ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 220 เรื่องในใจ
ตอนที่ 220 เรื่องในใจ
“ถวายพระพรกุ้ยเฟยเพคะ” เฉาฮวาย่อเข่าคารวะ
เซียวกุ้ยเฟยหลุบตามองเฉาฮวา พูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “ลุกขึ้นเถิด”
เฉาฮวายืดกายตรง หลุบตายืนอยู่ที่เดิมรอให้เซียวกุ้ยเฟยไปก่อน
เซียวกุ้ยเฟยกลับอยากสนทานาด้วย นางพูดขึ้นว่า “เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นอวี้เสวี่ยนซื่อออกมา”
เฉาฮวาตอบอย่างสุภาพ “ทูลเหนียงเหนียง ก่อนหน้านี้องค์รัชทายาทพาหม่อมฉันไปหาคุณหนูลั่วเพคะ”
“หืม?” คิ้วอันงดงามของเซียวกุ้ยเฟยเลิกขึ้นเล็กน้อย “ไปหาแม่ครัวนั่นหรือ”
เมื่อเห็นสีหน้าเฉาฮวาชะงักงัน เซียวกุ้ยเฟยก็ยิ้ม “ข้ากำลังจะไปหาคุณหนูลั่วพอดี อวี้เสวี่ยนซื่อไปกับข้าเถิด”
“เพคะ” เฉาฮวาก้มหน้าเดินตามหลังเซียวกุ้ยเฟย ปกปิดความสุขที่เผยในดวงตา
แม้รัชทายาทอนุญาตก่อนแล้ว แต่กุ้ยเฟยพานางไปด้วยยิ่งเป็นเรื่องดี
นางนอนไม่หลับทั้งคืน แทบจะไม่ได้หลับตาเลย วันนี้ต้องเจอคุณหนูลั่วให้ได้
แต่หากคุณหนูลั่วคือท่านหญิงจริงๆ เล่า
ยิ่งเป็นเช่นนี้ นางยิ่งต้องระมัดระวัง ประมาทไม่ได้เด็ดขาด
หากคุณหนูลั่วคือท่านหญิง นางไม่ต้องการทำให้ท่านหญิงตกอยู่ในความเสี่ยงที่อาจทำให้ผู้อื่นจับได้
“อวี้เสวี่ยนซื่อติดตามรัชทายาทตั้งแต่ตอนที่รัชทายาทยังอยู่จวนผิงหนานอ๋องใช่หรือไม่” ระหว่างทาง เซียวกุ้ยเฟยถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก
“เพคะ”
เซียวกุ้ยเฟยยิ้ม “มิน่าเล่าอวี้เสวี่ยนซื่อถึงดูมีอายุใกล้เคียงกับข้า”
เฉาฮวารีบเอ่ย “เหนียงเหนียงกล่าวขบขันไปแล้ว พระองค์ยังทรงอ่อนเยาว์ หม่อมฉันอายุจะสามสิบแล้วเพคะ”
“เช่นนั้นหรือ” เซียวกุ้ยเฟยมองเฉาฮวาอย่างพินิจพิเคราะห์ น้ำเสียงประหลาดใจ “อวี้เสวี่ยนซื่อดูเหมือนมีอายุเพียงยี่สิบต้นๆ เท่านั้น”
เมื่อก่อนนางไม่เคยสังเกตเลย
เสวี่ยนซื่อคนหนึ่งของรัชทายาทยังไม่มีคุณสมบัติพอให้นางสังเกต เป็นเพราะเมื่อไม่นานมานี้ชายารัชทายาทก่อเรื่อง อวี้เสวี่ยนซื่อท่านนี้จึงเข้ามาอยู่ในสายตาของนาง
เมื่อสังเกตแล้ว กลับทำให้นางทอดถอนใจกับสิทธิพิเศษที่กาลเวลาปฏิบัติต่อสตรีนางนี้
เล็บของเซียวกุ้ยเฟยที่ได้รับการดูแลอย่างดีลูบแก้มของตนเองเบาๆ
ใบหน้าขาวเนียนและอวบอิ่มอย่างที่อวี้เสวี่ยนซื่อกล่าว นางอยู่ในช่วงวัยที่สตรีมีรูปร่างหน้าตาดีที่สุด
แต่อีกหลายปีข้างหน้าเล่า
นางเคยสวมเสื้อผ้าอาภรณ์หรูหราที่สุด เคยลิ้มรสอาหารรสเลิศและเคยใช้ของที่หรูหราที่สุด แต่เกรงว่าสิ่งเหล่านี้จะหายไปในที่สุดตามรูปโฉมที่แก่ชราลง
สำหรับนางสนมในวังแล้ว การไม่มีบุตรนับเป็นความโศกเศร้าที่สุด
