ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 169 วางแผน
ตอนที่ 169 วางแผน
อาหารเรียกน้ำย่อยสี่จาน กุ้งแช่บ๊วยและเมล็ดหุยเซียงทอดกรอบเหมือนเดิม หน่อไม้น้ำมันแดงและมันม่วงเหลียงเฟิ่นเปลี่ยนเป็นไชเท้าดองและขนมหวานน้ำตาลแดง
เมื่อวางอยู่ด้วยกันดูสีสันสวยงามมาก ราวกับหน่อไม้น้ำมันแดงและมันม่วงเหลียงเฟิ่นก่อนหน้านี้ไม่เคยมี
“ขอบคุณคุณหนูลั่ว” เว่ยหานชูจอกขึ้น
ลั่วเซิงมองที่โต๊ะ “วันนี้ท่านอ๋องดื่มสุราเพิ่มอีกหนึ่งกา”
ปกติแล้วนางเห็นไคหยางอ๋องไม่ใช่คนชอบดื่มสุรา แม้จะสั่งอาหารแกล้มสุราหลายจาน แต่สุรานั้นมากสุดก็สั่งแค่สองกาเท่านั้น
เมื่อคิดได้ว่าเขาป่วย ลั่วเซิงจึงแสดงความห่วงใยเพราะการเจรจาที่สำเร็จราบรื่นในวันนี้ “ท่านอ๋องดื่มน้อยๆ หน่อยเถอะเจ้าค่ะ ถึงอย่างไร…”
“ถึงอย่างไรอะไร…” เว่ยหานมองนาง
ลั่วเซิงยิ้ม “ถึงอย่างไรดื่มมากก็ทำร้ายร่างกายเจ้าค่ะ”
จะบอกว่าเขาป่วยก็ดูเสียมารยาทเกินไป
เว่ยหานหรี่ตามองนาง จู่ๆ ก็ยิ้มๆ “คุณหนูลั่วดูอารมณ์ดี”
ลั่วเซิงเรียกโค่วเอ๋อร์ให้นำจอกสุรามาแล้วรินสุราให้ตนเองจอกหนึ่ง
“ก็ไม่แย่เจ้าค่ะ” นางจิบคำหนึ่ง
เรื่องที่ข้องใจได้รับการพิสูจน์ เหมือนกับหินก้อนใหญ่ที่แขวนอยู่ถูกวางลง ย่อมเป็นเรื่องที่คู่ควรแก่การยินดี
สุราไหลลงสู่ลำคอ รสขมก็กลับคืนสู่ความหวาน
เว่ยหานบีบจอกแน่น พูดว่า “หากคุณหนูลั่วอยากดื่มสุรา สุราส้มน่าจะเหมาะสมกว่า”
ลั่วเซิงเขย่ากาสุราว่างเปล่า ยิ้มแล้วพูดว่า “มื้อนี้ของท่านอ๋อง ข้าเลี้ยงเอง”
เว่ยหานชะงัก
คุณหนูลั่วคิดว่าเขาเสียดายสุราที่นางดื่มไปหรือ
“เหตุใดท่านอ๋องไม่ลองชิมอาหารเรียกน้ำย่อยเลยเล่า อาหารแถมวันนี้เปลี่ยนไปสองจาน ไชเท้าดองเปรี้ยวเผ็ดสดชื่น ขนมหวานน้ำตาลแดงกลมกล่อมให้ความสดชื่น เหมาะกับการกินคู่กับเนื้อตุ๋นในวันที่ร้อนอบอ้าวนัก”
เว่ยหานยื่นตะเกียบไปคีบไชเท้าดองชิ้นหนึ่ง
ไชเท้าที่ผ่านการดองด้วยกรรมวิธีพิเศษทำให้เนื้อกรอบ มีรสเปรี้ยวเผ็ดอมหวานเล็กน้อย ไม่ต้องพูดถึงการกินคู่กับเนื้อตุ๋นที่สู้ฟัน แค่กินคู่กับหมั่นโถวสองลูกก็ยังได้
“อร่อยหรือไม่เจ้าคะ”
เว่ยหานชะงัก มองหญิงสาวเอามือเท้าคางเอ่ยถามอย่างสบายๆ
กินอาหารแถมแล้วยังมีสิทธิ์ได้แสดงความเห็นด้วยหรือ
แน่นอนว่าเขาไม่มีความเห็นใดๆ
“อืม” เว่ยหานพยักหน้าตามจริง
ลั่วเซิงยิ้ม ชี้ไปที่จานกระเบื้องสีขาวที่มีไชเท้าดองบนนั้น “ไชเท้าดองในร้านซื้อกลับได้นะเจ้าคะ”
