้งของหัวใจ ดูเหมือนตอนนี้มันไม่จำเป็นต้องปกปิด และไม่จำต้องเก็บซ่อนบาดแผลที่ได้รับเอาไว้คนเดียวอีกต่อไปแล้ว
แสงเทียนนั่นส่องเข้ามาอย่างกะทันหัน แม้ว่ามันจะไม่สว่างเท่าดวงอาทิตย์ แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะจุดประกายให้ความทรงจำที่อยู่ลึกๆภายในจิตใจนั้นกลับมาอีกครั้ง
สือมูเฉินหันไปมองหลานเสี่ยวถาง และบังเอิญเธอก็มองเขาด้วยเช่นกัน แสงเทียนและเงาของเขาสะท้อนอยู่ในดวงตาของเธอ
เป็นครั้งแรกที่เขาค้นพบว่า เขาที่อยู่ในดวงตาของเธอนั้น สามารถเปลี่ยนเขาให้สดใส บริสุทธิ์ และมีสีสันได้
เมื่อหลานเสี่ยวถางกำลังจะอ้าปากพูดอยู่นั้น สือมูเฉินก็คว้าเอวของเธอไว้แน่น จากนั้นก็ก้มศีรษะลงประกบจูบเธอ
แม้ว่าจูบของเขานั้นจะเย็นชา แต่ก็ดูเหมือนจะแผดเผาเธอไปด้วยกัน
ราวกับว่าเธอถูกเขาดึงพลังทั้งหมดไปจนหมด และแสงเทียนที่ส่องระยิบระยับนั้น ก็ส่องแสงตอบสนองพวกเขาตลอดเวลา
นิ้วของสือมูเฉินลูบผ่านผมของหลานเสี่ยวถางด้วยความแรงอย่างมาก แต่เธอไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ เธอรู้สึกว่าริมฝีปากของเขาสั่นเล็กน้อย ดังนั้น เธอจึงโอบหลังเขาและตบเบาๆ
เขารู้สึกถึงการปลอบประโลมของเธอ และเขาก็ค่อยๆ สงบลง ริมฝีปากกระตุกเล็กน้อย ดวงตาของเขาลึกราวกับค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว :“เสี่ยวถาง นี่เป็นวันเกิดที่ผมจะไม่มีวันลืมที่สุดในชีวิตของผม”
*คำพูดของนักเขียน:
ตอนเช้าฉันโพสต์ไปแล้ว 7 ตอน และตอนนี้ฉันได้เพิ่มอีก 3 ตอน รวมเป็น 10 ตอน ทั้งหมด 30,000 ตัวอักษรเลยนะ เหนื่อยจนสุดบรรยาย~
กล่าวอีกนัยหนึ่ง อารมณ์เช่นนี้ไม่สามารถมีได้เสมอไป เพราะทุกคืนฉันแทบจะนอนไม่หลับ ไม่อย่างนั้นเมื่อถึงเวลา ฉันจะไม่พึ่งแค่เพียงกาแฟแล้ว คงต้องเพิ่มโสมด้วยแล้วล่ะ……
ดังนั้น ถึงจะไม่ฟินระเบิดเลย แต่ทุกคนก็ต้องสนับสนุนฉันต่อไปนะคะ จุ๊บๆ รักคุณค่ะ!