ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 10 ตัวแปร
ตอนที่ 10 ตัวแปร
ผู้คนในจวนสกุลเซิ่งพบว่าคุณหนูหลานนอกเปลี่ยนไป
ในอดีตคุณหนูหลานนอกจะนอนตื่นสายแล้วไปเดินเที่ยวตลาดพร้อมกับสาวใช้ประจำกาย แต่บัดนี้กลับมาน้อมทักทายฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งอย่างแน่วแน่
เช้าหนึ่งหน เย็นหนึ่งหน ไม่เคยพลาดเลยสักหน
นับตั้งแต่วันที่คุณหนูหลานนอกเปลี่ยนไป ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งก็ไม่เคยได้เห็นหน้าหลานในของนางอีกเลย
ฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองอธิบายกับฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งอย่างเขินอาย “ช่วงนี้เด็กๆ ยุ่งอยู่กับการทำการบ้าน…”
ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งไม่เชื่อแม้แต่สักคำเดียว
การบ้านอะไรเร่งมากขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่านับตั้งแต่นางประกาศว่าจะเลือกหลานชายในบรรดาหนึ่งในสี่คนให้กับหลานนอกของนาง ลูกสะใภ้ก็ตกใจกลัวกันทั้งสิ้น
ขี้คลาดตาขาวเช่นนี้จะทำอะไรสำเร็จบ้าง!
ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งดูแคลนเหล่าลูกสะใภ้จากก้นบึ้งหัวใจ แต่ก็ร่าเริงมากขึ้นเมื่อเห็นหลานนอกมาน้อมทักทายทุกวัน
มาน้อมทักทายนางก็ย่อมดีกว่าไปฉุดหลานเขยกลางถนนกลับมา
คนเราน่ะ จงพอใจในสิ่งที่ตนมี
ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งที่พอใจในสิ่งที่ตนมี พอมีความสุขก็สั่งให้สาวใช้ไปเอากำไลหยกมามอบให้ลั่วเซิง
ลั่วเซิงเก็บกำไลและโค้งคำนับ “ขอบคุณรางวัลของท่านยายมาก”
ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลานนอกเป็นแกะดำในหมู่หลานๆ แต่โชคดีที่ไม่ได้แสดงอาการรังเกียจต่อหน้าทุกคน มิเช่นนั้นจะเอาหน้าแก่ๆ นี้ไปไว้ที่ไหน
น้ำเสียงของหยินผู้เฒ่าเซิ่งอ่อนโยนขึ้นโดยไม่รู้ตัว “กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด”
หลังจากพูดจบก็เหลือบมองหลานสาวทั้งสอง น้ำเสียงดูสบายๆ “พวกเจ้าก็ออกไปเถิด”
หลานในไม่จำเป็นต้องโอ๋ ใครกล้าก่อเรื่องก็ลงโทษซะ
ทันทีที่เซิ่งจยาอวี้เดินออกจากเรือนฝูหนิงก็กระทืบเท้าด้วยความโมโห “ท่านย่าลำเอียง พวกเราน้อมทักทายมาสิบกว่าปีก็ไม่เห็นเคยชื่นชม แค่ลั่วเซิงไม่ได้ออกเที่ยวเตร่กลับเห็นค่าเสียอย่างนั้น”
เซิ่งจยาหลานค่อยๆ ดึงชายเสื้อของเซิ่งจยาอวี้แล้วกระซิบว่า “พี่หญิงใหญ่อย่าโมโหไปเลย ท่านย่าก็แค่เห็นพี่สาวเปลี่ยนตัวเองจนดีขึ้นจึงรู้สึกดีใจน่ะ”
“เปลี่ยนตัวเองจนดีขึ้นงั้นหรือ” เซิ่งจยาอวี้ยิ้มเยาะ “น้องหญิงรอง เจ้าลืมคำพูดที่พวกเราได้ยินข้างทะเลสาบในวันนั้นแล้วหรือ ลั่วเซิงแก้สันดานแย่ๆ ไม่ได้หรอก ดูเอาเถอะ สักวันต้องลงมือกับคุณชายรองซูเป็นแน่”
ดวงตาของเซิ่งจยาหลานมืดมน กำมือที่อยู่ในแขนเสื้อกว้างไว้แน่น “พี่หญิงใหญ่หยุดพูดเถอะ ประเดี๋ยวถึงหูท่านย่าเข้า จะพาลให้ท่านย่าโกรธเอานะ พวกเรากลับเรือนกันเถอะ”
เซิ่งจยาอวี้พยักหน้าด้วยใบหน้าที่มืดมน
สองพี่น้องเดินผ่านทะเลสาบและจ้องมองตรงนั้นโดยไม่รู้ตัวแล้วเหลือบมองเห็นเงาอันสง่างามเข้า
เซิ่งจยาอวี้แม้มริมฝีปากยิ้มเยาะ “แสร้งทำตัวสูงส่ง ไม่แน่ว่าอาจมีแผนชั่วร้ายอยู่เต็มไปหมดก็ได้”
“พี่หญิงใหญ่ ไปกันเถอะ” เซิ่งจยาหลานลากเซิ่งจยาอวี้ แต่ก่อนจากไปก็หันกลับมาเหลือบมอง
เด็กสาวนั่งอยู่ริมทะเลสาบ เอามือเท้าคางและจ้องมองทะเลสาบอย่างเหม่อลอย
ข้างกายไร้วี่แววของสาวใช้หงโต้ว มีเพียงห่านขาวสองตัวแหวกว่ายไปมาอย่างสุขใจ
ดวงตาของเซิ่งจยาหลานวูบไหวเล็กน้อย
อยู่คนเดียวเพียงลำพัง…โอกาสที่นางรอคอยมาถึงแล้ว
“น้องหญิงรอง วันนี้มีแผนจะทำอะไรหรือไม่”
สีหน้าของเซิ่งจยาหลานกลับคืนสู่สภาพปกติและตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “เมื่อวานน่าจะโดนลม ตอนนี้เลยยังเวียนศีรษะอยู่ ข้าอยากกลับห้องไปงีบหลับซักหน่อยเจ้าค่ะ”
“ข้าว่าจะชวนน้องหญิงรองไปเดินเที่ยวที่หออวี้หรงน่ะ” เซิ่งจยาอวี้ค่อนข้างผิดหวัง แต่ก็ยิ้มออกอย่างรวดเร็ว “ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้น้องหญิงรองหายดี เราค่อยไปกัน”
“ได้”
สองพี่น้องแยกกันตรงพุ่มดอกตู้เจวียนและกลับหอปักผ้าของตนเอง
หลังจากนั้นไม่นาน เซิ่งจยาหลานที่เดิมทีบอกว่าจะกลับไปนอนกลับเดินลงบันไดอีกทางมาอย่างเงียบๆ โดยหลบซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางดอกไม้และต้นไม้อันเขียวขจีภายในสวนดอกแห่งนี้ชั่วครู่แล้วกลับมายังทะเลสาบ
เซิ่งจยาหลานยืนอยู่ด้านหลังดอกไม้ใบหญ้าริมทะเลสาบ จ้องมองเด็กสาวผู้โดดเดี่ยวเดียวดาย และอดไม่ได้ที่จะถอนใจ
ลั่วเซิงยังคงอยู่ลำพังคนเดียว!
นางเฝ้าสังเกตการณ์มานานแล้ว ช่วงนี้หลังออกจากเรือนฝูหนิงอีกฝ่ายมักจะนั่งที่ริมทะเลสาบพักหนึ่ง
บางทีนั่งนาน บางทีนั่งเพียงชั่วครู่ บางครั้งสองนายบ่าวก็พูดคุยอย่างเป็นกันเอง และบางครั้งจะสั่งให้สาวใช้ชื่อหงโต้วไปยกผลไม้มา โดยจะทิ้งกองเปลือกเมล็ดแตงไว้ริมทะเลสาบก่อนกลับ
ถึงขั้นมีครั้งหนึ่งสังเกตเห็นลั่วเซิงรออยู่ตรงนั้นและสาวใช้ชื่อหงโต้วก็วิ่งมาพร้อมกับถุงไก่รมควัน
เห็นได้ชัดว่าวันนั้นไม่มีไก่รมควันส่งมาจากครัวจึงเห็นได้ชัดว่าซื้อจากข้างนอก
วันนี้ เห็นทีว่าหงโต้วคงออกไปซื้ออาหารเป็นแน่
เซิ่งจยาหลานจ้องมองแผ่นหลังของลั่วเซิงด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
สำหรับการลงมืออีกครั้ง นางลังเลเหลือเกิน
ทันใดนั้น เซิ่งจยาหลานก็ดูเหมือนจะพบบางอย่างเข้าจึงอดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าและเบิกตาขึ้นจ้องมองใกล้ๆ
เด็กสาวที่นั่งริมทะเลสาบเอามือเท้าคาง ศีรษะขยับเป็นจังหวะราวกับไก่จิกเมล็ดข้าวกินทีละน้อย
แสงตะวันของฤดูใบไม้ผลิทอดแสงบนร่างกายของนาง ปกคลุมเส้นผมและชุดกระโปรงของนาง ทำให้เกิดภาพที่เงียบสงบและอ่อนโยน
นึกไม่ถึงว่าลั่วเซิงกำลังงีบหลับ!
ทันใดนั้น เซิ่งจยาหลานรู้สึกว่าหัวใจเต้นรัวจึงออกแรงกัดริมฝีปากและตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
จะลังเลอีกต่อไปไม่ได้แล้ว พลาดโอกาสในวันนี้ คงไม่มีอีกแล้ว
ด้านหลังดอกไม้และใบหญ้า หญิงสาวรูปร่างผอมเพรียว แต่สีหน้ากลับน่ากลัว ดูไม่ออกเลยแม้แต่น้อยว่าเป็นคนอ่อนแอ
ดวงตาของเซิ่งจยาหลานเปล่งประกายมืดมน ยกชายกระโปรงเดินไปที่ทะเลสาบ
ใกล้เข้ามาแล้ว ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่ลั่วเซิงยังคงหลับใหล ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด
เสียงฝีเท้าของเซิ่งจยาหลานเบามากจนแทบไม่ได้ยิน นางยืนอยู่ด้านหลังของลั่วเซิง โค้งริมฝีปากขึ้น แล้วหัวใจที่เต้นรัวราวกับฟ้าร้องก็สงบลง
นังโง่ลั่วเซิง อันที่จริงนางไม่ต้องลังเลนานขนาดนั้นเลยด้วยซ้ำ!
เซิ่งจยาหลานยื่นมือออกไป
มือของเด็กสาววัยสิบสี่สิบห้าดูขาวผ่องและงดงาม แต่บัดนี้ราวกับงูพิษที่เข้าโจมตีมนุษย์
ห่านขาวคู่นั้นร้องเสียงดังอยู่ในทะเลสาบ
เซิ่งจยาหลานลนลานและผลักลั่วเซิงจากด้านหลังทันที
เสียงน้ำกระเซ็นดังขึ้น ลั่วเซิงที่ไม่ทันระวังตัวถูกผลักลงในทะเลสาบ
มุมปากของเซิ่งจยาหลานโค้งขึ้น ปรากฏรอยยิ้มอันเบิกบาน
แน่นอนว่ามันทั้งง่ายและสำเร็จเหมือนกับครั้งนั้น แต่น่าเสียดายที่ครั้งก่อนโชคไม่ค่อยดี…
เสียงกรีดร้องทำให้เซิ่งจยาหลานหุบยิ้ม
“เจ้าทำอะไร ใครก็ได้รีบมาเร็ว คุณหนูรองผลักคุณหนูพวกข้าลงทะเลสาบแล้ว!” เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังทะลุฟากฟ้าจนทำให้ห่านขาวสองตัวบินขึ้นฝั่งด้วยความตกใจ กล่องอาหารในมือของหงโต้วหล่นกระจายเต็มพื้น นางรีบวิ่งเข้าไป
เซิ่งจยาหลานหันหลังกลับอย่างแข็งทื่อ สีหน้าราวกับเห็นผี
หงโต้วรีบไปที่ทะเลสาบและถีบเซิ่งจยาหลานลงทะเลสาบทันที
ในขณะเดียวกันก็มีร่างหนึ่งกระโดดลงไปในทะเลสาบและมุ่งหน้าแหวกว่ายไปหาลั่วเซิง
หงโต้วที่เตรียมจะลงไปดึงคุณหนูของตนกะพริบตา
ตายจริง คือคุณชายเล็ก!
แย่แล้ว นางควรช่วยคุณหนูหรือช่วยคุณชายเล็กดี
สาวใช้ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วร้องตะโกนเสียงดังลั่น “ช่วยด้วย ช่วยด้วยยย…”
ผู้คนที่ได้ยินเสียงต่างรีบวิ่งกรูเข้ามา ในไม่ช้าสวนดอกก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย
ในน้ำ ลั่วเฉินที่คว้าข้อมือของลั่วเซิงตะคอกเสียงทุ้มต่ำ “อย่าดิ้น!”
ลั่วเซิงลืมตาจ้องมองเด็กหนุ่มที่ใบหน้าซีดขาวด้วยแววตาที่ค่อนข้างประหลาดใจ
ลั่วเฉินกระโดดลงทะเลสาบเพื่อช่วยพี่สาวคนนี้จริงๆ หรือ
นึกไม่ถึงว่านี่จะเป็นตัวแปรหนึ่งเดียวที่ควบคุมไม่ได้ในแผนการของนาง
ลั่วเซิงถอนหายใจเสียงเบาในใจ ตามสรีระของเด็กน้อยที่ลงน้ำมาช่วยคน เกรงว่าคงต้องเกิดเรื่องเป็นแน่
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ก็เห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มซีดเผือดและจมดิ่งลง แต่มือทั้งสองข้างกลับดันนางขึ้นอย่างแรง
ลั่วเซิงถอนใจเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยินเสียง โอบรัดคอลั่วเฉินแล้วผลักไปที่หงโต้ว