ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 171 ปวดใจ
ตอนที่ 171 ปวดใจ
เว่ยเชียงออกจากจวนผิงหนานอ๋องและตรงไปยังถนนชิงซิ่ง ยามนี้หอสุรายังไม่เปิด ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังกวาดพื้นข้างหน้าประตูหอสุรา
เว่ยเชียงขมวดคิ้ว
ครั้งที่แล้วที่มาเขาไม่ทันสังเกต นี่คือองครักษ์ประจำตัวของเสด็จอาไคหยางอ๋องมิใช่หรือ
องครักษ์ประจำตัวของเสด็จอาทำงานที่หอสุรา เจ้าของหอสุราคือคุณหนูลั่ว… น่าสนใจจริงๆ
เว่ยเชียงยืนนิ่ง โต้วเหรินขันทีผู้ภักดีของรัชทายาทที่ยืนอยู่ข้างหลังกระแอมเสียงดัง
สือเยี่ยนถือไม้กวาดหยุดมอง อุทานว่า “องค์ชาย?”
เว่ยเชียงเดินเข้ามา มองประตูหอสุราที่แง้มไว้ ถามว่า “คุณหนูลั่วอยู่หรือไม่”
“คุณหนูลั่วเพิ่งมาพ่ะย่ะค่ะ” สือเยี่ยนไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเว่ยเชียงเท่าใดนัก
เหตุใดรัชทายาทมาอีกแล้วนะ
ส่วนเว่ยเชียงก็ไม่มีทีท่าว่าจะอธิบาย เขาผลักประตูหอสุราและเดินเข้าไป
สือเยี่ยนถือไว้กวาด แอบเบ้ปาก
เป็นรัชทายาทนี่ดีจริงๆ ไม่ต้องทักทายก่อนก็เข้าไปได้เลยเช่นนี้
เดี๋ยวสิ!
จู่ๆ องครักษ์น้อยก็ระวังตัวขึ้นมา
องค์รัชทายาทอาศัยอยู่ในวังบูรพา เวลาเพียงสั้นๆ ก็มาที่นี่ถึงสองครา นี่มันบ่อยเกินไปหรือไม่
ต้องมีจุดประสงค์อย่างอื่นแน่ๆ!
ไม่ได้การ คืนนี้นายท่านมาต้องบอกเขาเสียหน่อย
ช่วงนี้เขาคอยสังเกตและเห็นว่าสวัสดิการของนายท่านถูกยกระดับขึ้นมาก ได้กินอาหารอภินันทนาการแล้วด้วย
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คงเปลี่ยนสถานะคุณหนูลั่วให้เป็นภรรยาได้ในอีกไม่นาน
แต่จะมีศัตรูโผล่มากลางคัน ทำลายเรื่องดีๆ ของนายท่านแบบนี้ไม่ได้
ในห้องโถง ผู้ดูแลหญิงกำลังคิดบัญชีอยู่บนโต๊ะ ได้ยินเสียงดังจากประตูจึงเงยหน้าขึ้นมอง
เมื่อเห็นหน้าของเว่ยเชียง ผู้ดูแลหญิงก็ชะงัก จากนั้นก็รีบขึ้นไปคารวะต้อนรับ “หม่อมฉันคารวะองค์รัชทายาทเพคะ”
สวรรค์ องค์รัชทายาทมาหอสุราของพวกเขาอีกแล้ว!
“คุณหนูลั่วเล่า” เว่ยเชียงถามโดยไม่สนใจจะตอบผู้ดูแลหญิง
“เถ้าแก่ของเราอยู่ในครัวเพคะ พระองค์โปรดรอสักครู่” ผู้ดูแลหญิงรีบวิ่งไปข้างหลังเรียกลั่วเซิงทันที
เพราะเป็นวันที่สิบของเดือนพอดี หอสุราจึงจะขายขาหมูตุ๋น ในยามนี้ คุณชายสามเซิ่งและคนอื่นๆ กำลังยืนเฝ้าหม้อขนาดใหญ่ที่ส่งกลิ่นหอมโชยออกมา
“เถ้าแก่ องค์รัชทายาทมาเจ้าค่ะ” ผู้ดูแลหญิงเอ่ยเรียก
ลั่วเซิงเดินออกมาจากห้องครัวแล้วเดินเข้าไปห้องโถงด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
ห้องโถงว่างเปล่า มีเพียงโต๊ะข้างหน้าต่างที่มีคนนั่งอยู่
นั่นคือที่ประจำของไคหยางอ๋อง แต่บัดนี้ผู้ที่นั่งกลับเป็นอีกคน
ลั่วเซิงซ่อนสายตาเย็นชา ก้าวเท้าเดินเข้าไปหา
“องค์ชายมาเพื่อดื่มสุราหรือเพคะ”
เว่ยเชียงหันมา มองเด็กสาวที่ค่อยๆ เดินเข้ามา
เสื้อผ้าสีเรียบสะอาดสะอ้าน ใบหน้าสงบนิ่ง
เมื่อนึกถึงคำอธิบายถึงสุราส้มในครานั้นของเด็กสาวตรงหน้า เว่ยเชียงก็รู้สึกประหลาดใจ
เขามักจะรู้สึกว่าคุณหนูลั่วเป็นคนที่ขัดแย้งในตนเองมาก
ภายนอกดูโอหังอวดดี แต่บางเวลากลับเยือกเย็นเป็นพิเศษ
สายตาของเว่ยเชียงหยุดอยู่ที่ข้อมือของนาง
กำไลทองฝังอัญมณีเจ็ดสีตัดกับสีผิวที่ขาวดุจหิมะของนาง ยิ่งขับให้กำไลโดดเด่น
สายตาของเขาหยุดอยู่ที่กำไลครู่หนึ่ง เว่ยเชียงยิ้มๆ “ข้ามาหาคุณหนูลั่ว”
เขายื่นมือชี้ไปข้างหน้า เผยให้เห็นการวางตัวอย่างผู้ใหญ่ที่มีต่อผู้น้อย “คุณหนูลั่วนั่งลงเถิด”
ลั่วเซิงเงียบก่อนจะยิ้ม “ขอบพระทัยองค์ชายเพคะ”
ครั้งหนึ่ง ชายคนนี้เคยคอยเอาอกเอาใจนางเพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นท่านหญิงของจวนเจิ้นหนานอ๋อง
บัดนี้เขาคงไม่จำเป็นต้องเอาอกเอาใจหญิงสาวคนไหนอีกต่อไปแล้ว
ปีนป่ายขึ้นที่สูงด้วยการเหยียบย่ำโลหิตของครอบครัวนาง ช่างเป็นการตอบแทนที่ดีจริงๆ
ลั่วเซิงเดือดดาล จนต้องใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อระงับความเคียดแค้นนี้เอาไว้
ตัวอักษรคำว่าอดทนมีมีดเป็นส่วนประกอบ ที่แท้บรรพบุรุษเข้าใจทุกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว
อาการปวดที่ฝ่ามือทำให้นางสงบสติอารมณ์ลงและมองชายตรงหน้าเงียบๆ
“ข้ามาหาคุณหนูลั่ว เพราะอยากให้คุณหนูลั่วช่วยข้าเรื่องหนึ่ง” เว่ยเชียงเอ่ยปาก
ลั่วเซิงยิ้ม น้ำเสียงเจือความไม่ใส่ใจนัก “ช่วยหรือเพคะ ก่อนหน้านี้ผิงหนานอ๋องซื่อจื่อขอให้หม่อมฉันช่วยเหลือ คิดไม่ถึงว่าวันนี้องค์ชายมาขอความช่วยเหลือจากหม่อมฉันอีก หม่อมฉันไม่เห็นรู้ตัวเลยว่าตนเองเป็นคนเก่งกาจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด”
เว่ยเชียงขมวดคิ้ว
น้ำเสียงแบบนี้ เขาไม่รู้สึกถึงความเคารพเลยแม้แต่น้อย
เขาไม่ได้ยินใครพูดกับเขาเช่นนี้มานานแล้ว
เขาเป็นองค์รัชทายาท แม้ไม่ใช่โอรสโดยแท้ของฮ่องเต้ แต่ก็ได้เปลี่ยนแปลงแผนภูมิหยกประจำราชวงศ์ ชื่อของเขาอยู่ภายใต้เสด็จพ่อ ตามหลักพิธีแล้ว เขาเป็นผู้สืบทอดที่ถูกต้องตามกฎหมายของราชวงศ์ต้าโจว แล้วจะมีผู้ใดกล้าไม่ไว้หน้าเขา
“องค์รัชทายาทอยากให้หม่อมฉันช่วยอะไรหรือเพคะ” ลั่วเซิงรินชาให้ตนเองจอกหนึ่ง ถามอย่างเนิบช้า
เว่ยเชียงอดกลั้นความไม่พอใจ พูดเสียงอ่อนโยนว่า “เรื่องที่ข้าอยากขอให้คุณหนูลั่วช่วยเหมือนกับซื่อจื่อนั่นแหละ”
“อ้อ องค์ชายต้องการให้หม่อมฉันช่วยเชิญเหมอเทวดาด้วยหรือเพคะ” ลั่วเซิงจิบชาคำหนึ่งและวางลง นางยกมือขึ้นโบกเล็กน้อย
กำไลทองฝังอัญมณีเจ็ดสีวงนั้นเลื่อนลงมาจากข้อมือเรียวบาง
นางหมุนกำไล อมยิ้ม “ครานั้นผิงหนานอ๋องซื่อจื่อมาขอความช่วยเหลือจากหม่อมฉันแล้วให้กำไลวงนี้เป็นการขอบคุณ ได้ยินว่าเดิมกำไลวงนี้มีเป็นคู่ อีกวงหนึ่งอยู่ที่องค์ชาย องค์ชายมิสู้นำกำไลอีกวงมาให้หม่อมฉันเถิดเพคะ”
หากนางจะได้กำไลทองฝังอัญมณีเจ็ดสีอีกวงหนึ่งด้วยเหตุนี้ นางย่อมยินยอมที่จะช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ของชายคนนี้
ถึงอย่างไรหมอเทวดาหลี่จะไปรักษาอีกกี่ครั้ง ผิงหนานอ๋องก็มีแต่ตายทั้งเป็นอยู่แล้ว
เว่ยเชียงได้ยินดังนั้น มุมปาก็กกระตุกไม่หยุด
พูดได้อย่างไรว่าอีกวงหนึ่งอยู่ที่เขา กำไลวงนั้นอยู่ที่อวี้เหนียงต่างหาก
“เรื่องนี้… เกรงว่าจะไม่ได้” เว่ยเชียงปฏิเสธหลังจากไตร่ตรองดีแล้ว
“เช่นนั้นหม่อมฉันก็คงช่วยไม่ได้เพคะ” ลั่วเซิงปฏิเสธการช่วยเหลือทันที
เว่ยเชียงชะงัก
นางปฏิเสธง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ
นางเคยคิดถึงสถานะของเขาหรือไม่
หญิงสาวตรงหน้ากะพริบตาสองสามที “องค์ชายคงไม่ลงโทษหม่อมฉันเพียงเพราะหม่อมฉันช่วยไม่ได้หรอกใช่หรือไม่เพคะ”
“ไม่หรอก…”
ลั่วเซิงมีท่าทางโล่งอก ยิ้มพูดว่า “เช่นนั้นก็ดี องค์ชายทรงดูสิเพคะ หม่อมฉันช่วยอะไรพระองค์ไม่ได้เลย เช่นนั้นไม่รบกวนเวลาพระองค์แล้ว”
นางยกจอกชาขึ้น
นี่หมายถึงการส่งแขก
เว่ยเชียงอารมณ์คุกรุ่น
ปฏิเสธการช่วยเหลือแล้วยังไล่เขาไปอีก เขาไม่เคยเจอสตรีโอหังอวดดีเช่นนี้มาก่อน
ลั่วเซิงหลุบตาดื่มชา ความเยือกเย็นปรากฏในดวงตา
นางไม่กลัวทำให้รัชทายาทขัดเคืองหรอก
ฮ่องเต้ยังไม่ชรามากนัก แต่รัชทายาทอายุย่างสามสิบแล้ว
แม้จะเป็นพ่อลูกทางสายเลือด แต่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ นอกจากความรักแล้วยังมีความหวาดระแวงระหว่างกันอีกด้วย ยิ่งมิต้องพูดถึงความสัมพันธ์ที่ไม่มีความรักของพ่อลูกในสายเลือดอยู่เลย
เว่ยเชียงรัชทายาทคนนี้ถูกลิขิตให้ต้องแบกรับความคับข้องใจมากกว่ารัชทายาทองค์อื่นๆ เขาต้องใช้ชีวิตเหมือนเหยียบอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ ตลอดไป
ความคิดว่านี่คือฮ่องเต้ในอนาคตและอยากจะประจบประแจงนั่นเป็นความคิดของคนทั่วไป
แต่ระหว่างนางและเว่ยเชียงมีเพียงต้องตายกันไปข้าง
นางจะไม่นั่งดูเขาได้ในสิ่งที่ต้องการและได้สวมชุดมังกร ดังนั้นนางจึงไม่จำเป็นต้องมานั่งระแวงผู้สืบบัลลังก์จนต้องฝืนใจตนเอง
หากเว่ยเชียงได้นั่งในตำแหน่งนั้น ก็มีเพียงผลลัพธ์เดียวคือนางตายแล้ว
หากดึงอีกฝ่ายลงมาจากตำแหน่งผู้สืบบัลลังก์ได้ นางก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวอนาคต หากทำไม่ได้ นางก็จะไม่มีอนาคต ไม่มีอะไรต้องกลัว ง่ายดายเพียงแค่นี้เอง
“คุณหนูลั่ว หากเจ้ามีสิ่งของอย่างอื่นที่ชอบ…”
“ไม่เพคะ หม่อมฉันต้องการเพียงกำไลวงนั้น”
เว่ยเชียงอดกลั้นโทสะ เอ่ยหว่านล้อมว่า “อันที่จริงมีของอีกมากมายที่ล้ำค่ากว่ากำไลวงนั้น…”
ลั่วเซิงพูดขัดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “แต่หม่อมฉันชอบกำไลวงนั้น อย่างอื่นจะดีแค่ไหนหม่อมฉันก็ไม่ชอบเพคะ”
เว่ยเชียงใจกระตุก เพิ่งเข้าใจว่าอาการปวดใจจากความโมโหเป็นอย่างไร