ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 214 หมูป่าที่ได้รับความนิยม
ตอนที่ 214 หมูป่าที่ได้รับความนิยม
Ink Stone_Romance
เฉาฮวาไม่ได้วางจอกชาใบนั้นลง เมื่อได้ยินคำพูดของเว่ยเชียง มือก็กระตุกทำน้ำชาหกใส่เขา
“ฝ่าบาทโปรดประทานอภัยเพคะ” เฉาฮวาคุกเข่า ก้มศีรษะจ้องพื้นเขม็งเพื่อซ่อนความโกรธที่พลุ่งพล่านขึ้นมาในดวงตาของนาง
เขาบังอาจเปรียบเทียบคุณหนูลั่วกับท่านหญิง!
นี่เป็นเพราะเห็นนางอายุมากแล้ว ไม่สามารถคิดถึงท่านหญิงผ่านนางได้แล้วหรือ
ไหนว่ารักท่านหญิงใจเดียว หากเขารักษาตนบริสุทธิ์ดั่งหยกหลังจากที่ท่านหญิงจากไป บางทีนางอาจจะมองเขาสูงกว่านี้
แต่เขากลับคิดถึงท่านหญิงพลางแต่งงานและรับนางสนมอื่น เสพสุขกับเกียรติยศของรัชทายาท
ไม่ขาดเลยแม้แต่อย่างเดียว
สำหรับเรื่องนี้แล้ว เฉาฮวาได้แต่ยิ้มหยัน
เว่ยเชียงมองเฉาฮวาที่หมอบกับพื้น ปัดน้ำที่เลอะบนเสื้อผ้า พูดเสียงราบเรียบว่า “ไม่เป็นไร ลุกขึ้นเถิด”
เฉาฮวาลุกขึ้นเงียบๆ
“อวี้เหนียง เจ้ายังไม่ตอบคำถามข้า”
เฉาฮวาเงยหน้าสบตาเว่ยเชียง ย้อนถามด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เหตุใดฝ่าบาทจึงคิดว่าคุณหนูลั่วเหมือนท่านหญิงเล่าเพคะ”
เว่ยเชียงมองประตูกระโจมทอง พูดเสียงเบาว่า “ก็แค่จู่ๆ รู้สึกว่าเหมือนน่ะ”
“หม่อมฉันคิดว่าไม่เหมือนแม้แต่น้อย” น้ำเสียงเฉาฮวามุ่งมั่น
ไม่ว่าคุณหนูลั่วเป็นคนอย่างไร นางก็ไม่อยากเห็นชายคนนี้ทำร้ายผู้อื่นอีก
“ไม่เหมือนหรือ” เว่ยเชียงพึมพำน้ำเสียงเจือความผิดหวัง
“ไม่เหมือนแน่นอนเพคะ” เฉาฮวาสบตาเขาครู่หนึ่ง พูดขึ้นทีละคำว่า “ท่านหญิงมีเพียงหนึ่งเดียว”
เว่ยเชียงสั่นสะท้าน สีเลือดบนริมฝีปากจางหายไปหมด
อวี้เหนียงพูดถูก ลั่วเอ๋อร์มีเพียงหนึ่งเดียว
หากไม่ใช่เช่นนี้ หลายปีนี้เขาก็คงไม่ทุกข์ทรมานเช่นนี้
“อวี้เหนียง ข้าอยากพักสักครู่ เจ้าช่วยข้านวดศีรษะที”
“ฝ่าบาทถอดเสื้อผ้าก่อนเถอะเพคะ”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ข้าปวดศีรษะมาก เจ้าช่วยข้านวดก่อน” เว่ยเชียงนอนลงบนตักของเฉาฮวาก่อนจะหลับตาลง
ปลายนิ้วเย็นๆ แตะลงบนหน้าผากของชายหนุ่ม อ่อนโยนและเชื่องช้า ท่าทางเชี่ยวชาญ
ภายในใจของเฉาฮวากลับไม่ได้สงบนิ่งเหมือนภายนอก
เห็นทีชายคนนี้ไปหาคุณหนูลั่วมาจริงๆ
เหตุใดเขาจึงรู้สึกว่าคุณหนูลั่วเหมือนท่านหญิงนะ
เห็นอะไรเข้าหรือ
ทันทีที่คิดถึงเว่ยเชียงนำคุณหนูลั่วมาเปรียบเทียบกับท่านหญิง เฉาฮวาก็รู้สึกโมโห
ท่านหญิงตายไปแล้ว หลอกตนเองและผู้อื่นเช่นนี้ไม่น่าขันหรือ
แต่เมื่อคิดถึงซิ่วเย่ว์ นางก็รู้สึกสับสน
วันนั้น ซิ่วเย่ว์สุภาพและนอบน้อมต่อคุณหนูลั่วมาก
