ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 99 สือมูเฉินชายผู้ยั่วยวน
เนื่องจากการรักษาโดยการปลูปถ่ายไขกระดูกไม่ประสบความสำเร็จ หลานเสี่ยวถางและสือมูเฉินจึงบินไปที่เมืองไห่หลินในวันรุ่งขึ้น
ทันทีที่ทั้งสองถึงที่พักในโรงแรม โทรศัพท์มือถือของหลานเสี่ยวถางก็ดังขึ้น
เธอเหลือบดูและพบว่าสือเพ่ยหลินกำลังโทรหา ดังนั้น เธอจึงรีบไปหาสือมูเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆเธอพร้อมพูดว่า: “สือเพ่ยหลินโทรมา ฉันควรจะรับดีไหมคะ?”
“ที่รัก” สือมูเฉินเม้มริมฝีปากพร้อมเบาๆว่าจิก:“รับสิ!”
หลานเสี่ยวถางเลื่อนเพื่อกดรับสายและเปิดสปีกเกอร์โฟนโดยวิธี
“เสี่ยวถาง คุณอยู่ที่ไหน?” เสียงของสือเพ่ยหลินดูมีความกังวลเล็กน้อย
“ฉันออกมาท่องเที่ยวต่างประเทศค่ะ” หลานเสี่ยวถางกล่าว
“ท่องเที่ยว?” สือเพ่ยหลินรู้สึกแปลกใจอยู่ครู่หนึ่ง: “กับใคร?”
เมื่อหลานเสี่ยวถางเหลือบมองสือมูเฉิน และกล่าวว่า:“ฉันจะเดินทางมาท่องเที่ยวกับใคร ดูเหมือนจะไม่ใช่ธุระอะไรของคุณหรอกนะคะ?”
“เสี่ยวถาง ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น” สือเพ่ยหลินกล่าว:“ผมแค่คิดว่าคุณไร้เดียงสาเกินไป อาจถูกหลอกได้ง่าย”
“ฮ่าฮ่า” หลานเสี่ยวถางหัวเราะเยาะ: “ถึงจะถูกใครหลอก ก็คงเทียบกับคุณไม่ได้หรอกนะคะ ถ้าหากไม่มีธุระอะไร ฉันขอตัวค่ะ”
“เสี่ยวถาง ผมอยากพบคุณ คุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปหาคุณ?” สือเพ่ยหลินเปล่งเสียงแผ่วเบาลง
“ไม่กล้ารบกวนคุณสืออีกแล้วนะคะ ครั้งก่อนเพราะคุณสือ ฉันยังต้องไปโรงพัก นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของฉันจริงๆ!” หลานเสี่ยวถางกล่าวว่า:“คุณมีธุระอะไร ก็พูดในสายนี่แหล่ะค่ะ ถ้าหากว่าไม่มี ก็อย่าได้โทรมารบกวนอีกนะคะ”
เดิมทีสือเพ่ยหลินต้องการคุย แต่เขารู้สึกว่าการคุยในโทรศัพท์นั้นพูดได้ไม่ชัดเจน และอาจมีใครบางคนอยู่ข้างๆ หลานเสี่ยวถางถ้าเกิดเขาพูดแผนการของตัวเองไปแล้วคนอื่นได้ยินเข้า ……
ดังนั้น เสียงของเขาจึงเต็มไปด้วยความสุข: “ไม่มีอะไรครับ เพียงแค่ต้องการพบเท่านั้นเองครับ และถ้าคุณไม่สะดวก ก็รอจนกว่าคุณจะกลับมาค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน ! เสี่ยวถาง ขอให้สนุกกับทริปนี้นะครับ ถ้าคุณขาดเงิน คุณสามารถบอกผมได้ตลอดเวลา ผมจะโอนให้คุณทันที ”
“ขอบคุณคุณสือสำหรับความหวังดีนะคะ!” หลานเสี่ยวถางกดวางสาย
สือมูเฉินนั่งลงพร้อมดึงหลานเสี่ยวถางไว้ในอ้อมแขนของเขา เขาเลิกคิ้วขึ้น: “ดูเหมือนว่าผลของการตบก้นในครั้งก่อนนั้นมันจะได้ผลค่อนข้างดี?”
