ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 208 ล่าสัตว์
ตอนที่ 208 ล่าสัตว์
ในตอนเย็นของวันที่สาม ขบวนก็เร่งเดินทางมาถึงฐานล่าสัตว์เป่ยเหอ
หลังจากพักผ่อนหนึ่งคืน เช้าตรู่วันที่สองคนที่เข้าร่วมการล่าสัตว์ก็รวมตัวกันบริเวณหนึ่งพร้อมคันธนูและลูกธนู ห้อมล้อมฮ่องเต้ไปที่ฐานล่าสัตว์
ลั่วเซิงที่เปลี่ยนชุดเป็นชุดขี่ม้าสีเขียวก็อยู่ในฝูงชนเช่นกัน
ที่เห็นคือทุ่งหญ้ากว้างใหญ่และป่าทึบ สายลมพัดโชยต้นหญ้า ท้องฟ้าสดใสไร้เงาเมฆ
ไม่ไกลออกไปมีกระโจมเรียงราย
ญาติฝ่ายหญิงที่ไม่เข้าร่วมการล่าสัตว์สามารถเล่นอยู่ในกระโจม หรือออกมาเดินเล่นชมทิวทัศน์ใกล้เคียงได้
ที่กว้างใหญ่ไพศาลเช่นนี้ เป็นที่ที่คนที่อยู่วังหลังไม่เคยได้เห็น จะให้อยู่แต่ในกระโจมเสียดายวันเวลาดีๆ แบบนี้ไม่ได้
ลั่วเซิงทอดสายตามองกระโจมที่อยู่ติดกับกระโจมสีทองที่หรูหราที่สุด
นั่นคือกระโจมทองของรัชทายาท เฉาฮวาคงจะอยู่ในนั้น
เพียงแต่ว่าด้วยสถานะนางเป็นเสวี่ยนซื่อของรัชทายาท คงไม่สะดวกที่จะออกมาเดินเล่น แม้จะออกมาก็คงมีคนคอยคุ้มกัน
ยังไม่ควรรีบร้อนเกินไป
ลั่วเซิงจับบังเหียนแน่น ทอดถอนใจเบาๆ
“น้องลั่ว ประเดี๋ยวข้าจะล่ากวางให้เจ้านะ” ม้าสีดำที่คุณชายสามเซิ่งขี่ยืนเคียงข้างม้าสีแดงพุทราที่ลั่วเซิงขี่ เทียบกับความตื่นเต้นดีใจของเจ้าของแล้ว ม้าสีดำกลับสงบนิ่งกว่ามาก
หงโต้วเบ้ปาก “ปีที่แล้วคุณหนูของเราล่าเสือดาวน้อยตัวหนึ่งได้เชียวนะเจ้าคะ”
คุณชายสามเซิ่งตะลึง “น้องลั่ว เจ้าล่าเสือดาวน้อยได้จริงหรือ”
ลั่วเซิงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ
นางจะรู้ได้อย่างไรว่าปีที่แล้วคุณหนูลั่วล่าเสือดาวได้หรือไม่ หงโต้วบอกว่าล่าได้ก็คือได้
คุณชายสามเซิ่งตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด “น้องลั่วเก่งเกินไปแล้ว… เนื้อเสือดาวอร่อยกว่าเนื้อกวางหรือไม่”
หงโต้ว “…” นางคิดว่าคุณชายจะตกตะลึงกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของคุณหนูเสียอีก คิดไม่ถึงว่าเป็นเพราะเรื่องกิน
เสียงแตรดังขึ้น ทหารม้าหลายกลุ่มรีบเร่งทะยานไปทุกทิศทาง
ลึกเข้าไปในป่าทึบ เสียงนกหวีดดังขึ้น
กวางหลายกลุ่มวิ่งทะยานไปบนทุ่งหญ้าในป่า ดึงดูดสัตว์ป่ามามากกว่าเดิม
เมื่อวงล้อมเล็กลง ฝูงกวางก็เริ่มวิ่งด้วยความมตื่นตระหนก สัตว์ร้ายพากันไล่ล่าอย่างดุเดือด
มองดูฉากนี้จากที่ไกลๆ ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นดีใจ
งานล่าสัตว์หนึ่งปีมีหนเพิ่งเริ่มขึ้นอย่างแท้จริง
“ฝ่าบาท โปรดยิงดอกแรก”
ตามคำเชิญของขุนนาง จักรพรรดิหย่งอันรับธนูที่ขันทีส่งมา ควบม้าทะยานออกไป
ธนูลูกหนึ่งพุ่งออกไปราวกับดาวตก โดนกวางตัวผู้เข้าจังๆ
เสียงโห่ร้องยินดีดังขึ้นในหมู่ผู้คน
“รัชทายาท โปรดยิงนัดต่อไป”
เว่ยเชียงมือรั้งสายบังเหียน มองไปที่จักรพรรดิหย่งอัน
“ไปเถอะ” จักรพรรดิหย่งอันพยักพระพักตร์เบาๆ