ไม่ใช่การแสดงความเคารพเพียงผิวเผิน แต่เป็นการแสดงความเคารพจากใจจริง แม้ซิ่วเย่ว์จะพยายามฝืนบังคับตนเอง ก็รอดพ้นจากสายตานางไปไม่ได้
นั่นเป็นความเคารพที่มีต่อท่านหญิงเท่านั้น
เฉาฮวากัดริมฝีปากแน่น
จะคิดเพ้อเจ้อต่อไปไม่ได้ รัชทายาททำให้นางสับสนไปหมดแล้ว…
วันต่อมา เฉาฮวากินข้าวต้มสองคำแล้ววางตะเกียบลง
“ทำไมไม่กินอีกหน่อยเล่า” เว่ยเชียงที่ดูเหมือนกลับมาเป็นปกติแล้วถามด้วยความห่วงใย
เฉาฮวายกมือขึ้นช่วยเขาผูกเชือกเสื้อคลุม พูดอย่างไม่ใส่ใจนักว่า “หม่อมฉันกินน้อยมาตลอด ฝ่าพระบาทอย่าได้กังวลเลยเพคะ”
กินน้อยหรือ
เว่ยเชียงอดคิดถึงชามลายครามขนาดใหญ่ที่ใส่บะหมี่น้ำแกงเปรี้ยวชามนั้นไม่ได้
“หากรู้สึกเบื่อ ก็ให้นางกำนัลพาออกไปเดินเล่นรอบๆ รอข้ากลับมา” เว่ยเชียงจับมือเฉาฮวา เดินสาวเท้าออกไป
การล่าสัตว์ในวันนี้ไม่ได้ต่างจากวันแรก
ยังคงเป็นคนเหล่านั้นขี่ม้างาม แบกธนู และวิ่งทะยานบนทุ่งหญ้าไร้ที่สิ้นสุด
ม้างามที่ทะยานไปข้างหน้า ทำให้ฝูงนกแตกตื่น บินข้ามท้องฟ้าสีคราม
ฝูงกวาง กระต่ายและสัตว์ร้ายที่เคยถูกไล่ล่าในวันแรกวิ่งหนีไปทั่วสารทิศ
ไม่สิ มีส่วนที่ไม่เหมือนกัน
จักรพรรดิหย่งอันประทับตรงบนหลังม้า สีหน้าประหลาดใจ
ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือไม่ เหตุใดเขาจึงรู้สึกว่าวันนี้เหล่าขุนนางที่มาล่าสัตว์เมินเฉยต่อกวางที่วิ่งไปมาต่อหน้าเหล่านั้นนะ
กับกระต่ายก็เช่นกัน
กับสัตว์ร้าย… เอ่อ คนทั่วไปจัดการไม่ได้ ทำได้เพียงเมินเฉย
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านี้ที่ขี่ม้าอย่างไร้จุดหมายนะ
จักรพรรดิหย่งอันนึกสงสัย เฝ้ามองเงียบๆ
จู่ๆ ก็มีหมูป่าตัวหนึ่งโผล่มาจากไหนไม่ทราบ
“หมูป่า!” ผู้ที่ส่งเสียงอุทานมีถึงเจ็ดแปดคน
ขนาดจักรพรรดิหย่งอันซึ่งอยู่ไกลออกไปยังได้ยินเสียงชัดเจน
จากนั้น สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่าก็เกิดขึ้น
เขาเห็นเพียงคนกลุ่มหนึ่งที่เดิมขี่ม้าอย่างไร้จุดหมายยกธนูขึ้นและยิงธนูออกไป
แม้ผู้คนรู้สึกว่าหมูป่าโง่เขลา แต่ในความเป็นจริงกลับเป็นสัตว์ร้ายที่มีไหวพริบและว่องไวยิ่ง
ทว่าจะมีไหวพริบเพียงใด จะดุร้ายเพียงใดก็ต้านทานธนูที่พุ่งเข้ามาเหมือนห่าฝนไม่ได้
สงสารหมูป่าที่เพิ่งโผล่มาก็ถูกยิงจนกลายเป็นเม่นในพริบตา มันนอนชักกระตุกบนพื้น ลูกธนูมากมายที่อยู่บนตัวของมันทำให้จักรพรรดิหย่งอันตกตะลึงไป
เจ้าหมูป่าตัวนี้… น่าเวทนาจริงๆ
“ข้าเป็นคนยิงโดน!” ไม่รู้เสียงของใครดังขึ้น ม้างามพุ่งเข้าหาหมูป่าปานสายฟ้าฟาด
คนอื่นหน้าเปลี่ยนสี
แย่แล้ว เจ้าคนหน้าด้านจะมาแย่งรางวัลแล้ว!
