ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 207 ไร้คำพูด
ตอนที่ 207 ไร้คำพูด
ซิ่วเย่ว์ยื่นมือไปรับกล่องอาหาร
มือข้างหนึ่งขาวเนียนงดงาม มืออีกข้างหยาบกร้าน
พวกนางมีอายุใกล้เคียงกัน แต่กลับทำให้ผู้อื่นเห็นแล้วคิดว่าอายุต่างกันมาก
เฉาฮวามองมือหยาบกร้านข้างนั้น น้ำตาเกือบจะไหลลงมา
พระชายาคัดเลือกพวกนางสี่คนให้มาคอยดูแลท่านหญิงเติบใหญ่ แค่เรื่องหน้าตา ทั้งสี่ก็โดดเด่นกว่าผู้อื่นมากแล้ว
สิบสองปี น้องซิ่วเย่ว์กลายเป็นเช่นนี้
มือที่หยาบกร้านข้างนั้นจับลงบนที่จับ
เฉาฮวาใช้ปลายนิ้วที่เย็นเยียบสัมผัสมือข้างนั้นเบาๆ อย่างหักห้ามใจไม่ไหว
ซิ่วเย่ว์คว้าที่จับแน่น รับกล่องอาหารไป
หัวใจของเฉาฮวารู้สึกราวกับถูกตัวต่อต่อย
เจ็บปวดและทำอะไรไม่ได้
นางมองซิ่วเย่ว์นิ่ง กลับเห็นเพียงซิ่วเย่ว์ถอยไปข้างกายลั่วเซิง สุภาพและเงียบขรึม
เฉาฮวาเคลื่อนสายตามองไปที่ลั่วเซิง นึกสงสัยในใจ
ซิ่วเย่ว์นอบน้อมต่อคุณหนูลั่วเช่นนี้ได้อย่างไร
นางรู้จักนิสัยของซิ่วเย่ว์ดี บริสุทธิ์ยืนหยัดในเหตุผลและหลักการ ไม่มีทางที่จะยอมรับผู้อื่นเป็นเจ้านายนอกจากท่านหญิง
ลั่วเซิงเห็นเฉาฮวามองมาที่นางก็ยิ้มให้ “อวี้เสวี่ยนซื่อ เราเจอกันอีกแล้ว”
“ใช่ เจอคุณหนูลั่วอีกแล้ว”
ลั่วเซิงยิ้มมองเว่ยเชียง “ที่แท้บะหมี่น้ำแกงเปรี้ยวที่องค์ชายนำกลับไป ทรงนำไปให้อวี้เสวี่ยนซื่อนี่เอง”
เผชิญกับแววตาเจือยิ้มจางๆ ของเด็กสาว เว่ยเชียงก็รู้สึกหัวเสีย
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน แต่กลับถูกแม่นางน้อยที่เด็กกว่าตนสิบปีเย้าแหย่
นังหนูนี่ไม่เห็นเขาในสายตาเลยแม้แต่น้อยเลยหรือ
ส่วนลั่วเซิงก็ราวกับไม่รู้สึกถึงความไม่พอใจของเว่ยเชียง นางดึงมือของซิ่วเย่ว์พลางยิ้มให้เฉาฮวาอย่างได้ใจ “อวี้เสวี่ยนซื่อ ฝีมือของแม่ครัวใหญ่หอสุราของเรา ท่านพอใจหรือไม่”
เฉาฮวามองซิ่วเย่ว์แล้วพยักหน้าอย่างแรง “พอใจ พอใจมาก”
พูดถึงตรงนี้ นางก็เว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนจะพูดอย่างมิอาจปกปิดความเสียใจว่า “หากได้กินอาหารที่แม่ครัวใหญ่ท่านนี้ทำบ่อยๆ ก็คงดี”
ลั่วเซิงเผยแววตาเห็นใจ “สถานะของอวี้เสวี่ยนซื่อ คงจะไม่สะดวกไปดื่มสุราที่หอสุราของเรา”
เฉาฮวายิ้มเดียวดาย “นั่นน่ะสิ”
นางหันไปมองเว่ยเชียง “ฝ่าบาท เรารบกวนคุณหนูลั่วนานแล้ว กลับกันเถอะเพคะ”
เว่ยเชียงพยักหน้า กล่าวลาลั่วเซิง
ระหว่างทางกลับไป เฉาฮวาเงียบตลอดทาง
เว่ยเชียงสังเกตเห็นดังนั้นก็ปลอบใจว่า “ไปหอสุราไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แม่ครัวใหญ่หอสุราอยู่ที่นี่แล้วมิใช่หรือ เมื่อถึงเป่ยเหอแล้วยังมีโอกาสได้ชิมฝีมือของแม่ครัวท่านนั้นอีกแน่นอน”
เฉาฮวาลังเล “แล้วจะรบกวนฝ่าบาทหรือไม่เพคะ”