ครานี้เอง เว่ยหานประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม
ห้ามซื้อกลับ นี่คือเรื่องที่ทำให้แขกประจำมากมายเท่าไรไม่รู้ปวดศีรษะตั้งแต่ที่หอสุราเปิดมา
ถึงอย่างไรกับแกล้มของหอสุราก็อร่อยมากและแพงมาก หากกล้ามากินข้าวที่นี่แล้วไม่ซื้อกลับไปให้แม่เสือที่บ้านกินแล้วจะขอเงินมากินที่นี่อีกได้อย่างไร
“ตอนนี้ซื้ออาหารกลับได้แล้วหรือ”
ลั่วเซิงส่ายศีรษะ “ไม่เจ้าค่ะ มีเพียงไชเท้าดองที่ซื้อกลับไปได้ เริ่มตั้งแต่วันนี้เจ้าค่ะ”
เริ่มมีอาหารแถมให้กินตั้งแต่วันนี้ และยังซื้อกลับไปได้…
เว่ยหานครุ่นคิดครู่หนึ่ง อารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อยอย่างไร้สาเหตุ
เมื่อชิมไชเท้าดองอีกชิ้นหนึ่งก็รู้สึกอร่อยกว่าเดิม
แม่ทัพใหญ่ลั่วที่กำลังนั่งชะโงกหน้ารออยู่ในจวนต้องอ้าปากค้างตะลึงงันเมื่อเห็นในมือของลูกน้องยกโถกระเบื้องสีดำเข้ามาอย่างลับๆ ล่อ “อะไรนะ มีแค่ไชเท้าดองที่ซื้อกลับได้หรือ”
องครักษ์จิ่นหลินไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง ตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “ข้าน้อยถามแล้วขอรับ มีเพียงไชเท้าดองที่ซื้อกลับได้ อย่างอื่นไม่ได้ขอรับ”
“กฎอะไรกัน!” แม่ทัพใหญ่ลั่วตบโต๊ะ
องครักษ์จิ่นหลินขนหัวลุก รีบพูดว่า “คุณหนูสามเป็นคนตั้งขอรับ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วตั้งสติได้
ใช่แล้ว เจ้าของของหอสุราคือลูกสาวของเขา
กฎที่ลูกสาวของตนเองเป็นคนตั้งยังจะพูดอะไรได้อีกนอกจากรักษากฎ
แต่การอดกินมื้ออาหารที่ตั้งตารอมาทั้งวันนั้นทำให้แม่ทัพใหญ่ลั่วไม่พอใจอย่างยิ่ง เขาถามอย่างไม่เต็มใจนักว่า “ในเมื่อซื้อกลับไม่ได้ เหตุใดไชเท้าดองจึงซื้อกลับได้เล่า”
“คนงานในหอสุราบอกว่ามีแค่ไชเท้าดองที่วางไว้นานแล้วไม่เสียรสชาติ อาหารอย่างอื่นห้ามซื้อกลับเพื่อรักษาชื่อเสียงของร้านขอรับ”
“คนงานคนไหนพูด” แม่ทัพใหญ่ลั่วถามด้วยใบหน้าบึ้งตึง
เขาฟังดูแล้วนี่มันข้ออ้างชัดๆ
ทั้งๆ ที่เนื้อตุ๋นวางทิ้งไว้นานๆ ก็ไม่เห็นเป็นอะไร
อีกอย่างจะวางทิ้งไว้นานได้อย่างไร ซื้อกลับมาก็กินแล้วนี่
“คุณชายหลานนอกเป็นคนพูดขอรับ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วได้แต่หัวเราะเหอะๆ
ในเมื่อหลานชายเป็นคนพูด เช่นนั้นก็เชื่อแล้วกัน
แม่ทัพใหญ่ลั่วยื่นมือไปเปิดกระดาษมันที่ปิดโถกระเบื้องสีดำไว้ คีบไชเท้าดองชิ้นหนึ่งขึ้นมาชิม
อร่อย!
แม่ทัพใหญ่ลั่วตาเป็นประกาย สั่งลูกน้องทันทีว่า “ไปเอาหมั่นโถวสองลูกในครัวมา”
ช่างเถอะ กินไชเท้าดองเท่าที่มีแล้วกัน จะปล่อยให้ท้องหิวก็คงไม่ได้
สุดท้าย แม่ทัพใหญ่ลั่วที่กินหมั่นโถวไปสี่ลูกนอนเอนกายบนเก้าอี้นิ่ง ลูบท้องพลางเรอ
ไชเท้าดองเปรี้ยวเผ็ดกินคู่กับหมั่นโถว ช่างเข้ากันได้ดีจริงๆ
หลังจากนั้นสองสามวัน การค้าขายของหอสุราก็เริ่มกลับมาเหมือนเดิม แต่ข่าวผิงหนานอ๋องถูกลอบสังหารยังไม่ซาไป
จำนวนเจ้าหน้าที่และทหารที่ลาดตระเวนตามถนนเพิ่มมากขึ้น และผู้บัญชาการทหารห้าเมืองถูกตำหนิเพราะความล่าช้าในการจับกุมผู้ร้าย ศาลาว่าการที่เกี่ยวข้องหลายแห่งก็ยังไม่สามารถหาตัวคนร้ายได้
ตั้งแต่ร้านน้ำชาเก่าแก่นับศตวรรษไปจนถึงแผงขายน้ำชาริมถนน ฤดูร้อนปีนี้น้ำชาขายหมดเร็วกว่าปีที่ผ่านๆ มา
เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ย่อมเป็นหัวข้อที่ดีในการสนทนาหลังอาหารไปโดยปริยาย
จวนผิงหนานอ๋องที่เป็นตัวเอกในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ หลายวันมานี้บรรยากาศอึมครึมมาโดยตลอด
ผิงหนานอ๋องไม่ตาย แต่ก็ไม่มีสัญญาณว่าจะดีขึ้น เขานอนสลบไสลมาโดยตลอด
จวนผิงหนานอ๋องกลับเชิญหมอเทวดามาอีกครั้งไม่ได้
ตามที่หมอเทวดาพูด สิ่งที่ต้องทำล้วนทำไปหมดแล้ว ท่านอ๋องจะฟื้นฟูได้ระดับไหนอยู่ที่โชคของเขาเองแล้ว
ไม่ว่าเรื่องใดๆ เมื่ออยู่เหนือการควบคุมล้วนต้องอาศัยเพียงโชค นั่นย่อมทำให้ผู้คนยิ่งกังวล
เพียงไม่กี่วัน พระชายาผิงหนานอ๋องก็ดูซึมเซา แม้แต่ท่านหญิงน้อยเว่ยเหวินเองก็สูญเสียความมั่นใจและความหยิ่งในศักดิ์ศรีในวันวานไป ดูกลัดกลุ้มหลายส่วน
เว่ยเฟิงเห็นมารดาและน้องสาวเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกสงสาร
ท่านพ่อล้มลง เขาต้องดูแลจวนอ๋อง ท่านแม่และน้องสาวให้ดี
วันนี้บนโต๊ะอาหารมีไชเท้าดองเพิ่มมาอีกหนึ่งจาน
“เสด็จแม่ ท่านลองทานนี่สิ เรียกน้ำย่อยได้ดีเลยขอรับ” เว่ยเฟิงคีบไชเท้าดองชิ้นหนึ่งวางบนถ้วยของพระชายาผิงหนานอ๋อง
พระชายาผิงหนานอ๋องไม่ได้ขยับตะเกียบ
เว่ยเฟิงพูดหว่านล้อม “เสด็จแม่ ช่วงนี้ท่านไม่ค่อยทานอาหารเลย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปท่านพ่อไม่ดีขึ้น ร่างกายท่านก็ทรุดอีก ข้าและน้องสาวจะทำอย่างไรขอรับ”
พระชายาผิงหนานอ๋องจึงขยับตะเกียบ คีบไชเท้าดองชิ้นหนึ่งอย่างใจลอยขึ้นมาและทานลงไป พยักหน้าให้สายตาที่รอคำตอบของบุตรชาย “ใช้ได้ เปลี่ยนคนครัวทำผักผลไม้ดองของจวนแล้วหรือ”
ผักผลไม้ดอง แม้จะใช้สูตรและวัตถุดิบเดียวกัน แต่หากคนทำเป็นคนละคนรสชาติก็จะไม่เหมือนกัน
ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยทำให้รสชาติต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“ซื้อกลับมาจากร้านมีหอสุราขอรับ”
“มีหอสุรา?” พระชายาผิงหนานอ๋องชะงัก จากนั้นตาก็แดงพึมพำว่า “หากวันนั้นข้าไม่ได้ไปหอสุรากับท่านพ่อของเจ้า ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้กับท่านพ่อเจ้า…”
เว่ยเหวินหลุบตาลง กำหมัดแน่น
หลังจากนางสงบอารมณ์ลงแล้วจึงนึกได้ว่า ท่านพ่อเกิดเรื่องใกล้กับมีหอสุรา ได้ยินคนสืบสวนคดีบอกว่าผู้ร้ายวางแผนมานานแล้ว เขาลงมือหลังจากที่รู้จักความเคยชินของท่านพ่อดีแล้ว
มีหอสุราควรรับผิดชอบต่อท่านพ่อที่เกิดเรื่อง แต่ลั่วเซิงกลับตั้งเงื่อนไขเมื่อครั้นให้นางไปเชิญหมอเทวดาให้เสด็จพ่อ
เป็นคนหน้าเลือดแล้วยังไร้ยางอาย มิน่าถึงเป็นบุตรสาวของผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลิน
เว่ยเหวินมองไชเท้าดองจานนั้น เอ่ยว่า “พี่รอง คุณหนูลั่วชอบกำไลวงนั้นของข้าไม่ใช่หรือ หากให้นางอีกวงหนึ่ง นางจะยอมช่วยเชิญหมอเทวดาอีกครั้งหรือไม่”