ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 106 แม่จริง แม่เลี้ยง
ตอนที่ 106 แม่จริง แม่เลี้ยง
ตัวตนของสวี่ชีถูกเปิดเผย เมื่อฝูงชนได้ยินว่านี่คือคุณชายใหญ่ของจวนฉางชุนโหว บรรยากาศก็ร้อนระอุขึ้นในพริบตา ประหนึ่งน้ำที่หยดลงบนกระทะเดือด
สวรรค์ แม้แต่คุณชายจากจวนโหวคุณหนูลั่วก็ยังไม่ละเว้น นี่จะน่ากลัวเกินไปแล้ว
สวรรค์ จวนฉางชุนโหวรู้หรือไม่ว่าบุตรชายของพวกเขาถูกคุณหนูลั่วฉุดไปเยี่ยงนี้
บางคนถึงกับรีบปรี่ไปยังจวนฉางชุนโหวอย่างเงียบเชียบทันที
รีบนำเรื่องนี้ไปรายงานที่จวนฉางชุนโหว ไม่แน่ว่าอาจจะได้รางวัลตอบแทน
เพราะตอนแรกพวกเขาจะส่งสวี่ชีกลับไปที่จวน เส้นทางแรกที่พวกลั่วเซิงใช้แต่เดิมจึงเป็นถนนมุ่งสู่จวนฉางชุนโหว แต่หลังจากนั้นพวกเขาจะพาสวี่ชีกลับจวนแม่ทัพใหญ่ เส้นทางกลับไม่ได้เปลี่ยนแปลง
นั่นหมายความว่ากลุ่มของลั่วเซิงจะต้องผ่านบานประตูใหญ่ของจวนฉางชุนโหวไปเสียก่อน
สื่อเยี่ยนรีบสาวเท้ามายังด้านข้างของลั่วเซิง ส่งเสียงกระซิบ “คุณหนูลั่ว พวกเราไม่ไปทางนั้นหรือ”
“ทางไหน” ลั่วเซิงกวาดตามองไปยังทางที่สื่อเยี่ยนชี้นิ้ว ตอบกลับ “เหตุใดต้องไปทางนั้น”
สื่อเยี่ยนปาดเหงื่อ อธิบายอย่างอับจนหนทาง “คุณหนูลั่ว แม้ว่าท่านจะพาคนกลับไป ก็ไม่จำเป็นต้องผ่านประตูบ้านของพวกเขากระมัง”
จะไม่มีใครดักรอทำร้ายอยู่ที่นั่นรึ
มิผิด แม้ว่าวรยุทธ์ของเขาจะเก่งกาจ แต่การเอาชนะสี่หมัดด้วยสองมือก็มิใช่เรื่องง่าย หากอีกฝ่ายมีคนมากกว่าจะทำอย่างไรเล่า
และแม้เขาจะไม่กลัวตาย หากแต่องครักษ์ส่วนตัวคนอื่นล้วนสละชีวิตเพื่อปกป้องเจ้านายกันทั้งสิ้น หากมีใครถามว่าสื่อเยี่ยนจากโลกนี้ไปอย่างไร…
หึ สื่อเยี่ยนน่ะรึ เพราะช่วยคุณหนูลั่วฉุดคนไปเป็นนายบำเรอน่ะสิ ถึงได้ถูกทุบตีจนตาย…เช่นนั้นเขาจะเอาหน้าที่ไหนไปสู้บรรพบุรุษกัน!
