ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 192 เสี่ยวเอ้อร์ผู้ภาคภูมิ
ตอนที่ 192 เสี่ยวเอ้อร์ผู้ภาคภูมิ
จากนั้น ลั่วเฉินก็เห็นคุณชายสามเซิ่งที่เดินตามหลังลั่วเซิงเข้ามา
ลั่วเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย
พี่สามเปลี่ยนไปแล้ว
เมื่อครั้นอยู่จินซา พี่ชายทั้งหลายเห็นลั่วเซิงก็จะเดินหนีไปไกล ดูจากสภาพตอนนี้คงได้กินอาหารที่ลั่วเซิงทำไปไม่น้อยสินะ
ขณะที่คิดเช่นนี้ เด็กหนุ่มก็ยิ่งไม่พอใจ
“เซิงเอ๋อร์มาแล้วหรือ” ทันทีที่แม่ทัพใหญ่ลั่วเห็นลั่วเซิง ใบหน้าก็เจือความยินดี
ช่วยไม่ได้ ช่วงนี้ได้กินอาหารของมีหอสุราทุกวัน ช่างสบายใจจริงๆ
แน่นอนว่าเขาไปกินที่หอสุราไม่ได้ สั่งกลับมากินก็ไม่ได้ แต่นี่ก็ขัดขวางแม่ทัพใหญ่ลั่วให้กินข้าวไม่ได้
เขาส่งลูกน้องสองสามคนปลอมตัวไปเป็นแขกทุกวัน หลังจากสั่งอาหารเสร็จแล้วฉวยโอกาสตอนที่เสี่ยวเอ้อร์ไม่เห็นแอบห่ออาหารบางส่วนแล้วยัดใส่ในอ้อมอกเอากลับมาให้เขา
จะให้กินจนอิ่มนั้นไม่มีทาง แต่ก็พอช่วยให้หายอยากได้
หวังเหลือเกินว่าหอสุราของเซิงเอ๋อร์จะเปิดไปนานๆ
สายตาที่แม่ทัพใหญ่ลั่วมองลั่วเซิงยิ่งอ่อนโยน
ลั่วเซิงคารวะแม่ทัพใหญ่ลั่วแล้วก็มองลั่วเฉิน
ลั่วเฉินเม้มปาก คำว่า ‘ท่านพี่’ ที่ติดอยู่ตรงปากยากที่จะพูดออกไป
ตอนที่อยู่จินซา พวกเขาทะเลาะกันบ่อย มีเพียงช่วงสองสามวันหลังที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีขึ้นเล็กน้อย
เขากลับมาถึงเมืองหลวงจากแดนไกล ให้ทักทายทันทีที่เห็นหน้า ไม่ดูเสียมาดไปหน่อยหรือ
ลั่วเซิงยกมือขึ้น ลูบศีรษะของลั่วเฉินอย่างคล่องแคล่ว “ดูแข็งแรงขึ้นมากเลย”
ลั่วเฉินตัวแข็งทื่อ
นาง… นางลูบศีรษะของเขาอีกแล้ว!
ใครแข็งแรงขึ้นกัน นี่หมายความว่าช่วงนี้เขากินเยอะหรือ ทั้งๆ ที่เขาไม่อยากอาหารเลย
เด็กหนุ่มยังไม่ทันค้าน ลั่วเซิงก็ดึงมือกลับ คารวะท่านน้ารองเซิ่งอย่างมีมารยาท “ลำบากท่านน้าที่ส่งน้องชายกลับเมืองหลวงแล้วเจ้าค่ะ”
น้ารองเซิ่งข่มความสงสัยในใจไว้ ยิ้มพูดว่า “ไม่ลำบากหรอก น้าอยากมาหาพวกเจ้านานแล้ว”
หลายชายและหลานสาวดูรู้เรื่องและมีเหตุผลดี ต่างจากตอนที่อยู่จินซามาก
ครานี้คุณชายสามเซิ่งจึงกล่าวทักทายท่านน้ารองเซิ่งด้วยรอยยิ้ม “ท่านพ่อ”
น้ารองเซิ่งที่ใบหน้ายิ้มแย้มพลันบึ้งตึงทันที “บัดซบ เจ้ายังจำได้ว่าข้าคือพ่อเจ้ารึ”
คุณชายสามเซิ่งขมวดคิ้วทันที “ท่านพ่อ มีคนอยู่มากมายนะ”
น้ารองเซิ่งกระอักกระอ่วนไปเล็กน้อย
แม่ทัพใหญ่ลั่วกระแอมพูดว่า “ได้รู้จักคุณชายแล้ว พวกเจ้าออกไปเถิด”
“เจ้าค่ะ” อี๋เหนียงใหญ่พาอี๋เหนียงทุกคนย่อเข่าเล็กน้อยและเดินออกไป
เรือนรับรองมีพื้นที่ว่างกว่าครึ่งทันที
น้ารองเซิ่งรู้สึกหายใจสะดวกมากขึ้น ตำหนิคุณชายสามเซิ่งหน้านิ่งขรึม “ออกมานานแค่ไหนแล้ว ท่านแม่เจ้านอนหลับไม่ได้เพราะเป็นห่วงเจ้า ส่วนเจ้าน่ะสิดี กลายเป็นนกที่บินออกจากกรง ไปแล้วไปลับ!”