อวี้เสวี่ยนซื่อท่านนี้กลับไม่เหมือนผู้อื่น
กระโจมของลั่วเซิงอยู่ไม่ไกลจากกระโจมทองของเซียวกุ้ยเฟยนัก บัดนี้นางกำลังเรียนทำมงกุฎดอกไม้กับลั่วเย่ว์
“พี่สาม พี่ทำผิดแล้ว ต้องทำอย่างนี้…” ลั่วเย่ว์เยาะเย้ยมงกุฎดอกไม้ที่ลั่วเซิงทำอย่างไม่เกรงใจ
หงโต้วยิ้มหยัน
คุณหนูสี่คงลืมไปแล้วว่าเคยถูกคุณหนูเฆี่ยนด้วยแส้เพราะไม่เชื่อฟัง
สามวันไม่โดนตี ต่อไปคงรื้อกระเบื้องหลังคา สุภาษิตนี้ไม่ผิดเลย
จะว่าไปแล้ว เหตุใดคุณหนูจึงไม่ชอบใช้แส้แล้วนะ
สาวใช้มองแส้ที่มัดบริเวณเอวของเจ้านายแล้วจมอยู่ในความคิด
ลั่วเย่ว์ชี้แนะเคล็ดลับการทำมงกุฎดอกไม้ให้ลั่วเซิงอย่างอดทน ลั่วฉิงยื่นดอกไม้สองดอกที่เลือกมาให้น้องทั้งสองคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เซียวกุ้ยเฟยเห็นฉากนี้จากไกลๆ อดชะงักฝีเท้าไม่ได้
นางจำได้ว่าแม่ทัพใหญ่ลั่วมีบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอกเพียงคนเดียว ซึ่งก็คือคุณหนูลั่ว
ต่างพูดกันว่าคุณหนูลั่วโอหังอวดดีและกำเริบเสิบสาน ที่แท้รักใคร่กลมเกลียวกับพี่น้องคนละแม่เช่นนี้
“เหนียงเหนียง…” ขันทีทำความเคารพ
เซียวกุ้ยเฟยพยักหน้าเล็กน้อย
“กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเสด็จ…” ขันทีตะโกน
ญาติสตรีที่กำลังเดินเล่นอยู่ใกล้ๆ ได้ยินเสียงตะโกนนี้ต่างพากันล้อมเข้ามาคารวะ
เซียวกุ้ยเฟยพยักหน้าอย่างสำรวม “ข้าแค่มาเดินเล่น ฮูหยินทุกท่านมิต้องมากพิธี”
ทุกคนเข้าใจทันที กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงมาขอข้าวกินที่คุณหนูลั่ว คนอื่นอยากทำอะไรก็เชิญตามสบาย อย่ามารบกวน
ไม่ใช่เพราะพวกนางมีไหวพริบ แต่เป็นเพราะหลายวันที่ผ่านมานี้ รัชทายาทและไคหยางอ๋องมาเป็นประจำจนพวกนางชินแล้ว
ทุกคนแยกย้ายอย่างรู้งาน เพื่อไม่รบกวนกุ้ยเฟย
“ถวายพระพรกุ้ยเฟยเพคะ”
“คุณหนูลั่วทำตัวตามสบาย วันนี้ไม่ได้ไปล่าสัตว์หรือ” เซียวกุ้ยเฟยเดินเข้าไปหา
“วันนี้อยากพักผ่อนเพคะ ไม่คิดว่ากุ้ยเฟยจะเสด็จมาที่นี่”
เซียวกุ้ยเฟยยิ้ม “เมื่อวานข้าได้กินไก่ขอทานที่แม่ครัวของคุณหนูลั่วทำ รู้สึกถูกปากมาก ก็เลยมาขอบใจคุณหนูลั่ว”
“หม่อมฉันมิบังอาจรับไว้เพคะ” ลั่วเซิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงถ่อมตน สีหน้าสงบนิ่ง “พระองค์อยากเสวยอะไรสั่งคนมาบอกก็พอ ตราบใดที่เป็นอาหารที่อาซิ่วทำได้ หม่อมฉันจะให้นางทำและส่งไปให้พระองค์เพคะ”
เซียวกุ้ยเฟยตาเป็นประกายเล็กน้อย “เอ่อ แม่ครัวของคุณหนูลั่วชื่ออาซิ่วหรือ”
“เพคะ นางชื่ออาซิ่ว”
เซียวกุ้ยเฟยพยักหน้า “ข้าจำไว้แล้ว ไม่รู้ว่าให้ข้าเห็นหน้าแม่ครัวที่สามารถทำอาหารเลิศรสสักเล็กน้อยได้หรือไม่”
ลั่วเซิงยิ้ม “นั่นเป็นเกียรติของนาง หงโต้ว ไปเรียกอาซิ่วมา”