เมื่อเห็นรองเจ้ากรมราชรถหวังทะยานไปหาหมูป่า คนอื่นก็พากันตะโกนว่า “รองเจ้ากรมหวังช้าก่อน ข้าเป็นคนล่าหมูป่าได้นะ!”
ไม่นานทุกคนก็ล้อมรองเจ้ากรมหวังและหมูป่าเอาไว้
คิดจะเอาหมูป่าไปรึ ฝันไปเถอะ!
รองเจ้ากรมหวังมองทุกคนที่คิดจะแย่งรางวัลอย่างระแวดระวัง “ข้าเป็นคนยิงดอกแรก”
ไม่รู้ใครหัวเราะขึ้นมา “ยิงดอกแรกจะมีประโยชน์อะไร รองเจ้ากรมหวัง ด้วยความสามารถของท่าน อยากล่าหมูป่าคงเป็นเรื่องยากนะ”
รองเจ้ากรมหวังโมโหจนเคราสั่น
นี่ไม่ใช่คำพูดเหลวไหลหรือ หากเขาสามารถยิงหมูป่าตัวหนึ่งได้คนเดียว ยังจะพุ่งมาทำไมอีก
ช่วยไม่ได้ เขาตำแหน่งต่ำต้อย ด่ากลับไปไม่ได้ ทำได้เพียงถอยให้ก้าวหนึ่งพูดว่า “เช่นนั้นอย่างน้อยข้าก็ควรได้แบ่งขาหมูขาหนึ่ง…”
คำพูดนี้ทำให้หลายๆ คนฉุกคิดได้ทันที
ทุกคนชักดาบยาวที่เอวออกมา ฟันหมูป่าที่ตายไปแล้วกันอุตลุด
คุณชายสามเซิ่งที่ดูความสนุกอยู่ไกลๆ ลูบคางเบาๆ พึมพำว่า “ภาพนี้คุ้นตาจริงๆ…”
จักรพรรดิหย่งอันเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็เรียกขันทีภักดีมา “โจวซาน”
โจวซานผู้ติดตามจักรพรรดิหย่งอันขานตอบทันที “พ่ะย่ะค่ะ”
“ไปถามซิว่าเกิดอะไรขึ้น”
ขุนนางเหล่านี้คงไม่ได้เสียสติกันหมดแล้วหรอกนะ
ไม่นาน โจวซานก็กลับมา
“ทูลฝ่าบาท ใต้เท้าสองสามท่านบอกว่าเป็นเพราะมีคนครัวคนหนึ่งถนัดทำอาหารชื่อขาหมูขอทาน พวกเขาคิดจะส่งวัตถุดิบไปขอให้แม่ครัวใหญ่ช่วยทำพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิหย่งอันขมวดคิ้ว “เหตุใดเราจึงไม่รู้ว่ามีพ่อครัวหลวงถนัดทำอาหารจานนี้”
“คนครัวท่านนี้ไม่ใช่พ่อครัวหลวง แต่คือแม่ครัวใหญ่ที่คุณหนูลั่ว บุตรสาวของแม่ทัพใหญ่ลั่วพามาพ่ะย่ะค่ะ”
จักพรรดิหย่งอันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
วันนั้นวันพักเท้าไม่เห็นไคหยางอ๋องและลั่วฉือ รัชทายาทเองก็บอกว่าพวกเขาไปหาคุณหนูลั่วในเวลาทานข้าว
เป็นเพราะแม่ครัวที่คุณหนูลั่วพามาเหมือนกันหรือ
จักรพรรดิหย่งอันอยากรู้จึงสั่งโจวซานว่า “ไปบอกลั่วฉือ เมื่อถึงเวลาอาหารให้ส่งขาหมูขอทานขาหนึ่งมาด้วย”
โจวซานที่ได้รับบัญชารีบไปหาแม่ทัพใหญ่ลั่ว ทว่าขณะที่กำลังตามหาก็เห็นแม่ทัพใหญ่ลั่วกำลังยกธนูไล่สังหารหมูป่าตัวหนึ่งอยู่
“แม่ทัพใหญ่ลั่ว…”
แม่ทัพใหญ่ลั่วขี่ม้าวิ่งมาตรงหน้าโจวซาน “โจวกงกงมีอะไรหรือ”
เมื่อได้ฟังโจวซานพูด แม่ทัพใหญ่ลั่วก็ชะงักงันไป
ชื่อเสียงของแม่ครัวใหญ่ที่เซิงเอ๋อร์พามาดังไปถึงพระกรรณของฝ่าบาทแล้วหรือ
แย่แล้ว หากฝ่าบาทได้เสวยขาหมูขอทานแล้วแต่งตั้งแม่ครัวใหญ่เป็นแม่ครัวหลวงจะทำอย่างไร
หอสุราของเซิงเอ๋อร์ก็ต้องปิดตัวลงสิ!