“ท่านพ่อ ท่านฟังข้าอธิบายก่อน” คุณชายสามเซิ่งหน้าแดง
ถูกดุต่อหน้าน้องลั่วไม่เป็นไร ถึงอย่างไรก็สนิทกับน้องลั่วเช่นนี้แล้ว แต่ยังมีน้องสาวที่ไม่คุ้นหน้าอีกสามคนอยู่ที่นี่นะ
เขายังคงมียางอายอยู่นะ
“เจ้าจะอธิบายอะไร” น้ารองเซิ่งถามอย่างไม่สบอารมณ์
เจ้าหมอนี่ต้องถูกความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงบังตาแน่ๆ ไม่คิดเลยว่าเขาผู้เป็นพ่อคนนี้ต้องทนทุกข์เช่นไร ต้องถูกท่านแม่เขาบ่นทุกวันอย่างน้อยครั้งละหนึ่งเค่อ
เรื่องที่บ่นมากที่สุดคือกลัวว่าลูกชายจะตกอยู่ในเงื้อมมือของคุณหนูลั่ว
“ลูกหางานทำที่นี่ก็เลยไม่ได้กลับจวนเสียที”
“งานหรือ” น้ารองเซิ่งมองแม่ทัพใหญ่ลั่วด้วยสายตาสอบถาม
ใบหน้าแก่ๆ ของแม่ทัพใหญ่ลั่วแดงวาบ ไม่พูดอะไร
จะให้เขาพูดอะไรเล่า
แม่ทัพใหญ่อันดับหนึ่ง หลานชายมาเปิดโลกกว้างที่เมืองหลวง ไปเป็นเสี่ยวเอ้อร์ในหอสุราที่บุตรสาวเปิด?
เขาพูดไม่ออกหรอก
ทันทีที่คุณชายสามเซิ่งเห็นท่านลุงเขยไม่ช่วยปกป้องจึงได้แต่ตบหน้าอกเบาๆ “ลูกอยากสร้างชื่อเสียงด้วยตนเองจึงไม่ได้รบกวนท่านลุงเขย”
“แล้วเจ้าหางานอะไรทำหรือ”
คุณชายสามเซิ่งครุ่นคิด พยายามหาคำพูดที่เหมาะสมที่สุด
ลั่วเซิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ท่านพี่เป็นเสี่ยวเอ้อร์ในหอสุราของข้าเจ้าค่ะ”
คุณชายสามเซิ่ง “…”
แม่ทัพใหญ่ลั่ว “…”
น้ารองเซิ่ง “…”
มีเพียงลั่วเฉินที่ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว เขาถามหน้านิ่งว่า “หอสุราอะไร”
น้ารองเซิ่งเพิ่งตั้งสติได้ เขามองไปที่ลั่วเซิงเช่นกัน
หอสุราอะไรกัน ให้ลูกชายของเขาไปเป็นเสี่ยวเอ้อร์?
อย่างน้อยจวนเซิ่งก็เป็นตระกูลที่สืบทอดความรู้และประเพณีอันดีงามนะ… เมื่อคิดถึงความจริงเรื่องนี้ น้ารองเซิ่งก็ยิ่งรู้สึกแย่
“ก็คือหอสุราที่ขายสุราและกับแกล้มเจ้าค่ะ” ลั่วเซิงอธิบาย
แม่ทัพใหญ่ลั่วเห็นน้ารองจะรับไม่ไหวแล้วจึงรีบพูดขึ้นว่า “แค่กๆ น้องภรรยาไม่รู้อะไร หอสุราที่เซิงเอ๋อร์เปิดไม่เหมือนกับหอสุราทั่วไป เป็นหอสุราที่มีไว้สำหรับต้อนรับขุนนางสูงศักดิ์โดยเฉพาะ แม้แต่องครักษ์ของไคหยางอ๋องก็ยังเป็นเสี่ยวเอ้อร์ที่นั่น”
องครักษ์ประจำตัวของไคหยางอ๋องและองครักษ์จินอู๋เว่ยล้วนเป็นผู้โดดเด่น พูดจากใจจริง พวกเขาเก่งกาจกว่าเด็กทั่วไปอย่างคุณชายสามเซิ่งมาก
น้ารองเซิ่งได้ยินก็ตกตะลึง “องครักษ์ของไคหยางอ๋องเป็นเสี่ยวเอ้อร์ในหอสุราของเซิงเอ๋อร์ด้วยหรือ”
แม้จวนเซิ่งอยู่จินซาเมืองห่างไกล แต่เขาก็รู้จักไคหยางอ๋องผู้มีชื่อเสียง
หากองครักษ์ประจำตัวของไคหยางอ๋องก็เป็นเสี่ยวเอ้อร์ในหอสุราของหลานสาว งานของลูกชายคนนี้เหมือนกับว่าไม่ได้แย่เช่นนั้น…
“ท่านพ่อ หากท่านไม่เชื่อ ลูกเรียกองครักษ์ของไคหยางอ๋องมาตอนนี้ได้เลยขอรับ”
“ตอนนี้?”