ไม่นานสตรีหน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่งก็ปรากฏกายตรงหน้าเซียวกุ้ยเฟย
ดวงตาสดใสของเซียวกุ้ยเฟยหยุดอยู่ที่ใบหน้าของซิ่วเย่ว์ครู่หนึ่ง ประหลาดใจเล็กน้อย
คิดไม่ถึงเลยว่าแม่ครัวจะมีหน้าตาอัปลักษณ์เช่นนี้ เป็นคนที่เสียโฉมเสียแล้ว
ทว่าท่าทางนอบน้อมถ่อมตนและสุภาพของอีกฝ่ายทำให้นางรู้สึกดีเล็กน้อย
“วันนี้จะทำไก่ขอทานอีกหรือไม่” เซียวกุ้ยเฟยมองซิ่วเย่ว์เสร็จก็ถามลั่วเซิง
“เตรียมไว้สองสามตัวเพคะ”
“ข้าอยากดูว่าทำอย่างไร”
ปีนั้น นางกินไก่ที่สาวใช้ยกมาให้อย่างเอร็ดอร่อย ไม่ได้สนใจว่าสาวใช้ตัวน้อยที่ไม่มีเจ้านายหนุนหลังได้อาหารจานนี้มาได้อย่างไร
เวลาต่อมานางอยากถาม แต่กลับไม่มีโอกาสอีกแล้ว
นั่นคือความอบอุ่นเพียงหนึ่งเดียวในวัยเด็ก น่าเสียดายที่มันสั้นเกินไป
“อาซิ่ว เจ้าไปทำไก่ขอทานสองสามตัวให้เหนียงเหนียงดูเถอะ”
ซิ่วเย่ว์ย่อเข่าให้เซียวกุ้ยเฟยเล็กน้อย “เชิญเหนียงเหนียงตามข้าน้อยมา”
สถานที่ทำอาหารห่างจากกระโจมระยะหนึ่ง
เซียวกุ้ยเฟยตามซิ่วเย่ว์ไป นางกำนัลกลุ่มหนึ่งตามไปด้วย
เพียงพริบตาก็เหลือเพียงเฉาฮวายืนอยู่ที่เดิม
ลั่วเซิงมองนาง
เฉาฮวาสบตานาง สายตาซ่อนแววค้นหา
นางได้ยินคำพูดเหล่านั้นของซิ่วเย่ว์แล้วสับสน หัวใจว้าวุ่น กระทั่งอยากโน้มน้าวตนเองให้เชื่อไปอย่างง่ายดาย
จงเชื่อเถิด ตราบใดที่ท่านหญิงยังอยู่ นางก็จะได้เป็นเฉาฮวาที่แท้จริง ไม่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมานเช่นนี้
แต่เมื่อยืนต่อหน้าคุณหนูลั่วเข้าจริงๆ เห็นสตรีที่หน้าตาไม่เหมือนท่านหญิงเลยแม้แต่น้อย จะให้นางเชื่อว่าคนตรงหน้าคือท่านหญิงได้อย่างไร
ยืมศพคืนชีพ มีจริงๆ หรือ
“อวี้เสวี่ยนซื่อไม่ไปดูหรือ” ลั่วเซิงเดินไปหาเฉาฮวา
มองดูเด็กสาวที่เดินเข้ามา เฉาฮวาก็รู้สึกสับสนโดยไม่ทราบสาเหตุ
“ไป…”
“เช่นนั้นให้ข้าไปเป็นเพื่อนอวี้เสวี่ยนซื่อเถอะ”
ลั่วเซิงยิ้ม เดินเคียงข้างเฉาฮวาไปอย่างเป็นธรรมชาติ
มีไฟลุกโชนตรงหน้า แต่ถูกเหล่านางกำนัลที่เซียวกุ้ยเฟยพามาบังไว้ เผยให้เห็นเพียงมุมๆ หนึ่ง
เสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยินดังขึ้น “ยังจำหยางจุ่นได้หรือไม่”
หยางจุ่นคือคู่หมายของซิ่วเย่ว์ พวกเขาสองคนรักกัน
แต่ไม่มีใครรวมทั้งนางรู้ว่าก่อนที่หยางจุ่นจะกลายเป็นคู่หมั้นของซิ่วเย่ว์ เฉาฮวาแอบมีใจให้เขา
วันที่ประกาศซิ่วเย่ว์หมั้นหมายกับหยางจุ่น นางบังเอิญเห็นเฉาฮวาตัดสายรัดที่ผูกไว้บนต้นกระวาน
เฉาฮวาเห็นว่าตนเองถูกนางจับได้ก็ขอร้องนางอย่าบอกให้ซิ่วเย่ว์รู้
“แม้บ่าวจะชอบหยางจุ่นมานาน แต่บ่าวก็แอบชอบเขาข้างเดียว บัดนี้น้องซิ่วเย่ว์หมั้นหมายแล้ว บ่าวก็ควรปล่อยเขาไป”