ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 155 เหล้าหอม
ตอนที่ 155 เหล้าหอม
แม้จะยังไม่ถึงเวลาเปิดหอสุรา แต่หญิงผู้ดูแลร้านและคนอื่นๆ กลับอยู่ที่นี่กันหมดแล้ว
ขณะที่ลั่วเซิงรอหงโต้วมาเคาะประตูก็รู้สึกว่ามีคนกำลังมองมาทางนี้ นางจึงหันไปมอง
มีชายหนุ่มท่าทางไม่ธรรมดาคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกล เขากำลังมองมาทางนี้
เว่ยเชียง?
ลั่วเซิงสบตาเว่ยเชียงโดยหน้าไม่เปลี่ยนสีพลางกำมือที่อยู่ใต้แขนเสื้อแน่น
เขามาที่นี่ทำไม
ขณะที่ครุ่นคิด เว่ยเชียงก็สาวเท้ามาถึงข้างหน้าแล้ว
“องค์ชาย” ลั่วเซิงข่มกลั้นความเกลียดชังในใจ ยอบกายให้เล็กน้อย
น้ำเสียงเว่ยเชียงอ่อนโยน “คุณหนูลั่วมิต้องมากพิธี วันนี้ข้าไปเยี่ยมเสด็จอาผิงหนานอ๋อง ได้ยินว่าคุณหนูลั่วเปิดหอสุรา ข้าสงสัยจึงเข้ามาดู”
“ที่ท่านอ๋องเกิดเรื่องเมื่อวานก็เกิดหลังจากออกจากหอสุราไปได้ไม่นานเพคะ” ลั่วเซิงเอ่ยเสียงราบเรียบ
เว่ยเชียงคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะพูดถึงเรื่องเมื่อคืนอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ตามหลักแล้วเรื่องแบบนี้มักจะเลี่ยงการพูดถึงกัน
เขาชะงักเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ดังนั้นข้าจึงยิ่งต้องมาดู”
ลั่วเซิงเลิกคิ้ว “องค์ชายไม่กลัวอันตรายหรือเพคะ ได้ยินว่ายังไม่เจอตัวผู้ร้ายเลย”
นางเพิ่งพูดจบก็เห็นทหารกลุ่มหนึ่งวิ่งผ่านหน้าไป ทุกคนล้วนมีสีหน้าเคร่งเครียด
“คนของกรมทหารม้าผ่านที่นี่ทุกๆ ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ทรงไม่สังเกตหรือเพคะว่าวันนี้ถนนสายนี้มีคนเดินไม่มากนัก”
ถนนชิงซิ่งที่มีผู้คนขวักไขว่ไปมา วันนี้ผู้คนเบาบางยิ่งนัก บางคนที่เดินผ่านมาจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
พวกเขาไม่ได้กลัวผู้ร้ายที่ยังไม่ถูกจับ ถึงอย่างไรก็ลอบสังหารท่านอ๋องแล้ว คงไม่เปลืองแรงกับประชาชนตัวน้อยๆ เช่นพวกเขาหรอก
ผู้ที่พวกเขาต้องการเลี่ยงนั้นคือทหาร
เห็นทหารถืออาวุธเป็นกลุ่มๆ เช่นนี้ น่าอึดอัดจริงๆ
เว่ยเชียงมองตามไป พูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “ใต้พระบาทโอรสสวรรค์ ผู้ทำชั่วย่อมต้องได้รับโทษ คุณหนูลั่วคิดว่าใช่หรือไม่”
ลั่วเซิงยกมุมปากขึ้นยิ้มๆ “องค์ชายพูดถูกแล้ว ผู้ทำชั่วย่อมต้องได้รับโทษ ทำดีได้ดีทำชั่วย่อมได้ชั่ว”
เว่ยเชียงขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าการพูดคุยเรื่องความดีความชั่วกับแม่นางน้อยคนหนึ่งน่าขันไปหน่อย
ครานี้เองประตูหอสุราก็เปิดออก หญิงผู้ดูแลร้านเดินออกมาต้อนรับ “เถ้าแก่ วันนี้ท่านมาเช้าจังเลย…”
เมื่อเห็นชายที่ยืนตรงข้ามกับลั่วเซิง หญิงผู้ดูแลร้านก็ชะงัก ดวงตาเปล่งประกาย
แม้ชายคนนี้จะสวมชุดสามัญชน แต่กลับไม่เหมือนคนทั่วไป
เว่ยเชียงชี้เข้าไป “คุณหนูลั่วไม่เชิญข้าเข้าไปนั่งหน่อยหรือ”
“ยังไม่ถึงเวลาเปิดเพคะ ไม่มีอาหารและสุราต้อนรับ แต่หากพระองค์ไม่รังเกียจ เชิญข้างในเพคะ”
เว่ยเชียงก้าวเท้าเดินเข้าไป
หญิงผู้ดูแลร้านถือโอกาสถามหงโต้วขณะที่เว่ยเชียงกำลังมองสำรวจหอสุรา “แขกที่เถ้าแก่ดูแลคือใครหรือ”
เหมือนกับว่าเถ้าแก่จะเรียกเขาว่า ‘พระองค์’ … เมื่อคิดถึงคำเรียกขานนี้ หญิงผู้ดูแลร้านก็ตะลึง
หงโต้วไม่มีสีหน้าตื่นเต้นแม้แต่น้อย นางเม้มปากพูดว่า “ท่านไม่ได้ยินว่าคุณหนูเรียกเขาว่าอะไรหรือ คนนั้นคือองค์ชายรัชทายาท…”
หญิงผู้ดูแลร้านเข่าอ่อน นางรีบพยุงขอบโต๊ะไว้
มารดามันเถอะ ผู้ที่มาหอสุรายังมีองค์รัชทายาทด้วย!