คุณชายสามเซิ่งหัวเราะคิกคัก “ใช่แล้ว กลางวันเขาช่วยน้องลั่วเลี้ยงห่านอยู่ที่จวนแม่ทัพใหญ่”
น้ารองตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
คนในเมืองหลวงทุกคนคาดเดาไม่ได้ขนาดนั้นเลยหรือ
ตอนนี้เขาเริ่มเป็นห่วงหลานชายทั้งสองคนแล้ว
หากคุณชายใหญ่และคุณชายรองสอบกุ้ยปั่งผ่าน ฤดูใบไม้ผลิปีหน้าหรือกระทั่งฤดูหนาวปีนี้ก็ต้องเข้าเมืองหลวงเพื่อเตรียมสอบแล้ว
ครานี้เองลั่วเซิงจึงเอ่ยปาก “ใกล้ถึงเวลาหอสุราเปิดพอดี หากท่านน้าไม่เหนื่อย ไปกินอาหารที่หอสุราด้วยกันเถอะเจ้าค่ะ”
“ไม่เหนื่อย!” แม่ทัพใหญ่ลั่วโพล่งพูดขึ้นทันที
น้ารองเซิ่งมองแม่ทัพใหญ่ลั่วอย่างตะลึงงัน
ดังนั้นแล้ว คนเมืองหลวงต่างจากคนทางใต้จริงๆ
จะว่าไปแล้ว เขาเคยมาเมืองหลวงช่วงปีแรกๆ ตอนนั้นไม่เป็นแบบนี้นี่
“ท่านน้า?”
น้ารองเซิ่งตั้งสติได้ ฝืนยิ้ม “น้าไม่เหนื่อย จะได้ไปชิมอาหารหอสุราของเซิงเอ๋อร์ด้วย”
แม่ทัพใหญ่ลั่วช่วยพูดแทนเขาแล้ว เขายังปฏิเสธได้หรือ
จนเมื่อเดินไปถึงถนนชิงซิ่ง น้ารองเซิ่งถึงเพิ่งจะรู้สึกตัวว่า ไม่ใช่สิ เป็นสาวเป็นนางเปิดหอสุราได้อย่างเปิดเผยเช่นนี้เลยหรือ
“ท่านพ่อ น้องชาย พวกเจ้าดู นั่นก็คือหอสุราของน้องลั่ว” คุณชายสามเซิ่งชี้ไปที่ธงสุราสีเขียวที่ปลิวไปตามสายลมที่อยู่ไม่ไกลอย่างภาคภูมิ
ลั่วเฉินหน้าบึ้งตึงยิ่งกว่าเดิม
หอสุราที่พี่สาวของเขาเปิด พี่สามจะโอ้อวดอะไรกัน
ไม่เคยเจอเสี่ยวเอ้อร์คนไหนได้ใจเช่นนี้เลย
“เถ้าแก่ ท่านมาแล้วหรือ” ผู้ดูแลหญิงเข้ามาต้อนรับ
ลั่วเซิงพยักหน้าเล็กน้อย “ไปห้องส่วนตัว”
เมื่อเข้าไปห้องส่วนตัวและนั่งลง น้ารองเซิ่งก็อดถามแม่ทัพใหญ่ลั่วไม่ได้ว่า “ข้าเห็นข้างนอกหอสุราไม่ได้ติดป้ายแล้วหอสุราต้อนรับเพียงแขกสูงศักดิ์ได้อย่างไร”
แม่ทัพใหญ่ลั่วเงียบลงครู่หนึ่ง พ่นคำพูดออกมาสั้นกระชับเพียงคำเดียว “แพง”
น้ารองเซิ่ง “…”
ลั่วเซิงยิ้มพูดว่า “วันนี้เป็นรอบสิบวันพอดี ในร้านมีขาหมูตุ๋นขายและยังมีอาหารจานใหม่ชื่อว่าปลาเส้นผัดแตงกวาดองใส่ขิง ท่านน้าจะได้ชิมพอดี”
แม่ทัพใหญ่ลั่วที่ใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา เริ่มรู้สึกขมขื่นในใจ
อาหารจานใหม่? เขาเองก็ยังไม่เคยได้ชิมเหมือนกัน
ลั่วเฉินยิ่งไม่พอใจกว่าเดิม
อาหารใหม่อาหารเก่าอะไร เขาไม่เคยกินทั้งสิ้น
ไม่นานอาหารก็วางเต็มโต๊ะ
แม่ทัพใหญ่ลั่วต้อนรับน้ารองเซิ่งอย่างอบอุ่น “น้องภรรยา รีบกินสิ!”