ลั่วเซิงไม่ได้สนใจคำแนะนำขององครักษ์ตัวน้อย กล่าวอย่างใจเย็น “เดินมาถึงนี่แล้ว ยังจะต้องอ้อมทำไมอีกเล่า อย่างไรเสีย ไม่ช้าก็เร็วจวนฉางชุนโหวก็จะทราบเรื่องนี้อยู่ดี”
แพขนตาของคุณชายน้อยที่ถูกแบกอยู่บนไหล่ของหงโต้วสั่นไหวเบาๆ
กำลังจะไปจวนฉางชุนโหวรึ จะมีใครมาช่วยเขาไหมนะ
ขณะที่คุณชายน้อยกำลังคิดเรื่องนี้ เขาก็ต้องหยุดมันอย่างฉับพลัน
เขาไม่กล้าลืมตา หัวใจคล้ายกับถูกบีบไว้ด้วยมือที่มองไม่เห็น ทำให้เขาหายใจไม่ออก
ลั่วเซิงหยุดฝีเท้า ดวงตาเย็นชามองไปทางกลุ่มคนที่ยืนขวางอยู่หน้าจวนฉางชุนโหวด้วยสีหน้าสงบ
ผู้ที่ดูคล้ายกับเป็นผู้นำในครั้งนี้แต่งกายดุจผู้ดูแล เขามั่นใจว่าผู้ที่พาดอยู่บนไหล่ของสาวใช้เป็นคุณชายใหญ่แน่นอน เขาประสานหมัดคำนับลั่วเซิง “ขอบังอาจถามท่านคือคุณหนูลั่วใช่หรือไม่”
“ใช่” ลั่วเซิงตอบกลับชัดถ้อยชัดคำ กิริยาสงบผ่อนคลาย
ฝูงชนกลุ่มใหญ่ที่คอยรับชมเรื่องนี้อยู่ต่างกลั้นหายใจ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมา
สถานการณ์กำลังเข้มข้นเช่นนี้ หากได้ยินไม่ชัดก็น่าเสียดายแล้ว
จุ๊จุ๊ จะว่าไปแล้วคุณหนูลั่วก็สุขุมยิ่ง ฉุดคุณชายของพวกเขาไปแล้วยังกล้าเดินผ่านหน้าประตูโดยสี
หน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย
“คุณหนูลั่ว เป็นเพราะคุณชายใหญ่ของพวกข้าไม่รู้ความบังเอิญล่วงเกินท่านหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นท่านโหวของพวกเราจะไปเยี่ยมท่านที่จวนเพื่อขออภัยด้วยตนเอง หวังว่าท่านจะไม่ถือสาคุณชายของพวกข้า วางเขาลงเถอะขอรับ”
ลั่วเซิงกวาดสายตามองผู้ดูแล เอ่ยถาม “เจ้าเป็นผู้ดูแลจวนโหวหรือ”
“ถูกแล้วขอรับ”
“ข้าเป็นใคร” ลั่วเซิงเอ่ยถาม
“ท่านคือคุณหนูลั่วขอรับ” ผู้ดูแลมึนงงเล็กน้อย
มิใช่ว่าเมื่อครู่เพิ่งบอกเองหรอกรึ
ใบหน้าของลั่วเซิงฉายแววเย็นชาเล็กน้อย เอ่ยเสียงเรียบ “ในเมื่อรู้แล้วว่าข้าคือคุณหนูลั่ว เช่นนั้นก็ให้ท่านโหวของพวกเจ้าออกมาคุย”
ใบหน้าของผู้ดูแลร้อนขึ้นอย่างฉับพลัน
นั่นหมายความว่าเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะออกหน้าเช่นนี้
กลุ่มคนที่รอรับชมเรื่องสนุกต่างส่งเสียงหัวเราะ
หาใช่จงใจเยาะเย้ยผู้ดูแลไม่ แต่เป็นเพราะรู้สึกว่าฉากวันนี้มีสีสันยิ่ง และในฐานะผู้ชมย่อมต้องแสดงปฏิกิริยาบางอย่างบ้างจึงจะเหมาะสม
เสียงหัวเราะที่ลอยออกมาเป็นระยะทำให้ผู้ดูแลแทบจะยืนหยัดต่อไปไม่ได้ ประสานหมัดคำนับด้วยใบหน้าเย็นชา “ต้องขออภัยคุณหนูลั่วแล้ว ยามนี้ท่านโหวมิได้อยู่ที่จวนขอรับ”
“เช่นนั้นก็ให้โหวฮูหยินของพวกเจ้าออกมา”