เว่ยเชียงควบม้าทะยานออกไป เขาเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ง้างธนูแล้วยิงออกไป
ลูกธนูพุ่งไปข้างหน้า ยิงโดนกระต่ายสีขาวตัวหนึ่ง
ทุกคนโห่ร้องยินดีอีกครั้ง
แม้การยิงกวางตัวผู้และกระต่ายสีขาวจะไม่สง่างามเหมือนยิงสัตว์ดุร้าย แต่ธนูดอกแรกไม่ต้องการความยิ่งใหญ่เพียงนั้น
ขอแค่ยิงไม่พลาดเพื่อเป็นการเริ่มต้นที่ดีก็พอแล้ว
ต่อมาถึงคราวเว่ยหาน
หากเป็นเมื่อก่อนมีผิงหนานอ๋องอยู่ด้วย ผิงหนานอ๋องอาวุโสกว่า เขาย่อมต้องยิงก่อนไคหยางอ๋อง แต่ปีนี้เกิดเรื่องในจวนผิงหนานอ๋องจึงไม่มีใครมาสักคน
ในขบวนล่าสัตว์ นอกจากฮ่องเต้และรัชทายาทแล้ว ผู้ที่มีศักดิ์สูงส่งลำดับถัดมาย่อมคือไคหยางอ๋อง
ชุดสีแดงเข้ม ม้าสีขาว
ชายหนุ่มงดงามหน้าตาจริงจังมือถือธนูควบม้าทะยานหาสัตว์ดุร้ายที่กำลังวิ่ง ดูน่าทึ่งนัก
ทุกคนกลับนึกถึงชายหนุ่มรักอิสระไม่เคร่งครัดในประเพณีในชุดสีสดบนม้าเกรี้ยวกราดไม่ออก มีเพียงรูปลักษณ์ที่กล้าหาญของม้าเหล็กติดอาวุธเท่านั้น
มีคนอดพูดเสียงเบาไม่ได้ว่า “ไคหยางอ๋องคงไม่ได้จะล่าเสือหรือเสือดาวหรอกนะ”
“ด้วยความสามารถของไคหยางอ๋อง การล่าเสือหรือเสือดาวนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าคงไม่ค่อยเหมาะสม…”
เมื่อครู่นี้ฮ่องเต้ล่ากวางตัวผู้ได้ รัชทายาทล่ากระต่ายได้ หากไคหยางอ๋องล่าเสือหรือเสือดาว จะไม่เป็นการเหยียบย่ำฮ่องเต้และรัชทายาทหรือ
การล่าเดี่ยวเทียบกับการล่าแบบปิดล้อมที่จะเกิดขึ้นต่อไปไม่ได้ ถือว่าเป็นพิธีส่วนหนึ่งของงานล่าสัตว์ สิ่งที่ควรถ่อมตัวก็ควรถ่อมตัว
มองดูร่างในชุดสีแดงเข้มที่สง่าผ่าเผยร่างนั้น ผู้คนไม่น้อยลอบส่ายศีรษะในใจ ไคหยางอ๋องอายุเพิ่งครบยี่สิบ ถึงอย่างไรเขาก็ยังเด็กและอารมณ์พลุ่งพล่านเกินไป
เว่ยหานย่อมไม่สนใจความคิดของผู้อื่น เขาง้างธนู ลูกธนูลูกหนึ่งพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
สายตาของทุกคนมองตามลูกธนูที่พุ่งออกไป ยังไม่ทันเห็นชัดเจน ลูกธนูก็ปักเหยื่อที่อยู่ไกลออกไปตัวหนึ่งลงบนพื้น
ความเร็วยิ่งยวด ระยะห่างค่อนข้างไกล ทุกคนชูคอยื่นศีรษะก็ยังไม่เห็นว่าไคหยางอ๋องล่าสัตว์อะไรได้
ครานี้ทหารม้าที่รับผิดชอบไล่สัตว์ร้ายตะโกนขึ้นว่า “ท่านอ๋องล่าหมูป่าได้หนึ่งตัว…”
ลมพัดโชยต้นหญ้า ม้างามสะบัดหาง
คนในเหตุการณ์ชะงักงันราวกับกลายเป็นหิน
ฟังผิดไปหรือไม่นะ
ดูจากท่าทางสง่างามยิ่งใหญ่เมื่อครู่นี้ของไคหยางอ๋อง แม้จะไม่ยิงเสือดาวหมาป่าหรือเสือ อย่างน้อยก็ต้องยิงสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งสิ
ยิงหมูป่าตัวหนึ่ง…
องครักษ์ที่รับผิดชอบโดยตรงลากหมูป่าออกไปเก็บไว้เป็นรางวัลสำหรับไคหยางอ๋อง
ทุกคนมองหมูป่าที่ถูกยิงตายซึ่งถูกลากออกไปตัวนั้นเงียบๆ รู้สึกประหลาดใจ
ในสายตาของคนเป่ยฉี ไคหยางอ๋องแห่งต้าโจวเป็นบุคคลที่เป็นดั่งเทพสงคราม สู้เพื่อหน้าของพวกเขาหน่อยไม่ได้หรือ ยิงหมูป่าที่โง่เขลาซุ่มซ่ามแบบนี้ได้อย่างไร!