นางรู้แต่แรกว่าการทำงานกับเถ้าแก่คนใหม่คือการตัดสินใจที่ถูกต้อง นางได้เปิดโลกทัศน์มากมายจริงๆ
อันตราย? ท่านอ๋องถูกลอบสังหาร?
แค่กๆ นี่ก็เป็นการเปิดหูเปิดตาอย่างหนึ่งเช่นกันมิใช่หรือ หากนางยังคงเป็นผู้ดูแลร้านเครื่องประทินโฉมธรรมดาๆ นั่น อย่าว่าแต่ได้เห็นท่านอ๋องถูกลอบสังหารเลย แม้แต่โอกาสในการต้อนรับท่านอ๋องก็ยังไม่มี
น้ำพะโล้ต้องทำล่วงหน้า บัดนี้มีกลิ่นหอมโชยออกมาจากห้องครัวด้านหลัง
เว่ยเชียงรู้สึกอยากอาหารขึ้นมาทันที เขาเดินไปทางห้องครัวอย่างไม่รู้ตัว
ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งหอม
แต่บิดาแท้ๆ เพิ่งเกิดเรื่อง คงไม่ดีหากเขาจะพูดถึงเรื่องทานอาหารในยามนี้ มิหนำซ้ำคำว่า ‘ไว้มาคราวหลัง’ ก็ไม่ควรพูดในเวลาเช่นนี้
เสียงบางอย่างตกแตกดัง เคร้ง ทำเอาโต้วเหรินตกใจอุทานว่า “ใคร!”
มีสตรีหน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องครัว ไหสุราไหหนึ่งร่วงแตกที่ข้างเท้าของนาง
กลิ่นสุราที่หอมปนหวานอบอวลไปทั่วห้อง
เว่ยเชียงถูกกลิ่นหอมของสุราเบี่ยงเบนความสนใจ
นี่คือกลิ่นสุราที่เขาคุ้นเคย
เมื่อครั้วเยาว์วัย เขาไม่ค่อยดื่มสุรา ครั้งหนึ่งเขาเคยไออย่างรุนแรงหลังจากดื่มสุราเข้าไป เขาจึงได้รับสุราส้มไหหนึ่งเป็นของขวัญวันเกิด
ลั่วเอ๋อร์เป็นคนบ่ม สุราสะอาดสดชื่น รสชาติยอดเยี่ยม
เขาหวงแหนมันมาก แม้จะผ่านไปสิบสองปีแล้ว เขาก็ยังคงได้กลิ่นอันคุ้นเคยของส้มที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่บนจมูก
เว่ยเชียงอดไม่ได้ที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า
หงโต้วพุ่งไปจากข้างกายเว่ยเชียงราวกับพายุ กระทืบเท้าเพราะความเสียดายไม่หยุด “ทำไมสะเพร่าเช่นนี้ สุราส้มดีๆ หกหมดแล้ว!”
นางกระทืบเท้าพลางผลักซิ่วเย่ว์เข้าไปในห้องครัว “รีบเข้าไปเถอะ สร้างแต่ปัญหา!”