หลานเสี่ยวถางจ้องมองเขาด้วงดวงตาเบิกกว้าง
“อย่างไรก็ตาม ผมไม่เข้าใจว่าทำไมสือเพ่ยหลินยังต้องตามหาคุณอยู่ตลอด” สือมูเฉินถาม “หรือคุณจะมีความเกี่ยวข้องกับการรักษาโรคของเขาหรือไม่?”
หลานเสี่ยวถางส่ายหัว: “ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันเหมือนกันค่ะ ดูเหมือนว่าเขาต้องการให้ฉันกลับไปอยู่ข้างกายเขาด้วยความเต็มใจ”
“ถ้าเรื่องนี้คุณยังคิดไม่ออก ก็เลิกคิดไปเถอะ” สือมูเฉินกล่าวว่า:“ระยะนี้คุณติดต่อนัดหมายกับคุณฮั่วหน่อย เพื่อให้โครงสร้างระบบเสร็จสมบูรณ์เร็วขึ้น เพราะในเวลาไม่ถึงเดือนเราก็ต้องไปจากเมืองไห่หลินแล้ว”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า: “ตกลง ฉันจะนัดหมายกับทางนั้นตอนนี้เลยค่ะ และจะถือโอกาสไปรู้จักเพื่อนสนิทคุณสักหน่อย”
ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน สือมูเฉินมาถึงที่สำนักงานไซต์งานก่อสร้าง และจัดประชุมร่วมกับทุกคน
เนื่องจากทางหย่าหยุนใกล้จะแต่งงานแล้ว ดังนั้น เธอจึงลาออกจากงาน แต่อย่างไรก็ตาม สองสามวันนี้ยังคงส่งมอบงานให้กับพนักงานใหม่อยู่ เมื่อได้ยินว่าสือมูเฉินเรียกประชุม แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเขานั้นไม่ใช่สำหรับเธอ แต่เธอก็เดินทางมาแต่เช้า
“เอาล่ะ ทุกคนโปรดรายงานความคืบหน้าของโครงการในช่วงสองสามวันที่ผมไม่อยู่หน่อย ว่าได้ดำเนินโครงการไปถึงไหนแล้ว” ฉือมู่เฉินสือมูเฉินเปิดไฟล์ดู
ผู้จัดการฝ่ายที่รับผิดชอบติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่รัฐได้ยืนขึ้นรายงานความคืบหน้าเบื้องต้นก่อน ขณะที่ฟังสือมูเฉินฟังการรายงานไปด้วย และเขาก็แสดงความคิดเห็นเป็นครั้งคราวไปด้วย
หัวหน้าโครงการหลายคนได้รายงานเกือบหมดแล้ว สือมูเฉินเปิดไฟล์และพูดว่า: “ต่อจากนี้ผมขอพูดถึงหน้าที่รับผิดชอบการจัดเตรียมงานของพวกคุณ”
ทันทีที่เขาพูดจบ ก็เห็นทุกคนนั่งดูแฟ้มเอกสารของเขา สือมูเฉินมองลงไปและเห็นที่คั่นหนังสือที่หลานเสี่ยวถางมอบให้เขา
ที่คั่นหนังสือเอกสารวันนี้เป็นหน้ายิ้มแลบลิ้น ด้านข้างยังมีรูปหัวใจเล็กๆ วาดอยู่ 2 ดวง ดูน่ารักน่าเอ็นดูมาก มองแวบเดียวก็รู้ว่าแนวนี้เป็นสิ่งของที่ผู้หญิงชอบ
สือมูเฉินเลิกคิ้ว ถอดที่คั่นหนังสือออกโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน และวางไว้ตรงหน้าเขาในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจน
ดังนั้นเป็นผลให้สายตาของลูกน้องของเขาก็พลอยมองตามไปตำแหน่งนั้นเช่นกัน
“ก่อนอื่นขอฝ่ายประชาสัมพันธ์……” สือมูเฉินกล่าว จัดมอบหมายงานให้อย่างเป็นระบบมีระเบียบและขั้นตอน
ทุกคนค่อย ๆ หันกลับมาสนใจฟังการวางแผนและการจัดเตรียมของสือมูเฉินอย่างตั้งใจ
เมื่อมอบหมายงานเสร็จสิ้น สือมูเฉินก็หยิบเอกสารอีกฉบับออกมาว่า:“วันนี้มีงานพิเศษมอบหมายเพิ่มอีกอย่างคือ การวางแผนทะเลสาบเชิงนิเวศที่อยู่ถัดจากไซต์งานก่อสร้างของเรา……”
ในขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น เขาเปิดเอกสารหน้าที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ เวลานี้ทุกคนก็เห็นว่ามีที่คั่นหนังสืออยู่อีกหนึ่งอัน ในหน้านั้นยังมีที่คั่นหนังสือหน้าหมูในแบบการ์ตูนอยู่ด้วย
มีคนที่กลั้นหัวเราะไม่ไหว หัวเราะออกมาด้วยเสียง ‘คึ’ และเขาก็ตระหนักได้ว่านี่เป็นการประชุมที่จริงจัง ดังนั้นเขาจึงพยายามกลั้นหัวเราะและเปลี่ยนให้เป็นเสียงไอแค่ก แค่ก แทน ไอจนหน้าแดงเลย
ดูเหมือนว่าสือมูเฉินไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางแปลกๆของผู้คนที่เข้าร่วมประชุมด้วย จนกระทั่งการวางแผนและจัดเตรียมงานทั้งหมดสิ้นสุดลง เขาจึงพูดว่า: “เอาล่ะ การประชุมของวันนี้สิ้นสุดลงแล้วครับ ผมหวังว่าพวกคุณจะปฏิบัติตามข้อกำหนดกันอย่างเคร่งครัด และควบคุมคุณภาพใส่ใจในประสิทธิภาพด้วยนะครับ”
ในขณะที่พูดอยู่นั้น เขาก็ค่อยๆ หยิบที่คั่นหนังสือสองอันบนโต๊ะกลับไปเสียบไว้ที่หน้าเดิม
ในเวลานี้ ผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความสนิทสนมกับสือมูเฉินก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า: “รองประธานสือครับ ที่คั่นหนังสือของคุณไม่เหมือนใครจริงๆเลยนะครับ มันเป็นทั้งชุดเหรอครับ”
สือมูเฉินยกยิ้มมุมปากของเขาและพูดด้วยความภาคภูมิใจพร้อมกับแววตาที่จริงจัง แต่น้ำเสียงของเขาดูเป็นกันเองมาก: “อืม มันคืองานแฮนด์เมดที่ผู้หญิงทำด้วยมือเอง”
“ว้าว รองประธานสือคุณมีแฟนแล้วเหรอครับเนี่ย?” คนที่อยู่รอบข้างๆ เขารีบส่งเสียงโห่ร้องแซวทันที
“อืม ความสัมพันธ์กำลังไปได้ดี” สือมูเฉินตอบกลับเบาๆ
“ที่คั่นหนังสือสวยมากจริงๆ!” ในเวลานี้ ผู้จัดการหญิงคนหนึ่งก็พูดขึ้นว่า: “รองประธานสือครับ แฟนของคุณนี่เป็นแม่ศรีเรือนมากเลยนะครับ!”
สือมูเฉินรู้สึกพอใจกับคำพูดประโยคนั้นมาก แต่ก็ยังคงทำหน้าเรียบเฉยพร้อมพูดขึ้นว่า: “เมื่อสองวันเกิดเป็นวันเกิดของผม เธอจึงมอบของขวัญนี้ให้แก่ผม!”
“แท้ที่จริงแล้วมันเป็นวันเกิดของรองประธานสือเหรอครับเนี่ย!” เพื่อนร่วมงานที่ยืนอยู่บริเวณรอบๆ นั้นก็พูดทีละคนว่า: “สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะครับ!”
“แฟนสาวของคุณมอบของขวัญวันเกิดที่เป็นงานแฮนด์เมดให้แก่คุณ! ของขวัญที่ทำเองกับมือดีกว่าซื้อจากข้างนอกเป็นไหนไหน สมัยนี้แล้วยังมีคนที่เต็มใจทำด้วยตัวเอง! รองประธานสือนี่โชคดีจริงๆเลย!”
“อย่างไรก็ตาม ใครก็ตามที่ได้รองประธานสือของเรานั้นเป็นแฟนจะต้องมีความสุขมากเช่นกัน!”
“รองประธานสือ เมื่อไหร่คุณจะพาแฟนสาวของคุณมาแนะนำให้เรารู้จักบ้างล่ะครับ? คงต้องสวยมากแน่ๆเลยใช่ไหมครับ!”
“อืม ถ้ามีโอกาส ผมจะพาเธอมาแนะนำให้พวกได้รู้จักนะครับ ”ในขณะที่พูดสือมูเฉินอยู่นั้น เขาก็ปิดเอกสารแล้วเดินออกจากออฟฟิศ
เขารู้ก่อนหน้านี้แล้วว่า เมื่อเพื่อนร่วมงานเหล่านั้นได้เห็นที่คั่นหนังสือ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่หัวเราะเยาะมัน แต่พวกเขาจะต้องอิจฉาอย่างแน่นอน!
สือมูเฉินก้มหน้าลงและปิดฟังก์ชันการบันทึกของโทรศัพท์มือถือ เขาคิดในใจเมื่อกลับไปถึงที่โรงแรม เขาจะเอาให้หลานเสี่ยวถางฟังเองว่าคนพวกนั้นยกย่องเธอขนาดไหน
เมื่อช่วงบ่ายหลานเสี่ยวถางไปที่บ้านของตระกูลฮั่ว
หลังจากพูดคุยกับนายท่านแห่งตระกูลฮั่ว คุณชายฮั่ว* และหัวหน้าโรงงานแล้ว จากนั้นก็บันทึกโครงสร้างของเฟรมบนคอมพิวเตอร์อีกครั้ง
การประชุมสิ้นสุดลงตอน 5 โมงเย็น เมื่อเธอกำลังออกมาอยู่นั้น เธอได้ส่งข้อความถึงสือมูเฉินหนึ่งข้อความ โดยเธอบอกว่าเธอเพิ่งออกมาจากบ้านของตระกูลฮั่ว และตอนนี้กำลังจะกลับโรงแรมแล้ว
เดิมทีตระกูลฮั่วนั้นต้องการอาสาขับรถไปส่งเธอ แต่เธอวางแผนไว้ว่าอยากไปซื้อของใช้ต่างๆในเมืองหน่อย ดังนั้นเธอจึงนั่งแท็กซี่ไป
หลานเสี่ยวถางขึ้นรถแท็กซี่และกล่าวว่า:“ไปที่จัตุรัสในใจกลางเมือง”
“โอเคครับ คุณผู้หญิง” คนขับแท็กซี่ใส่หมวกปิดบังหน้าพร้อมพยักหน้าให้กับหลานเสี่ยวถาง
โดยทั่วไปแล้วคนขับรถจะไม่สวมใส่หมวก หลานเสี่ยวถางสงสัยเล็กน้อย แต่เมื่อเธอเห็นใบรับรองของบริษัทแท็กซี่แล้ว เธอก็คิดว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ดังนั้นเธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกดดูการอัพเดตเพื่อนๆในWeChat
ตั้งแต่วันที่คุณJarvis กดไลค์ให้กับเธอในวันนั้น เธอจึงคุ้นเคยกับการเปิดดูเรื่องราวต่างๆของเขาทุกวันบนWeChat
ช่วงนี้สิ่งที่เขาได้โพสต์ลงนั้นเธอเห็นจนหมดแล้ว ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อวิสัยทัศน์ของเธอ วันนี้หลานเสี่ยวถางก็เปิดมันดูเช่นเคย สุดท้าย ก็เห็นเขาโพสต์และพูดประโยคหนึ่งว่า
น้ำเสียงยังคงเหมือนครั้งที่แล้ว แต่คราวนี้เนื้อหาคือ:“ลูกหมูที่ออกไปเที่ยวอยู่นั้นได้รับการยกย่องแล้ว ”
จู่ๆ หลานเสี่ยวถางก็รู้สึกมึนงง ภาพนั่นของคือ คุณ Jarvis ก็ลอยขึ้นมาอยู่ในหัว เขาอยู่ในชุดสูทที่กำลังถือเชือกไว้ในมือ และปลายเชือกนั้นเป็นลูกหมูขนาดเท่ากับลูกสุนัขหนึ่งตัว
บนหัวลูกหมูนั้นยังผูกโบว์ผีเสื้อสีชมพูเล็กๆ และดูเหมือนสาวน้อยยังไงยังงั้นแหละ
เมื่อเขาเดินไปที่สวนสาธารณะ คนเดินผ่านไปมาก็หยุดเมื่อเห็นเขา และหลายคนยกย่องเขา: “คุณผู้ชาย ลูกหมูของคุณนั้นสวยมากเลยล่ะ!”
เขากล่าวอย่างสุภาพว่า: “โชคดีที่มันเป็นลูกหมูที่ติดหนึ่งในสามอันดับของโลกด้วยนะครับ!”
เมื่อนึกถึงฉากนี้หลานเสี่ยวถาง เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา และในขณะเดียวกัน เธอก็ยังกดไลค์ให้เขา
เมื่อคนขับรถได้ยินการเคลื่อนไหวของเธอ เขารีบหันกลับไปดูทันที ดวงตาที่อยู่ภายใต้หมวกนั้นทำให้หลานเสี่ยวถางชำเลืองมองสักครู่
เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมตัวไป เธอรีบเก็บโทรศัพท์แล้วมองไปบริเวณรอบๆ
แม้ว่าเธอจะไม่เคยไปเดินซื้อของในเมืองไห่หลินบ่อยนัก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้อะไรเลย
เมื่อออกมาจากบ้านของตระกูลฮั่ว ต้องผ่านโรงกลั่นเหล้าองุ่นก่อน แล้วผ่านเขตเมือง แต่ตอนนี้ขับผ่านถนนสายนี้ซึ่งเธอรู้สึกมันไม่คุ้นตา?
หัวใจของหลานเสี่ยวถางสั่นด้วยความตื่นตระหนก แล้วเธอก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและส่งข้อความถึงสือมูเฉิน ทันทีที่เธอกดปุ่มส่งคนขับก็เหยียบเบรกกะทันหัน
รถค่อยๆชะลอความเร็วแล้วจอดนิ่ง ร่างของหลานเสี่ยวถางชนกับเบาะที่นั่งด้านหน้าของเธอ เธอรีบทรงตัวอย่างรวดเร็ว และเอื้อมมือออกไปคว้าราวจับประตูเพื่อที่จะเปิดประตู
แต่ว่า ก่อนที่เธอจะเอื้อมมือออกไป คนขับก็หยิบไม้หนึ่งท่อนออกมา และกำลังจะทุบตรงไปที่เธอ
หลานเสี่ยวถางตกใจมากพร้อมกับหลบไปด้านข้าง แต่ว่าในรถนั้นมีพื้นที่น้อยมาก และไม่มีใครอยู่รอบ ๆบริเวณนั้น ดังนั้นเธอจึงถูกเขาควบคุมตัวอย่างรวดเร็ว
มือของเธอทั้งสองข้างถูกมัดไขว้หลัง เธอบังคับตัวเองไม่ให้ตื่นตระหนก และถามคนขับว่า:“คุณเป็นใครกัน? ทำไมคุณถึงมัดฉันไว้แบบนี้?”
ถ้าต้องการเงิน มันไม่ใช่ปัญหา ถ้าหากไม่ใช่และถ้าเธอยอมตกลงให้เงินอีกฝ่ายมากขึ้นหลายเท่า เธอไม่รู้ว่าเธอจะหนีไปได้หรือเปล่า……
อย่างไรก็ตาม คนขับไม่ตอบคำถามของเธอเลย เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าจากช่องเก็บของหน้ารถ เขาบีบคางของหลานเสี่ยวถางและยัดเข้าไปในปากของเธอ
จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือของหลานเสี่ยวถางออกมาจากกระเป๋าของเธอ และใช้โทรศัพท์มือถือของเขากดโทรออกหาใครคนหนึ่ง
ไม่นาน รถยนต์อีกคันก็ขับมาหยุดข้างๆ รถแท็กซี่
คนขับแท็กซี่ลากหลานเสี่ยวถางออกจากรถ และแลกเปลี่ยนรถกับอีกฝ่าย แล้วมอบโทรศัพท์มือถือของหลานเสี่ยวถางให้อีกฝ่ายด้วย
หลานเสี่ยวถางตกใจมาก แต่เดิมเธอยังคงคาดหวังว่าจะให้สือมูเฉินตามหาเธอบนตำแหน่ง GPS เมื่อเขารู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเธอ จะสามารถไล่ตามหาเธอมาตามตำแหน่ง GPS ได้
แต่ตอนนี้มือถือของเธอโดนยึดไปแล้ว ถึงเขาจะไล่ตามมา ก็คงต้องตามไปผิดทางอย่างแน่นอน ……
หลังจากที่ขึ้นรถอีกครั้งแล้ว ทันใดนั้นคนขับก็เร่งความเร็วมากขึ้น หลานเสี่ยวถางมองไปที่ทิวทัศน์ที่กำลังถอยหลัง และหัวใจของเธอก็เต้นระรัวด้วยความกังวลมากขึ้น