“เกรงว่านี่จะไม่เหมาะสม…” ผู้ดูแลปฏิเสธโดยไม่คิดเลยแม้แต่น้อย
ฉากที่น่าอับอายเช่นนี้ จะให้ฮูหยินมาปรากฎตัวได้อย่างไรเล่า
“ไม่เหมาะสมหรือ” ลั่วเซิงแค่นยิ้มเย็น ไม่สนใจผู้ดูแลอีกต่อไป “พวกเราไปกันเถอะ”
บ่าวของฉางชุนโหวยืนขวางอยู่เบื้องหน้า ทุกคนสีหน้าวิตกกังวล
เห็นเช่นนี้หงโต้วก็โยนสวี่ชีลงบนพื้นเหมือนกระสอบป่าน เท้าหนึ่งเหยียบเขาไว้เพื่อไม่ให้เขาหนีไปได้แล้วตะโกนเสียงกร้าว “พวกเจ้ากล้าขวางคุณหนูของพวกข้าหรือ ข้าจะบอกพวกเจ้าให้นะ หากคุณหนูของพวกข้าเส้นผมร่วงไปแม้แต่เส้นเดียว พวกเจ้าอย่าคิดว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อได้!”
ทุกคนในจวนฉางชุนโหวอดชักเท้ากลับไม่ได้
นี่คือบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของของผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลิน หากล่วงเกินเข้าจริงๆ มิต้องกล่าวถึงบ่าวรับใช้เช่นพวกเขา แม้แต่จวนโหวเองก็เกรงว่าจะต้องถลกผิวหนังออกหนึ่งชั้น
หากไม่เชื่อ ดูตระกูลของอำมาตย์เฉินก็จะทราบ
อำมาตย์เฉินสูญสิ้นอำนาจไปเช่นนั้น ทั้งต้องกลับไปยังบ้านเกิดไปอย่างน่าเศร้า จะไม่เกี่ยวกับแม่ทัพใหญ่ลั่วได้อย่างไร ส่วนเหตุผลก็เพราะหลานสาวของอำมาตย์เฉินใส่ร้ายคุณหนูลั่วนั่นเอง
ลั่วเซิงเหลือบมองหลานชายตัวน้อยที่ถูกหงโต้วเหยียบอยู่ใต้เท้าเงียบๆ มุมปากกระตุกเล็กน้อย
เด็กคนนี้ วันนี้ต้องพบเจอเรื่องยากลำบากไม่น้อย
อย่างไรเสีย เด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างบิดเบี้ยวก็ไม่อาจตามใจได้ สิ่งที่ควรจัดการย่อมควรจัดการ
ลั่วเซิงส่งสัญญาณให้หงโต้วหยุดพูด ทันใดนั้นนางก็ยกยิ้มส่งให้แก่ฝูงชน “ทุกท่านคงเห็นแล้วกระมังว่าฉางชุนโหวฮูหยินยอมให้พวกข้าฉุดคุณชายใหญ่ของพวกเขาไปเป็นนายบำเรอมากกว่าที่จะยอมออกหน้า”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ลั่วเซิงเอ่ย ใบหน้าของผู้ดูแลก็พลันเปลี่ยนสี
รอยยิ้มของลั่วเซิงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ไม่ปิดบังการดูถูกเหยียดหยามเลยแม้แต่น้อย “ข้าได้ยินมาว่าฉางชุนโหวฮูหยินเป็นภรรยาใหม่ หาใช่มารดาแท้ๆ ของคุณชายสวี่ นี่เรื่องจริงรึ”
“เป็นเรื่องจริง” มีหลายเสียงในฝูงชนดังขึ้น
การรับชมเรื่องสนุกสนานย่อมไม่เกิดปัญหาใด อย่างไรก็ไม่มีทางถูกจับได้อยู่แล้ว
ลั่วเซิงถอนหายใจ “ไม่น่าแปลกใจที่หลายคนกล่าวว่าอยู่กับมารดาที่เป็นขอทานเสียยังดีกว่าอยู่กับบิดาที่เป็นขุนนาง แม่เลี้ยงก็คือแม่เลี้ยง เพื่อรักษาหน้าของตนเอาไว้จะสนใจไยดีความเป็นตายของลูกเลี้ยงไปทำไมเล่า หารู้ไม่ว่ากระทำเช่นนี้นั้นไร้ยางอายและผิดศีลธรรมนัก!”