ฮึ ตอนนี้คุณหนูรู้แล้วใช่หรือไม่ว่าใครน่าเชื่อถือที่สุด
ผู้หญิงบ้านนอกไม่ค่อยได้เจอโลกภายนอกอย่างอาซิ่ว แค่เจอองค์รัชทายาทก็มือไม้อ่อน อยู่ต่อหน้าผู้คนไม่ได้หรอก
เว่ยเชียงตั้งสติได้ มองไปที่ลั่วเซิง “สุรานี้…”
ลั่วเซิงสีหน้าเรียบเฉยตอบกลับ “สุราผลไม้สูตรเฉพาะของมีหอสุรา หม่อมฉันเป็นคนบ่มเองเพคะ”
“คุณหนูลั่วบ่มสุราเป็นด้วยหรือ” เว่ยเชียงตกตะลึงจนเสียงหาย
ลั่วเซิงมองเขา ย้อนถามอย่างมีเหตุมีผลว่า “มิได้หรือ”
นางคือคุณหนูลั่วผู้มีชื่อเสียง ชอบอะไรก็ทำสิ่งนั้น มีทั้งเงินและเวลา
เว่ยเชียงมองนางอย่างไม่อาจละสายตาไปได้ แววตาลุ่มลึก “ข้าคิดว่าสตรีสูงศักดิ์เช่นคุณหนูลั่วจะไม่ศึกษาเรื่องพรรค์นี้เสียอีก”
ลั่วเซิงยิ้ม “หม่อมฉันก็แค่ทำตามความสนใจ อย่างเช่นก่อนหน้านี้หม่อมฉันสนใจผู้ชาย ก็เลี้ยงนายบำเรอสองสามคนไว้เล่นๆ”
เว่ยเชียง “…”
“หม่อมฉันคิดว่าตอนนี้พระองค์คงไม่มีอารมณ์ดื่มสุราจึงจะไม่เชิญให้ลิ้มลองนะเพคะ” ลั่วเซิงยกมือขึ้นเกี่ยวผมไปข้างหลัง หันหลังเดินออกไป
สายตาของเว่ยเชียงหยุดอยู่ที่ข้อมือของนาง อดขมวดคิ้วไม่ได้
กำไลข้อมือที่คุณหนูลั่วใส่ ดูแล้วคุ้นตามากเลย
ใช่แล้ว อวี้เหนียงก็ใส่กำไลแบบนี้ทุกวันเช่นกัน
“คุณหนูลั่ว…” เขาอดเรียกคำหนึ่งไม่ได้
ลั่วเซิงหยุดลงและมองมาที่เขา
เว่ยเชียงกลับพูดอะไรไม่ออก
อีกฝ่ายไม่ใช่นางกำนัลรับใช้ไร้ค่าในวังเสียหน่อย แม้เขาจะเป็นรัชทายาทก็ไม่สมควรถามเรื่องกำไลข้อมืออันหนึ่ง
ลั่วเซิงใบหน้าสงบนิ่ง ภายใต้รอยยิ้มน้อยๆ นั้นแฝงไปด้วยการดูถูก
อยากรู้ แต่ก็กลัวเสียภาพพจน์ของตนเอง
เสแสร้งเช่นนี้ ชวนให้คนสะอิดสะเอียนนัก
“องค์ชายอยากพูดอะไรหรือเพคะ” ลั่วเซิงยกมุมปากยิ้มถาม
“ไม่มีอะไร ได้เห็นหอสุราของคุณหนูลั่วแล้ว ข้าก็ควรกลับวังแล้ว”
ลั่วเซิงยิ้ม “ในวังปลอดภัย องค์ชายควรรีบกลับเพคะ”
เว่ยเชียงรู้สึกไม่ค่อยรื่นหูเท่าไร แต่ก็ไม่รู้ว่าติดขัดตรงไหน ได้แต่ยิ้มๆ เดินออกไปข้างนอก
เมื่อเดินทะลุห้องโถงออกมาถึงนอกหอสุรา เว่ยเชียงก็หยุดลง “คุณหนูลั่วมิต้องส่ง”
“เช่นนั้นองค์ชายเดินทางปลอดภัยเพคะ”
ลั่วเซิงมองเว่ยเชียงจากไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ครั้นกำลังจะหันกลับไปยังหอสุราก็เห็นหลินเถิงพาลูกน้องสองสามคนเข้ามา
“คุณหนูลั่ว ขอดื่มน้ำแก้กระหายได้หรือไม่”
สายตาของลั่วเซิงหยุดอยู่ที่ริมฝีปากแห้งผากที่กำลังฉีกยิ้ม นางยิ้ม “ย่อมได้”
เมื่อเห็นหลินเถิงรับน้ำกระบวยหนึ่งจากหญิงผู้ดูแลร้านมาแล้วดื่มอึกหนึ่ง ลั่วเซิงก็ถามอย่างเป็นกันเองว่า “อากาศร้อนเช่นนี้ คุณชายใหญ่หลินอยู่ข้างนอกตลอดเลยหรือ”
หลินเถิงคืนกระบวยน้ำให้หญิงผู้ดูแลร้านก่อนจะพยักหน้า “ข้ารู้สึกว่าผู้ร้ายที่ลอบสังหารผิงหนานอ๋องหนีไปได้อย่างราบรื่นเกินไป องค์รักษ์ลับของจวนอ๋องที่ไล่ตามไปคลาดกับผู้ร้าย ทหารหนุนก็จับตัวใครไม่ได้เลย เหมือนกับว่าหายไปกลางอากาศอย่างไรอย่างนั้น ข้าพาคนทำความคุ้นเคยกับรอบๆ เล็กน้อย ลองดูว่าจะพบเบาะแสอะไรหรือไม่”