บรรยากาศที่เงียบสงบเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองที่มองไม่เห็น
จักรพรรดิหย่งอันกระแอมไอเบาๆ เอ่ยว่า “น้องสิบเอ็ดฝีมือดี”
หากหมูป่าดุร้ายขึ้นมา มันจะดุร้ายมาก ระยะห่างที่ไกลขนาดนี้สามารถยิ่งตายด้วยธนูดอกเดียว เห็นได้ว่ายิงโดนจุดสำคัญ
นอกจากจะต้องแม่นแล้ว ยังต้องมีแรงมาก
ฝีมือการยิงธนูของไคหยางอ๋องไร้ที่เปรียบ นี่คือความจริงที่แม้หมูป่าจะเป็นสัตว์ที่หยาบเพียงใดก็มิอาจปกปิดได้
เมื่อได้ยินฮ่องเต้เอ่ยปากชม ทุกคนก็สงบอารมณ์ลงชื่นชมตาม
เสียงแตรดังขึ้น การล่าแบบปิดล้อมของเหล่าขุนนางเริ่มขึ้น
“รอดูข้าล่ากวาง!” คุณชายสามเซิ่งชูธนูขึ้น พุ่งตัวออกไปอย่างตื่นเต้นดีใจ
หงโต้วอยากจะพุ่งตัวออกไปด้วย “คุณหนู เหตุใดท่านไม่ไปเจ้าคะ”
“ไปสิ พวกเจ้าแยกย้ายกันไปก็ดี ล่าสัตว์ได้จะได้เอากลับไปย่างกินกัน”
ลั่วเซิงพูดจบก็เห็นเด็กหนุ่มสองคนขี่ม้าทะยานออกไปแล้ว
คนหนึ่งคือลั่วเฉิน อีกคนคือเสี่ยวชี
หงโต้วเองก็พุ่งตัวออกไปโห่ร้องยินดี
ลั่วเซิงกระตุกบังเหียนเบาๆ ไม่เร็วมากนัก แทนที่จะบอกว่าเป็นการล่าสัตว์ ควรเรียกว่าเดินเล่นมากกว่า
ราวกับว่าม้าสีแดงพุทรารู้สึกเสียศักดิ์ศรี มันสะบัดหางเบาๆ อย่างไม่พอใจ
ม้าสีขาวตัวใหญ่ประชิดเข้ามา
“คุณหนูลั่วไม่เจอสัตว์ที่ชอบหรือ”
ลั่วเซิงหันไปมองเจ้าของม้าสีขาว พูดเสียงราบเรียบว่า “ยังไม่เจอเจ้าค่ะ”
ม้าสองตัวเดินไปข้างหน้าเคียงข้างกัน เสียงสดใสของชายหนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง “คุณหนูลั่วคิดว่าหมูป่าที่ข้าล่าเป็นอย่างไร”
ลั่วเซิงรู้สึกว่าคำถามนี้ตอบยาก นางครุ่นคิดครู่หนึ่งพูดว่า “ยิ่งใหญ่และสง่างาม?”
ร่างในชุดสีแดงเข้มโยกไหวไปมาเล็กน้อย เกือบจะตกลงจากหลังม้า
เมื่อสงบอารมณ์ลง เว่ยหานก็ถามลองเชิงว่า “คุณหนูลั่วคิดว่าเอามาทำขาหมูขอทานเป็นอย่างไร”
เขายังจำตอนที่บังเอิญเจอคุณหนูลั่วระหว่างทางกลับเมืองหลวงได้ เขาเห็นนางกำลังทำขาหมูขอทานพอดี
ขาหมูนั่นส่งกลิ่นหอม นอกจากจะทำให้เขาหยุดฝีเท้าลงแล้ว ยังล่อโจรป่ากลุ่มหนึ่งมารอให้ขาหมูทำเสร็จแล้วจึงโผล่มา
เอ่อ บัดนี้เจ้าเด็กหน้าดำคนนั้นในกลุ่มโจรป่ายังติดตามคุณหนูลั่วมาล่าสัตว์ด้วยอยู่เลย
“ท่านอ๋องอยากกินขาหมูขอทานหรือ”
มองดูเด็กสาวที่มีสีหน้าเยือกเย็น เว่ยหานก็ถอนหายใจเบาๆ เอ่ยว่า “ก็แค่ข้อเสนอแนะ คุณหนูลั่วจะทำอะไรข้าก็กินทั้งนั้น”