“คุณหนูลั่ว โปรดระวังวาจาด้วย!” ผู้ดูแลอดลนลานมิได้
ลั่วเซิงเอ่ยเสียงเรียบ “หากเจ้าจะให้ข้าระวังสิ่งที่เอ่ยไปก็ให้โหวฮูหยินของพวกเจ้าออกมา เจ้าที่เป็นเพียงผู้ดูแลตัวเล็กๆ คู่ควรมาโต้เถียงกับข้าเช่นนี้รึ”
บางทีวาจาของลั่วเซิงที่เกี่ยวกับมารดาแท้ๆ กับมารดาเลี้ยงนั้นคงกระตุ้นการยอมรับของผู้คนไม่น้อย เมื่อคำนี้เอ่ยออกไป หลายคนที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนก็โห่ร้อง
“ใช่ ให้โหวฮูหยินของพวกเจ้าออกมา”
“ใช่ เด็กกำลังจะถูกผู้อื่นฉุดไปเป็นนายบำเรออยู่แล้ว แถมมาผ่านที่หน้าบ้านอีก แต่กลับไม่ยอมโผล่หน้าออกมา…”
“คุณหนูลั่วกล่าวถูกแล้ว ยอมมีมารดาเป็นขอทานยังดีกว่ามีบิดาเป็นขุนนาง มารดาผู้ให้กำเนิดกับมารดาเลี้ยงย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว”
“ก่อนหน้านี้ข้ายังเคยคิดว่าฉางชุนโหวฮูหยินเป็นคนดีเสียอีก กล่าววาจากับพวกบ่าวไพร่ก็สุภาพเรียบร้อย ไม่คิดเลยว่า…”
สวี่ชีที่นอนแผ่หลาอยู่บนพื้นยังคงหลับตา ได้ยินเรื่องพวกนี้ก็รู้สึกมึนงงไปหมด
เป็นเรื่องจริงรึ หากท่านแม่ยังอยู่ เมื่อได้ยินว่าเขาเกิดเรื่องก็จะไม่ลังเลที่จะออกมาใช่หรือไม่
ผู้ดูแลเห็นว่าสถานการณ์เริ่มบานปลายเช่นนี้ก็ไม่กล้าประวิงเวลาอีก รีบร้อนประสานหมัดคำนับลั่วเซิงอีกครา “คุณหนูลั่วโปรดรอสักครู่ ข้าน้อยจะไปรายงานฮูหยินให้”
หากปล่อยให้คุณหนูลั่วเอ่ยวาจาไร้สาระเช่นนี้ต่อไป ชื่อเสียงของโหวฮูหยินมีอันต้องถูกทำลายย่อยยับเป็นแน่แท้
หลังจากได้ยินผู้ดูแลรายงาน ฉางชุนโหวฮูหยินหยางซื่อก็เกือบจะหักเล็บมือที่ทะนุถนอมมาอย่างดี
เมื่อได้ยินว่าสวี่ชีถูกคุณหนูลั่วฉุด นางก็ส่งคนไปรายงานต่อท่านโหว อีกด้านก็กำชับผู้ดูแลพาบ่าวออกไปขวางไว้จำนวนหนึ่ง เดิมคิดว่ารับมือเช่นนี้จะไม่มีคนจับผิด แล้วคุณหนูลั่วยังสามารถเอ่ยวาจาเหลวไหลอยู่หน้าประตูใหญ่ของจวนโหวทำลายชื่อเสียงของนางได้อย่างไรกัน!
หยางซื่อรีบร้อนมายังประตูจวนโหว ไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไป