ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 182 ฝนมา
ตอนที่ 182 ฝนมา
พระชายาได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วทิ่มแทงใจ
นางจึงเอ่ยว่า “ได้ยินมาว่าร้านของเจ้าชื่อมีหอสุรา ความธรรมดาคือความงามสง่า คุณหนูลั่วตั้งชื่อเก่งมากจริงๆ”
เมื่อได้ยินชื่อ ‘มีหอสุรา’ ขนตาของเฉาฮวาก็สั่นไหวเล็กน้อย
“ความธรรมดาคือความงามสง่าหรือ” ลั่วเซิงรู้สึกไม่พอใจนัก ย้อนถามตรงๆ ว่า “ธรรมดาตรงไหนเพคะ”
พระชายาจุกจนเลือดลมพลุ่งพล่าน
นี่ยังไม่ธรรมดาอีกหรือ
เมื่อสงบอารมณ์ลงได้ พระชายาก็เอ่ยเสียงราบเรียบว่า “ไม่ใช่ความหมายตามชื่อหรือ”
ลั่วเซิงเหลือบมองเฉาฮวา ถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า “สายลมพัดโชย บุปผาผลิบาน หิมะโปรยปราย จันทราสาดแสง สี่บรรยากาศงดงาม นี่ต่างหากคือความหมายของมัน”
นางเห็นเฉาฮวาเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วมองมาที่นาง
ลั่วเซิงยิ้มให้พระชายาเล็กน้อย “ชื่อสง่างามดีใช่หรือไม่เพคะ”
พระชายาฝืนฉีกยิ้มให้ “หากหมายถึงเช่นนี้ก็สง่างามจริงๆ แต่น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจความคิดของคุณหนูลั่ว”
ลั่วเซิงยิ้มๆ “เพลงเสียงสูงคนฟังน้อย คนรู้ใจนั้นหายาก ความคิดของหม่อมฉันไม่จำเป็นต้องให้คนมากมายเข้าใจ มีเพียงคนสองคนเข้าใจก็เพียงพอแล้ว ตอนนี้พระชายาทรงรับรู้แล้ว ต่อไปจะสนพระทัยไปเสวยพระกระยาหารที่มีหอสุราหรือไม่เพคะ”
“ย่อมสนใจ” พระชายาตอบส่งๆ
ชื่อของหอสุรางามสง่าหรือธรรมดา นางไม่สนใจแม้แต่น้อย แต่นางสนใจราคาอาหารของหอสุรามากกว่า
นางอยากไปเห็นกับตาตนเองว่าหอสุราที่อาหารมื้อหนึ่งต้องหมดเงินไปถึงห้าพันหกร้อยยี่สิบตำลึงนั้นเป็นอย่างไรกันแน่
เฉาฮวาที่ได้ฟังคำพูดเหล่านี้ของลั่วเซิง ทุกคำของนางเหมือนกับฟ้าที่ฟาดผ่าลงมาที่กลางใจ
คุณหนูลั่วพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไรกันนะ
เพลงเสียงสูงคนฟังน้อย คนรู้ใจนั้นหายาก มีเพียงคนสองคนฟังเข้าใจก็พอแล้ว
คำพูดนี้พูดให้นางฟังหรือ
สายลมพัดโชย บุปผาผลิบาน หิมะโปรยปราย จันทราสาดแสง สี่บรรยากาศงดงาม
นี่ไม่ใช่มีหอสุราของคุณหนูลั่ว นี่คือมีหอสุราของท่านหญิง
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน ไชเท้าดองเป็นรสชาติที่ซิ่วเย่ว์ทำ มีหอสุราคือชื่อที่ท่านหญิงตั้ง
ตอนนี้นางแทบจะมั่นใจแล้วว่าแม่ครัวของมีหอสุราคือซิ่วเย่ว์!
เช่นนั้นแล้วซิ่วเย่ว์หาทางส่งคำพูดเหล่านี้ของนางผ่านทางคุณหนูลั่วหรือ
ซิ่วเย่ว์ต้องการให้นางไปหาที่มีหอสุรา
เฉาฮวามองลั่วเซิงตาไม่กะพริบ หัวใจของนางเต้นระส่ำ
หากนางเดาไม่ผิดอย่างนั้นคุณหนูลั่วมีจุดยืนใดในเรื่องนี้กันนะ
หรือว่านางรู้ตัวตนของซิ่วเย่ว์แล้ว… เฉาฮวาปฏิเสธความเป็นไปได้นี้อย่างรวดเร็ว
ซิ่วเย่ว์ไม่เหมือนกับนาง ในสายตาของราชสำนักนางคือนักโทษที่หนีรอดไปได้ นางพบเจอผู้คนภายนอกไม่ได้
แม้ซิ่วเย่ว์จะใสซื่อบริสุทธิ์ แต่หลังจากผ่านภัยพิบัติครั้งนั้น นางต้องซ่อนตัวเปลี่ยนชื่อมานานกว่าสิบสองปี นางคงไม่ใช่ซิ่วเย่ว์ในอดีตอีกแล้ว
นางเชื่อว่าซิ่วเย่ว์คงไม่บอกเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องฟังแน่นอน
หากเป็นเช่นนี้แล้ว บางทีคุณหนูลั่วคงแค่ได้รับคำไหว้วานจากซิ่วเย่ว์ให้มาส่งข่าว
ถึงอย่างไรคำพูดเหล่านี้คนอื่นก็ฟังไม่ออก
ส่วนเหตุใดคุณหนูลั่วจึงช่วยซิ่วเย่ว์ เรื่องนี้เดาไม่ยาก
ด้วยทักษะการทำอาหารของซิ่วเย่ว์ นางซื้อใจคุณหนูลั่วด้วยฝีมือการทำอาหารของนาง จากนั้นจึงขอร้องให้คุณหนูลั่วช่วยพูดต่อหน้าพระชายา ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยาก
เฉาฮวากัดปากเบาๆ
ซิ่วเย่ว์รอนางอยู่ที่มีหอสุรา นางต้องหาวิธีออกไปให้ได้
ทันทีที่เข้าประตูวัง ข้างในลึกล้ำราวกับมหาสมุทร นางเป็นสนมของรัชทายาท คิดจะออกจากวังนั้นเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าปีนขึ้นสวรรค์
เฉาฮวาตกอยู่ในความสับสน
“ได้เห็นกับตาแล้ว เป็นหญิงงามจริงๆ” ลั่วเซิงลุกขึ้น “หม่อมฉันไม่รบกวนพระองค์แล้ว เมื่อทรงเสด็จมาที่หอสุรา หม่อมฉันจะเลี้ยงสุราพระชายานะเพคะ”
พระชายาพยายามรักษาความสง่างามส่งแขก
เมื่อส่งตัวซวยออกไปแล้ว พระชายาก็มองไปที่เฉาฮวา พูดกึ่งยิ้มว่า “อวี้เสวี่ยนซื่อคงคิดไม่ถึงสินะว่าบุตรสาวอันเป็นที่รักของแม่ทัพใหญ่ลั่วจะเข้าวังมาหาเจ้าโดยเฉพาะ”
“หม่อมฉันคิดไม่ถึงจริงๆ เพคะ” เฉาฮวาตอบอย่างนอบน้อม ท่าทีสุภาพ
นางไม่อยากล่วงเกินพระชายาและไม่จำเป็นต้องล่วงเกินนางด้วย
แต่นางรู้ว่า สำหรับนางสนมคนหนึ่งแล้วการได้รับความโปรดปรานเพียงคนเดียวนั้นคือโทษอย่างหนึ่ง
พระชายาไม่ชอบนาง แต่ไม่อาจตำหนินางได้
ด้วยเหตุนี้ นางจึงเต็มใจที่จะถ่อมตนมากขึ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าพระชายา เพียงขอให้อีกฝ่ายปล่อยให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเท่านั้น
“ความงามของเสวี่ยนซื่อคงไม่ได้ทำให้คุณหนูลั่วผิดหวัง” น้ำเสียงของพระชายาราบเรียบ ฟังไม่ออกถึงอารมณ์ใด
เฉาฮวาก้มหน้าย่อเข่าให้ “หม่อมฉันประหม่านัก หม่อมฉันเป็นเพียงสตรีที่อายุใกล้จะสามสิบ คู่ควรกับคำว่างดงามได้อย่างไรเพคะ แม้จะงดงามอยู่บ้าง แต่อีกสองปีก็ไม่บังอาจออกไปให้แปดเปื้อนสายตาผู้อื่นแล้ว”
พระชายามองเฉาฮวาครู่หนึ่ง เอ่ยเสียงราบเรียบว่า “ออกไปเถอะ”
ได้รับความโปรดปรานเช่นนี้ยังนอบน้อมถ่อมตนถึงเพียงนี้ คนแบบนี้น่ากลัวกว่าผู้ที่ได้รับคำเยินยอแล้วได้ใจเสียอีก
ดีที่ลงมือตอนนี้ก็ยังไม่สาย
สายตาของพระชายามองทอดไปที่หน้าต่างด้วยความเยือกเย็น
เมฆดำทะมึนนอกหน้าต่าง อีกไม่นานฝนคงจะตก
ลั่วเซิงเพิ่งขึ้นไปบนรถม้าไม่นานก็ได้ยินเสียงฟ้าร้อง จากนั้นตามมาด้วยเสียงฝนตกดังซู่ซ่า
หงโต้วเปิดม่านหน้าต่างขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองไปข้างนอก ทันใดนั้นฝนก็สาดใส่หน้าของนาง นางรีบปิดม่านไว้หันไปพูดกับลั่วเซิงว่า “คุณหนู ฝนตกหนักมากเลยเจ้าค่ะ”
“บอกคนขับรถม้าว่าให้ตรงไปที่หอสุราเลย”
รถม้าเลี้ยวที่มุมถนนบริเวณหนึ่งท่ามกลางสายฝน วิ่งทะยานไปทางหอสุรา
“คุณหนู ถึงหอสุราแล้วเจ้าค่ะ”
หงโต้วลงไปก่อน นางกางร่มรอข้างๆ รถม้า
ลั่วเซิงลงจากรถม้าและยืนมองถนน
ถนนชิงซิ่งที่คึกคักมีเพียงไม่กี่คนกำลังวิ่งพลางใช้แขนเสื้อบังศีรษะ ฝนตกต่อเนื่องไม่สิ้นสุด
“คุณหนู เราเข้าไปข้างในกันเถอะ ไม่เช่นนั้นเสื้อผ้าจะเปียกหมดนะเจ้าคะ” หงโต้วมองตามลั่วเซิง กลับไม่รู้ว่าคุณหนูกำลังมองอะไร
มีแต่ฝนทั้งใกล้และไกล ไม่เห็นมีอะไรน่าดูเลยนี่
“อากาศเปลี่ยนเร็วจริงๆ” ลั่วเซิงพึมพำ ก้าวเท้าเข้าไปในหอสุรา
“เถ้าแก่ เหตุใดท่านจึงมาเวลานี้เล่า” ผู้ดูแลหญิงรีบเปิดประตู พาลั่วเซิงและหงโต้วเข้ามา
ลั่วเซิงกระทืบเท้าเบาๆ
แม้มีร่มช่วยบัง เพียงระยะทางสั้นๆ ก็ทำให้ชายกระโปรงเปียก หยดน้ำไหลลงบนพื้น
“ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” ลั่วเซิงพูด เดินไปที่ห้องตนเอง
เมื่อเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ลั่วเซิงก็เรียกซิ่วเย่ว์เข้ามา
เมื่อไม่มีบุคคลที่สามอยู่ด้วย นายบ่าวจึงไม่ลังเลที่จะพูดคุยกัน
“วันนี้ข้าเพิ่งกลับมาจากวังบูรพา” ลั่วเซิงเว้นจังหวะเล็กน้อย พูดเสียงเบาว่า “ข้าเจอเฉาฮวาในวังบูรพา”
ซิ่วเย่ว์ตกใจ “เฉาฮวานาง… นางยังมีชีวิตอยู่หรือเจ้าคะ”
“ตอนนี้นางเป็นสนมคนโปรดของเว่ยเชียง”
ซิ่วเย่ว์หน้าเปลี่ยนสีทันที “นางทำเช่นนี้ได้อย่างไร…”
“มีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว” ลั่วเซิงยิ้มพูด
ซิ่วเย่ว์กลับไม่คิดเช่นนี้ นางกัดฟันพูดว่า “มีชีวิตอยู่เช่นนี้ ตายไปเสียยังดีกว่า!”
นี่ไม่ใช่พี่เฉาฮวาของนาง พี่เฉาฮวาของนางไม่ยอมให้เจ้าเดรัจฉานฝืนใจแน่นอน
ลั่วเซิงยื่นมือไปจับปลายนิ้วที่สั่นระริกของซิ่วเย่ว์ “ตอนนี้เฉาฮวาน่าจะเดาได้แล้วว่าเจ้าอยู่ที่นี่”
ซิ่วเย่ว์ชะงัก จากนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่น “นั่นน่ะสิ เฉาฮวาฉลาดขนาดนั้น”
ไม่เหมือนนาง แม้ท่านหญิงจะบอกใบ้ตลอดเวลาแต่นางกลับไม่กล้าคิด จนเมื่อเห็นท่านหญิงใส่ชุดสีดำทั้งร่างมุดออกมาจากห้องเก็บสุรากับตาตนเอง
“ซิ่วเย่ว์ อย่าคิดถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุด เฉาฮวาคงจะหาวิธีมาเจอเจ้าจนได้ ถึงครานั้นเจ้าค่อยตัดสินว่านางเปลี่ยนไปหรือไม่ จะบอกตัวตนที่แท้จริงของข้าให้นางรู้หรือไม่”
ให้ซิ่วเย่ว์เป็นคนโน้มน้าวเฉาฮวาให้เชื่อว่านางคือท่านหญิงชิงหยางย่อมง่ายกว่านางพูดเอง