ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 16 เดินตลาด
ตอนที่ 16 เดินตลาด
ลั่วเซิงคิ้วกระตุก
น้ำทะเลสาบในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิยังคงเย็นอยู่ ลั่วเฉินเองก็ร่างกายอ่อนแอ นางจึงเป็นห่วงเรื่องนี้
เด็กนั่นตัวร้อนจริงๆ ด้วย
ลั่วเซิงหลับตา ใบหน้าของหมอหลายคนปรากฏในสมองของนาง
ท่านแม่ของนางสุขภาพไม่ค่อยดี จวนอ๋องจึงมีหมอเข้าออกเป็นประจำ นางรู้ผลกระทบร้ายแรงของไข้หวัดจากลมหนาวเป็นอย่างดี
โชคไม่ดีอาจมีคนตายได้
เมื่อนึกถึงเด็กหนุ่มที่ปากไม่ตรงกับใจ ลั่วเซิงรู้สึกเจ็บจี๊ดในใจขึ้นมา
เพราะนางคือต้นเหตุของเรื่องนี้ นางไม่อาจเพิกเฉยได้
“ไปดูกัน” ลั่วเซิงลุกขึ้นและเดินออกไป
หงโต้วรินน้ำชาและรีบตามไป
ทางฝั่งของลั่วเฉิน มีคนอยู่ไม่น้อย
ฮูหยินใหญ่กำลังซักถามหมออยู่ เมื่อเห็นลั่วเซิงเดินเข้ามาก็เผยรอยยิ้ม “หลานมาแล้วหรือ”
“ท่านน้าสะใภ้ใหญ่ น้องชายข้าเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
ฮูหยินใหญ่เก็บซ่อนความกังวลแล้วตอบอย่างโล่งอก “แค่เป็นหวัดน่ะ พักฟื้นให้เต็มที่ก็ไม่เป็นไรแล้ว”
คุณหนูหลานนอกไม่ก่อเรื่องก็ดีมากโขแล้ว รู้มากไปก็ไม่มีผลดีอะไร
“ไม่เป็นไรอย่างนั้นหรือ” ลั่วเซิงไม่ได้ถามฮูหยินใหญ่ แต่จ้องมองไปที่หมอหนวดเคราสีขาวแทน
หมอเฒ่าที่ได้ยินชื่อเสียงอันดุร้ายของคุณหนูหลานนอกก็หดคอโดยไม่รู้ตัวและตอบตามคำพูดของฮูหยินใหญ่
ลั่วเซิงคิ้วขมวด “หมอบอกไม่เป็นไร อย่างนั้นข้าเชื่อหมอ”
ความเย็นชาในคำพูดนั้นไม่ปกปิดเลยแม้แต่น้อย
หมอเฒ่าผวาจนขนลุกซู่และรีบเอ่ยเสริม “อาการจะแตกต่างตามภูมิของแต่ละคน”
ลั่วเซิงเอ่ยเสียงราบเรียบ “ถ้าเช่นนั้น รบกวนท่านหมออธิบายอาการของน้องชายข้าอย่างละเอียดด้วย”
หมอเฒ่าแอบเอ่ยเสียงเบาว่าคุณหนูยากตอแย แล้วไตร่ตรองก่อนตอบว่า “คุณชายร่างกายอ่อนแอ แม้ไข้จะลดก็อาจเสี่ยงเป็นโรคปอดได้ แต่ยามนี้ต้องระบายขับชื้นกระจายลมก่อนแล้วค่อยบำรุงและฟื้นฟูร่างกาย”
ลั่วเซิงยิ่งฟัง คิ้วยิ่งขมวดแน่น
แม้แต่ตระกูลร่ำรวยและขุนนางผู้สูงศักดิ์ก็ยังจบชีวิตลงเพราะโรคไข้หวัดจากลมหนาวอยู่บ่อยครั้ง เพราะพวกเขาเชิญมาแต่หมอไม่เก่งอย่างนั้นหรือ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่
อันที่จริงแล้ว การรักษาโรคไข้หวัดจากลมหนาวมีวิธีที่ถูกต้องแม่นยำแล้ว แต่หมอมักหมดหนทางรักษาเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากภูมิที่แตกต่างของผู้ป่วยแต่ละคน
ลั่วเซิงมีความเข้าใจด้านการแพทย์เพียงผิวเผิน แต่ก็รู้ว่าความเสี่ยงของลั่วเฉินคือร่างกายที่อ่อนแอ การเผชิญหน้ากับโรคไข้หวัดลมหนาวอันชั่วร้าย ย่อมมีภูมิคุ้มกันไม่มากนัก
“ขอบคุณท่านหมอที่แจ้งให้ทราบ น้าสะใภ้ใหญ่ ข้าอยากเข้าไปเยี่ยมน้องชายเจ้าค่ะ”
ฮูหยินใหญ่พยักหน้าหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “เฉินเอ๋อร์หลับอยู่”
ลั่วเซิงพยักหน้าเล็กน้อย ปล่อยหงโต้วไว้ข้างนอกแล้วเดินเข้าไปในห้องอย่างเงียบๆ
ยาภายในห้องส่งกลิ่นฉุนกว่าเมื่อวาน บ่าวที่ชื่อฝูซงนั่งอยู่บนเก้าอี้ทรงเตี้ยข้างเตียงและจ้องลั่วเฉินที่นอนไม่ฟื้นด้วยน้ำตานองหน้า
ฝูซงที่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจึงรีบหันศีรษะจนเกือบตกเก้าอี้และพูดโพล่งออกมา “คุณหนูมาแล้ว!”