“เจ้าอย่ากังวลเรื่องเหล่านี้เลย เรื่องเล็กน้อยแค่นี้คุณหนูลั่วย่อมไว้หน้าข้าอยู่”
ใบหน้าซีดขาวของเฉาฮวามีสีแดงแต่งแต้ม ดวงตาของนางฉาบประกายแสงแห่งความสุข “ขอบพระทัยฝ่าพระบาทเพคะ”
หลังจากที่เว่ยเชียงจากไปแล้ว หงโต้วก็เบ้ปากเล็กน้อย พึมพำเสียงเบาว่า “ขอข้าวกินแล้วก็ช่าง ยังห่อกลับให้อนุอีก หน้าไม่อายจริงๆ”
เมื่อเห็นสืออี้กำลังจะจากไป สาวใช้น้อยก็รีบเรียกเขาไว้ “นี่ สือซื่อหั่ว เจ้าจะไปไหน”
สืออี้หยุดเดิน ตอบว่า “ไปหานายท่าน”
“เจ้าถูกไคหยางอ๋องสั่งให้อยู่ช่วยล้างจานที่นี่มิใช่หรือ” หงโต้วเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ
สืออี้ชะงัก จากนั้นก็ตอบอย่างสงบว่า “ล้างเสร็จแล้ว”
เมื่อเห็นองครักษ์น้อยเดินจ้ำอ้าวจากไป หงโต้วก็กะพริบตาสองสามที “คุณหนู ที่แท้น้องชายของสือซานหั่วเป็นเจ้าทึ่มผู้หนึ่ง”
คุณชายสามเซิ่งพูดแทรกว่า “ข้าว่าก็ไม่ทึ่มนะ หนักแน่นว่าสือซานหั่วมากเลย”
“ไม่ทึ่มได้อย่างไร” หงโต้วกลอกตาใส่คุณชายสามเซิ่ง “ความหมายของไคหยางอ๋องคือต้องการให้สือซื่อหั่วอยู่ที่นี่ช่วยคุณหนูทำงานเบ็ดเตล็ดชัดๆ เจ้าสือซื่อหั่วล้างจานกองนี้เสร็จก็กลับไป ท่านว่าเขาไม่โง่รึ”
คุณชายสามเซิ่งกระจ่าง “ใช่แล้ว ให้สือซื่อหั่วอยู่ที่นี่ ไคหยางอ๋องจะได้มาเวลากินข้าวได้”
เสียงเยือกเย็นดังขึ้นมา “ไปก็ดีแล้ว อาหารที่อาซิ่วทำเรายังกินไม่พอเลย ทำไมต้องแบ่งให้คนอื่นด้วยเล่า”
เด็กหนุ่มหน้าบึ้งตึง ไม่พอใจกับการกระทำของหงโต้วที่ต้องการรั้งสือซื่อหั่วไว้เป็นอย่างมาก
คุณชายสามเซิ่งรีบอธิบาย “น้องชายเจ้าไม่รู้อะไร ไคหยางอ๋องเป็นแขกประจำของหอสุรา จ่ายเงินให้ล่วงหน้า ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษสิ”
“จ่ายล่วงหน้าเท่าไร ท่านพี่ข้าไม่ขาดแคลนเงินเสียหน่อย”
คุณชายสามเซิ่งลูบคางเบาๆ “จ่ายล่วงหน้าหนึ่งหมื่นตำลึง เพียงพอสำหรับกินอาหารหนึ่งเดือนแล้ว”
ลั่วเฉิน “…” หากเป็นเช่นนี้ กินบะหมี่ชามสองชามก็ย่อมได้
ลั่วเซิงเป็นคนใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย อนาคตมีที่ให้ใช้เงินอีกมากมาย ลูกค้าสำคัญอย่างไคหยางอ๋องควรรักษาไว้ให้ดีจริงๆ
สืออี้ที่กำลังถูกพวกเขาวิจารณ์กลับถึงข้างกายเว่ยหาน “นายท่าน”
เว่ยหานหน้าขรึม “เหตุใดจึงกลับมาเล่า”
“ล้างจานเสร็จแล้วขอรับ” สืออี้ตอบอย่างสุภาพ
เว่ยหานเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดเสียงราบเรียบว่า “ออกไปเถอะ”
ช่างเถอะ กลับไปสองพี่น้องคู่นี้ไม่ต้องสลับหน้าที่กันแล้ว งานขัดถังส้วมเหมาะกับสืออี้มากกว่า
ในรถม้า ซิ่วเย่ว์ตื่นเต้นจับมือของลั่วเซิงเอาไว้ “ท่านหญิง เฉาฮวาจริงๆ ด้วย เฉาฮวาไปเป็นนางสนมของชายสารเลวนั่นจริงๆ ด้วย!”
ลั่วเซิงตบไหล่ซิ่วเย่ว์เบาๆ “ใจเย็นๆ จุดประสงค์ที่เรามางานล่าสัตว์ก็เพื่อเจอเฉาฮวามิใช่หรือ ซิ่วเย่ว์ สภาพเจ้าเช่นนี้จะทำแผนพังเอานะ”
ซิ่วเย่ว์ยกมือกุมใบหน้า “ข้าก็แค่… ก็แค่ไม่อยากจะเชื่อ เฉาฮวานางถวายตัวให้ศัตรูได้อย่างไร นางนอนข้างชายใจสุนัขนั่นไม่รู้สึกขยะแขยงหรือ”
ในรถม้าเงียบงัน
ผ่านไปนาน ลั่วเซิงเอ่ยถามเสียงเบา “เจ้าเห็นกำไลบนข้อมือของเฉาฮวาหรือไม่”
ซิ่วเย่ว์วางมือลง มองลั่วเซิง
ลั่วเซิงชูข้อมือขึ้น “กำไลนั่นเป็นกำไลคู่กับกำไลที่ข้าใส่ตอนนี้ ข้าให้เฉาฮวาช่วยเก็บรักษาไว้ตอนที่ข้าออกเรือน”
“ท่านหญิง…”
ลั่วเซิงถอนหายใจเบาๆ พูดว่า “ข้าบอกเฉาฮวาว่า ไม่ว่าอย่างไรนางต้องเก็บรักษากำไลวงนี้ไว้ให้ข้าดีๆ เจ้าทายสิว่าเฉาฮวาพูดว่าอะไรในครานั้น”
ซิ่วเย่ว์แทบจะไม่ลังเลโพล่งขึ้นทันทีว่า “กำไลอยู่คนอยู่ กำไลไม่อยู่คนตาย?”
เรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นเฉาฮวาหรือนาง เจี้ยงเสวี่ยหรือซูเฟิงล้วนไม่ต่างกัน
ครานั้นหากไม่ใช่เพราะรู้ว่าท่านอ๋องน้อยหนีรอดไปได้ ด้วยความคิดที่จะตามหาท่านอ๋องน้อยเพื่อให้สายเลือดจวนเจิ้นหนานอ๋องได้สืบต่อไป นางคงตามท่านหญิงไปตั้งแต่ที่รู้ว่าท่านหญิงจากโลกนี้ไปแล้ว
“ใช่แล้ว เฉาฮวาพูดเช่นนี้จริงๆ แต่ข้าบอกนางว่า กำไลต้องอยู่”
ซิ่วเย่ว์ตกตะลึง ผ่านไปนานกว่าจะพึมพำว่า “เฉาฮวาทำเพื่อเก็บรักษากำไลวงนั้นหรือ…”
“ซิ่วเย่ว์”
“เจ้าคะ”
“เฉาฮวายอมร่วมมือกับแผนการเราเพื่อมาเจอเจ้า ข้าเชื่อว่านางยังคงเป็นพี่เฉาฮวาของเจ้า แต่ว่าสิบสองปีเพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย จะเปิดเผยตัวตนของข้าหรือไม่ ยังต้องดูไปอีกขั้นเพื่อตัดสินใจ ภารกิจนี้ข้าขอมอบให้เจ้า”
ซิ่วเย่ว์พยักหน้าอย่างแรง รู้สึกสับสนเล็กน้อย “แต่เฉาฮวาเป็นนางสนมของรัชทายาท แม้จะถึงเป่ยเหอแล้วก็คงยากที่จะมาเจอพวกเราได้”
ฐานล่าสัตว์เป่ยเหอมีราชนิเวศน์และเรือนรับรองตั้งอยู่ ฮ่องเต้และรัชทายาทประทับในราชนิเวศน์ ขุนนางพำนักในเรือนรับรอง เฉาฮวาที่อยู่ในราชนิเวศน์อยากกินอาหารที่นางทำนั้นยังมีโอกาสเป็นไปได้ แต่หากนางจะมาขอกินถึงที่เองนั้นกลับเป็นเรื่องยากแล้ว
ความลับเรื่องการเกิดใหม่ของท่านหญิงก็ไม่สามารถส่งข่าวเป็นลายลักษณ์อักษรได้
ลั่วเซิงยิ้มน้อยๆ “เฉาฮวามาไม่ได้ แต่เจ้าไปหาได้นี่”