ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 187 นางคือเฉาฮวา
ตอนที่ 187 นางคือเฉาฮวา
“เพราะอะไรงั้นหรือ” ชุ่ยหงรู้สึกราวกับได้ยินเรื่องตลกเรื่องใหญ่ เสียงของนางดังขึ้นเล็กน้อย “ข้าต่างหากที่อยากถามท่านว่าเหตุใดภูมิหลังต่ำต้อยเหมือนกัน ท่านถึงได้อยู่ดีกินดี ชี้นิ้วสั่งบ่าวสาวรับใช้ ส่วนข้ากลับต้องมาเป็นสาวใช้คอยรับใช้ท่าน”
เฉาฮวาชะงัก เหม่อมองนาง
ชุ่ยหงสีหน้าบิดเบี้ยวกว่าเดิม “เสวี่ยนซื่อคงไม่ได้คิดว่าตนเองไม่เอะอะโวยวายแล้ว คนที่รับใช้จะรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของท่านหรอกนะ”
“ข้าไม่เคยคิดเช่นนี้” เฉาฮวาเหมือนกับเพิ่งตั้งสติได้ ตอบเสียงราบเรียบ
ชุ่ยหงยิ้มหยัน “เสวี่ยนซื่อช่างอดทนได้ดีจริงๆ กลับมาเป็นปกติได้เร็วเช่นนี้ สิ่งที่ข้าเกลียดก็คือการทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นของท่าน!?”
ชุ่ยหงชี้ตนเอง “ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าต้องใช้ความพยายามเพื่อเปลี่ยนจากนางกำนัลตัวน้อยมาเป็นสาวรับใช้ข้างกายท่านมากเพียงใด ข้าทนมาห้าปีเต็ม! ทั้งๆ ที่ข้าเกิดมาไม่แย่ แต่กลับไม่มีอะไรเลย ส่วนท่านกลับได้ทุกสิ่งทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องแย่งชิง เพราะเหตุใดกัน”
เฉาฮวามองชุ่ยหงที่ใบหน้าเหยเก ยิ้มให้อย่างยากลำบาก “บนโลกใบนี้จะมีคำว่าเพราะเหตุใดมากมายเช่นนั้นที่ไหนกัน หากข้าเลือกได้ ข้ายอมเป็นนางกำนัลดูแลเรื่องเล็กน้อยตลอดชีวิตมากกว่ามีสิ่งเหล่านี้”
ที่นางได้มาโดยไม่ต้องแย่งชิงใดๆ ล้วนเป็นเพราะท่านหญิง
หากสามารถเปลี่ยนให้ท่านหญิงยังมีชีวิตอยู่ นางยอมไม่มีอะไรเลย แม้จะไม่มีชีวิตก็ไม่เป็นไร
ชุ่ยหงได้ยินดังนั้นก็ยิ่งโมโห “ถุย! ท่านหยุดเสแสร้งเสียที ตอนนี้ไม่มีความโปรดปรานของรัชทายาทแล้ว ข้าจะดูว่าท่านจะถือตัวได้ถึงเมื่อไร!”
เฉาฮวามองนาง สีหน้าเศร้าสลด “ข้าสูญเสียความโปรดปรานของรัชทายาทไปแล้วมีผลดีอะไรกับเจ้าหรือ”
“ผลดี?” จู่ๆ ชุ่ยหงก็หัวเราะ นางยกมือขึ้นลูบแก้มที่ขาวจนเกือบจะซีด “นี่ไม่ใช่เรื่องที่เสวี่ยนซื่อต้องกังวล”
สายตาเย็นชาของเฉาฮวากวาดมองใบหน้าของนาง รอยยิ้มแฝงความเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าเจ้าจะเป็นข้าคนที่สองได้หรือ”
ชุ่ยหงเชิดคางขึ้นเล็กน้อยอย่างภาคภูมิ “เหตุใดจะไม่ได้เล่า ข้าอายุน้อยกว่าท่าน เรือนร่างผอมเพรียวกว่าท่านและยังรู้จักเอาใจคนอื่นได้ดีกว่าท่าน เหตุใดฝ่าบาทจะไม่โปรดปรานข้า”
เสียงโมโหเสียงหนึ่งดังขึ้น “ชุ่ยหง มิน่าเจ้าไม่กินแม้แต่ข้าวเย็น ทรมานตนเองให้หิวโซจนเดินไม่กี่ก้าวก็หอบหายใจ ที่แท้เพราะมีความคิดเช่นนี้นี่เอง!”
“หุบปาก!” จู่ๆ ชุ่ยหงก็หันมา ชี้หน้าด่าชิงเอ๋อร์ “เจ้าคิดว่าทุกคนจะไร้ความทะเยอทะยานเหมือนเจ้า ใช้ชีวิตไปวันๆ อยู่รอความตายหรือ”
ชิงเอ๋อร์ยกบะหมี่น้ำถ้วยหนึ่งเดินเข้ามา ยิ้มเย็นชาพูดว่า “ใช่ ข้าไร้ความทะเยอทะยาน ใช้ชีวิตไปวันๆ แล้วเจ้าเล่า ข้าว่าเจ้าน่ะใจสูงยิ่งกว่าท้องฟ้า ชีวิตเบาบางยิ่งกว่ากระดาษ! เจ้าทำให้เสวี่ยนซื่อสูญเสียความโปรดปรานจากรัชทายาทแล้วคิดว่าจะได้เจอรัชทายาทอีกหรือ ฝันไปเถอะเจ้าน่ะ”
ชุ่ยหงเดินไปข้างหน้าชิงเอ๋อร์ ก่อนจะง้างมือขึ้นตบชิงเอ๋อร์
ชิงเอ๋อร์ไม่ทันตั้งตัว ทำบะหมี่น้ำหกไปกว่าครึ่งถ้วย
นางร้อนรนในทันที “ชุ่ยหงเจ้าถูกผีสิงหรืออย่างไร นี่คืออาหารที่กว่าข้าจะทำมาให้เสวี่ยนซื่อได้นะ!”
ชุ่ยหงมองบะหมี่ที่เหลือน้ำเพียงครึ่งถ้วย อดยิ้มไม่ได้ “นี่ก็คืออาหารที่เจ้ายกมาให้เสวี่ยนซื่อหรือ หึๆ ถูกผู้อื่นดูถูกคงอึดอัดน่าดู ชิงเอ๋อร์ ข้าแนะนำให้เจ้าคิดหาทางออกดีๆ เถอะ”
ชิงเอ๋อร์วางถาดถ้วยบะหมี่บนโต๊ะ ถลกแขนเสื้อขึ้นมา พูดกัดฟันว่า “เจ้ามันคนบ้า ดูซิว่าข้าจะฉีกปากเน่าๆ ของเจ้าให้เละได้หรือไม่!”
“ชิงเอ๋อร์…” เฉาฮวาเรียก
ชิงเอ๋อร์ที่เดิมทีกำลังจะสู้ตายกับชุ่ยหงรีบหันศีรษะมา “เสวี่ยนซื่อ ท่านมีอะไรจะสั่งหรือเจ้าคะ”
“อย่าทะเลาะกับนางเลย ยกอาหารมาให้ข้าเถิด”
ชิงเอ๋อร์ชะงัก “เสวี่ยนซื่อ?”
เฉาฮวาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ถึงอย่างไรอาหารก็ต้องกิน”
ชิงเอ๋อร์ดีใจ รีบยกบะหมี่ไปให้
ชุ่ยหงมองเฉาฮวากินบะหมี่ด้วยสายตาเยือกเย็น นางเบ้ปาก “คนบางคนน่ะ ปกติแสร้งทำตัวเป็นคนจิตใจงดงามมีคุณธรรม ที่จริงแล้วก็คงเกรงกลัวความตายเหมือนกัน”
“ออกไป” เฉาฮวามองนาง
ชุ่ยหงยืนนิ่งไม่ขยับ “หยุดวางมาดเสียที ท่านคิดว่าตอนนี้ยังเป็นดังเช่นเมื่อก่อนรึ”
ทรมานอวี้เสวี่ยนซื่อให้ตาย ถือว่าเป็นผลงานชิ้นใหญ่สำหรับชายารัชทายาท ถึงครานั้นนางก็ไม่ต้องทนทุกข์อยู่ในที่โสโครกแบบนี้อีก
นางไม่สามารถตีหรือฆ่าเสวี่ยนซื่อได้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงใช้คำพูดเป็นคมดาบมาสู้กับสตรีคนนี้
“หากข้าตายไปตอนนี้ เจ้าคิดว่าฝ่าบาทจะปล่อยเจ้าไปหรือ” เฉาฮวาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ชุ่ยหงชะงัก รู้สึกวิตกขึ้นมา
เมื่อวานฝ่าบาทจากไปด้วยความพิโรธ ถีบนางอย่างแรงไปทีหนึ่ง
ฝ่าบาทโมโหนางที่เปิดโปงอวี้เสวี่ยนซื่อ หากอวี้เสวี่ยนซื่อตายตอนนี้ นางก็คงตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน
ไม่ได้ อวี้เสวี่ยนซื่อจะตายเร็วเช่นนี้ไม่ได้
เฉาฮวาเห็นสีหน้าชุ่ยหงแปรเปลี่ยนเล็กน้อย นางพูดเสียงดังขึ้น “ออกไป!”
“ออกไปก็ออกไป คิดว่าข้าอยากเห็นหน้าซังกะตายของท่านหรือ” ชุ่ยหงหวาดกลัวในใจ ไม่กล้าดื้อด้านต่อไป นางหันหลังเดินออกไป
ในที่สุดเสียงก็สงบลง เฉาฮวาหลับตาลง
ชิงเอ๋อร์ปลอบประโลม “เสวี่ยนซื่อ ท่านอย่าคิดมากเลย ชุ่ยหงนางบ้าไปแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปนางจะรู้เองว่าตนเองเพ้อเจ้อ”
เฉาฮวาลืมตาขึ้น ส่ายศีรษะเบาๆ “ข้ารอนานขนาดนั้นไม่ได้”
“เสวี่ยนซื่อ?” ชิงเอ๋อร์ชะงัก
เสวี่ยนซื่อหมายความว่าอะไรนะ
เฉาฮวาลุกขึ้น เดินไปข้างหน้าต่าง
หน้าต่างบานไม่ใหญ่นัก กลับมองเห็นสีเขียวผืนน้อยนอกหน้าต่างได้
นางจับกรอบหน้าต่าง พูดเสียงเบาว่า “เมื่อคืนฝนตก วันนี้อากาศแจ่มใสแล้ว”
ชิงเอ๋อร์ได้ยินก็รู้สึกหวาดหวั่น
สภาพเสวี่ยนซื่อแบบนี้คงไม่ใช่คิดสั้นจริงๆ หรอกนะ
“อากาศแจ่มใสแล้ว ลมยังเย็นอยู่ ชายารัชทายาทคงไปเดินเล่นในสวน”
วังบูรพามีสวนดอกไม้แห่งหนึ่ง มีภูเขาปลอมและธารน้ำไหล ดอกไม้และต้นไม้ร่มรื่น เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจในฤดูร้อน
ชายารัชทายาททรงอยู่อย่างโดดเดี่ยว พระองค์มักจะไปเดินอ้อยอิ่งในสวนดอกไม้
“เสวี่ยนซื่อ ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ…”
เฉาฮวามองกลับมาที่ชิงเอ๋อร์นิ่ง นางกระซิบว่า “ชิงเอ๋อร์ เมื่อก่อนเจ้าเคยบอกว่ายอมเป็นวัวเป็นม้าตอบแทนข้า เจ้ายังจำได้หรือไม่”
ชิงเอ๋อร์ชะงัก จากนั้นก็พยักหน้า “บ่าวจำได้เจ้าค่ะ เสวี่ยนซื่อช่วยชีวิตพี่สาวบ่าวเอาไว้ อย่าว่าแต่เป็นวัวเป็นม้าเลย แม้จะเอาชีวิตบ่าว บ่าวก็เต็มใจให้เจ้าค่ะ”
เดิมชิงเอ๋อร์มีพี่สาวอีกคนหนึ่งเป็นนางกำนัลอยู่ในวังเช่นกัน นางอดทนเรื่อยมาจนเกือบจะถึงวัยได้ออกจากวังแล้ว แต่กลับป่วยหนักกะทันหัน
ในพระราชวัง หากนางกำนัลทั่วไปป่วยจะไม่มีสิทธิ์เชิญหมอหลวง ได้แต่ปล่อยไปตามชะตากรรมเท่านั้น
เฉาฮวาเป็นคนช่วยเชิญหมอหลวงให้ ทำให้พี่สาวของชิงเอ๋อร์ผ่านพ้นโรคภัยครานั้นไปได้
หลังจากพี่สาวของชิงเอ๋อร์ออกจากวัง ชิงเอ๋อร์เคยขอให้ขันทีน้อยผู้รับผิดชอบการซื้อข้าวของเข้าวังสืบข่าว รู้ว่าพี่สาวได้แต่งงานกับคนดี บัดนี้มีลูกชายหนึ่งคนและหญิงหนึ่งคนแล้ว และยังช่วยดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราได้
ด้วยเหตุนี้ชิงเอ๋อร์จึงอุทิศตนให้กับเฉาฮวา
เฉาฮวามองพิจารณาชิงเอ๋อร์อยู่นานแสนนาน นางยื่นมือออกมาจัดปอยผมให้นาง พูดเสียงเบาว่า “เด็กโง่ ข้าไม่ต้องการชีวิตเจ้าหรอก แต่ข้าต้องการให้เจ้าช่วยข้าเอาชีวิตคนคนหนึ่ง!”
ชิงเอ๋อร์ดวงตาเบิกโพลง “เสวี่ยนซื่อ!”
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด เฉาฮวาผลักชิงเอ๋อร์ไปหน้ากระจก พูดเสียงเบาว่า “ชิงเอ๋อร์ เจ้าลืมตาสิ”
ชิงเอ๋อร์ที่หลับตามาตลอดลืมตาขึ้น มองคนในกระจกแล้วก็ต้องตกใจจนปิดปาก
นางนั่งอยู่ข้างหน้ากระจกแท้ๆ แต่เหตุใดคนในกระจกกลับไม่ใช่นาง!
เฉาฮวามองปฏิกิริยาของชิงเอ๋อร์ ยกมุมปากเล็กน้อย หยิบหินเขียนคิ้วที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา เริ่มลงมือเขียนคิ้วทีละเส้นอย่างตั้งใจ
นางคือเฉาฮวา สาวใช้ของท่านหญิง ถนัดใช้หวีและเครื่องประทินโฉม
เพียงแต่คนนอกไม่รู้ว่าสิ่งที่นางถนัดที่สุดคือการแปลงโฉม
หินเขียนคิ้วแท่งหนึ่งและเครื่องประทินโฉมกล่องหนึ่ง วาดใบหน้าได้นับพันใบ