เมื่อวานคุณชายกำชับไว้ว่าหากวันนี้คุณหนูหลานนอกมาเยี่ยมให้ใช้ไม้กวาดไล่ แล้วเขาควรทำตามหรือไม่
ขณะที่เขาลังเล ลั่วเซิงก็เดินเข้ามา เหยียดมือแตะหน้าผากของลั่วเฉิน
ความร้อนระอุแผดเผาปลายนิ้วของนาง
“ไปเอาน้ำเย็นมาหนึ่งกะละมัง”
เสียงนี้ดูเย็นชาชัดๆ แต่เมื่อลอยเข้าหูของฝูซงกลับมีพลังที่ไม่อาจต้านทานได้
บ่าวตักน้ำและเดินโขยกเขยกกลับมา มองเห็นลั่วเซิงบิดผ้าทาบไว้บนหน้าผากของลั่วเฉินก็เก็บความลังเลใจเอาไว้
เขาทำตามคำสั่งของคุณหนู จะให้ไล่นางออกไปคงไม่เหมาะ
ลั่วเฉินดูเหมือนจะรับรู้ถึงความเย็นบนหน้าผากขนตาจึงสั่นระริก
มือของเขาถูกจับด้วยมือที่เย็นเล็กน้อยและมีเสียงอันอ่อนโยนและแน่วแน่ดังข้างหูเขา “วางใจเถิด มีข้าอยู่ เจ้าต้องหายเป็นปกติแน่นอน”
เสียงนี้ทั้งแปลกหูและคุ้นหู ลั่วเฉินที่อยู่ในสภาพสะลึมสะลือผ่านไปพักใหญ่ถึงรู้ตัว นี่คือลั่วเซิง!
เด็กหนุ่มที่นอนหลับอย่างสบายใจกระวนกระวายใจขึ้นมา
ลั่วเซิงก่อเรื่องอีกแล้วใช่หรือไม่ ไม่ได้การแล้ว เขาต้องรีบลุกขึ้นโดยเร็ว!
เพียงแต่ระหว่างที่เด็กหนุ่มต่อสู้กับความง่วง ลั่วเซิงก็ออกจากห้องไปแล้ว
“หงโต้วไปเอาเงินมาหนึ่งพันตำลึงมาและไปตลาดกับข้า” ลั่วเซิงสั่งทันทีหลังจากกลับเรือน
หงโต้วตาลุกแววว ขานรับเสียงสดใสแล้วกระโดดโลดเต้นเข้าไปหยิบเงิน
คุณหนูก็ยังเป็นคุณหนูคนเดิม ความรู้สึกที่คุ้นเคยกลับมาแล้ว!
สาวใช้หยิบตั๋วเงินใส่แขนเสื้อ ยืดอกเชิดหน้าเดินตามลั่วเซิงออกจากจวนสกุลเซิ่ง หลังจากเดินผ่านก็ไม่ลืมที่จะถ่มน้ำลายใส่สาวใช้แม่เฒ่าที่เฝ้าประตูสอง
ฮูหยินใหญ่ที่ทราบข่าว สีหน้าพลันตึงเครียด ความคิดหนึ่งเดียววนเวียนอยู่ในสมอง คุณหนูหลานนอกไป เดิน ตลาด อีก แล้ว!
ฮูหยินใหญ่รู้ผลลัพธ์ในการเดินตลาดของคุณหนูหลานนอกเป็นอย่างดี
เซิ่งจยาอวี้ยุ่งอยู่กับพยุงท่านแม่ที่จะเป็นลม “ท่านแม่ ท่านอย่าร้อนใจไป ประเดี๋ยวข้าไปดูเอง!”
ไม่รอให้ฮูหยินใหญ่ห้ามปราม เซิ่งจยาอวี้ก็วิ่งหายไปแล้ว
ด้านหน้าลั่วเซิงสองนายบ่าวเดินอย่างไม่เร่งไม่รีบ เซิ่งจยาอวี้เม้มริมฝีปากเดินตามหลัง และเมื่อหงโต้วหันมองโดยไม่ตั้งใจก็จะรีบหลบซ่อนตัวหลังต้นไม้ หัวใจเต้นรัวไม่หยุด
พวกนางเดินช้าลง เซิ่งจยาอวี้ไล่ตามทันอีกครั้ง
คาดไม่ถึงว่าลั่วเซิงไม่ได้เดินเล่นกลางตลาดที่เต็มไปด้วยฝูงชน แต่กลับเดินเข้าร้านยาแทน
เซิ่งจยาอวี้หลบซ่อนตัวอยู่ที่มุมถนนเป็นเวลานาน ถึงเห็นลั่วเซิงเดินออกจากร้านยา
ลั่วเซิงเข้าร้านยาทำไม
เซิ่งจยาอวี้จ้องมองป้ายร้านที่แขวนว่า ‘ร้านยาจี้ซื่อถัง’ อย่างละเอียด คิดว่าตนจำตัวอักษรผิด
หงโต้วเองก็ดูสับสนเช่นเดียวกัน
สาวใช้จับถุงเงินที่ว่างเปล่าและเอ่ยตะกุกตะกักว่า “คุณหนู เงินใช้ไปเกือบหมดแล้ว”
นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคือยาสมุนไพรอะไร ถึงราคาแพงมากขนาดนี้!
ราคาแพงหน่อยไม่เป็นไร แต่ไม่มีเงินติดมือจะหาความสุขได้อย่างไร
ลั่วเซิงพยักหน้าเบาๆ “งั้นกลับกันเถอะ”
ซื้อยาสมุนไพรนั้นได้ในเมืองเล็กเช่นนี้ นางถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นางไม่รู้วิชาการแพทย์ แต่จดจำตำรับยาหลายชุดไว้ในสมองอย่างขึ้นใจ
เสด็จพ่อใช้ความพยายามอย่างหนักในการเชิญหมอเทวดาหลี่ฟังไห่มาช่วยผสมยาบางตัวให้กับท่านแม่ หนึ่งในนั้นคือยาบำรุงปราณสำหรับบำรุงร่างกาย และยาลดไข้ที่มีสรรพคุณรักษาโรคไข้หวัดจากลมหนาว
ทั้งยาบำรุงปราณและยาลดไข้มีสรรพคุณอันยอดเยี่ยม หากต้องเอ่ยถึงข้อเสียก็คือราคาแพง
ตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงเพียงพอแค่ซื้อยาสมุนไพรสำหรับปรุงยาลดไข้เท่านั้น ส่วนยาบำรุงปราณที่ต้องใช้ตัวยาเดี่ยว จำเป็นต้องหาจากที่อื่นและจ่ายไว้เพียงค่ามัดจำ
ขณะที่ลั่วเซิงถามราคาของยาสมุนไพร ถึงตระหนักได้ว่าในช่วงสิบสองปีนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก
สิบสองปีก่อน เงินหนึ่งพันตำลึงก็เพียงพอสำหรับยาทั้งสองตัวแล้ว
“คุณหนู ท่านซื้อยาสมุนไพรเหล่านี้ไปทำไมหรือเจ้าคะ” หงโต้วตบห่อยาขนาดเล็ก
“ผสมยาน่ะ”
หงโต้วเบิกตาโพลง “ท่านปรุงยาเป็นด้วยหรือ”
ลั่วเซิงส่ายศีรษะอย่างตรงไปตรงมา “แน่นอนว่าไม่เป็น ในจวนมิใช่มีหมอหนวดเคราสีขาวหรอกหรือ”
“อ้อ ใช่แล้ว คุณหนูฉลาดหลักแหลมนัก” หงโต้วประจบประแจง โดยไม่มีข้อสงสัย
ลั่วเซิงกลับหยุดเดินและหันข้างถามออกมาว่า “น้องหญิงจะตามไปถึงเมื่อไหร่หรือ”
เด็กสาวชุดเหลืองที่สีหน้าเขินอายค่อยๆ เดินออกมาจากหลังต้นฟง หญิงสาวผู้นี้คือเซิ่งจยาอวี้นั่นเอง
หงโต้วเบิกตากว้างโดยไม่รู้ตัว “คุณหนูสะกดรอยตามพวกเราหรือเจ้าคะ”
เซิ่งจยาอวี้หน้าแดงก่ำพลางปิดใบหน้าเอ่ย “ก็แค่บังเอิญน่ะ”
หงโต้วเบ้ปาก “อย่าเล่นลิ้นหน่อยเลยเจ้าค่ะ ท่านสะกดรอยตามคุณหนูของพวกข้าชัดๆ จุ๊ๆ อยากเดินตลาดกับคุณหนูของพวกข้าก็บอกมาเถอะเจ้าค่ะ บางทีคุณหนูของพวกข้าอารมณ์ดีอาจตอบตกลงก็ได้นะเจ้าคะ”
คุณหนูมีคนคอยปรนนิบัติรับใช้น้อยลง เดินตลาดก็ไม่คึกคักแล้ว ฝืนรับคุณหนูใหญ่ไว้ก็ดีเหมือนกันนะ
สาวใช้จ้องเซิ่งจยาอวี้ด้วยแววตาพิจารณา