ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 221 แลกเปลี่ยน
ตอนที่ 221 แลกเปลี่ยน
จนถึงตอนนี้ ลั่วเซิงยังจำท่าทางตอนที่เฉาฮวาพูดประโยคนี้ได้
จนตรอกและอับอายเล็กน้อย แต่ที่มากกว่านั้นคือความสงบ
นางย่อมพยักหน้ารับปากว่าจะรักษาความลับนี้ให้นาง
นางรู้ว่าด้วยนิสัยของเฉาฮวา นางจะไม่พูดถึงชายหนุ่มคนนั้นอีก ไม่ว่านางจะปล่อยผู้ชายคนนั้นไปได้จริงๆ หรือไม่ก็ตาม
นั่นไม่ใช่เพียงแค่มิตรภาพที่เฉาฮวามีต่อซิ่วเย่ว์ แต่ที่มากกว่านั้นคือศักดิ์ศรีของผู้หญิงคนหนึ่ง
หากไม่ใช่เพราะต้องการให้เฉาฮวาเชื่อว่านางก็คือท่านหญิงชิงหยาง นางคงไม่พูดถึง
หลังจากที่ลั่วเซิงถามคำถามนี้ เฉาฮวาก็สะดุด หยุดเดินกะทันหัน
“เสวี่ยนซื่อ ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ” ชิงเอ๋อร์ที่เดินตามอยู่ข้างหลังรีบเดินเข้ามา
เฉาฮวาจับกระโปรงข้างหนึ่งขึ้น สีหน้าเจ็บปวด “เท้าแพลง”
อาจจะเป็นเพราะเจ็บเกินไป น้ำตาจึงไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัว
“นะ นี่จะทำอย่างไรดี” คิดได้ว่าอยู่ข้างนอก ชิงเอ๋อร์ก็วิตกเล็กน้อย
“ประคองเสวี่ยนซื่อไปที่กระโจมข้าก่อนเถอะ เจ้าไปเชิญหมอหลวงมาให้เสวี่ยนซื่อพวกเจ้า” ลั่วเซิงจัดการทุกอย่างเรียบร้อย
ชิงเอ๋อร์อดมองเฉาฮวาไม่ได้
เฉาฮวาขมวดคิ้วพยักหน้า “ไปเถอะ”
“เช่นนั้นท่านทนหน่อยนะเจ้าคะ บ่าวจะไปเชิญหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้”
ลั่วเซิงเอ่ยปากสั่ง “หงโต้ว ประคองอวี้เสวี่ยนซื่อเข้าไปในกระโจม”
“เจ้าค่ะ” หงโต้วขานตอบเสียงใส กวาดตามองเฉาฮวาที่อ่อนแอปวกเปียกแล้วอุ้มเฉาฮวาขึ้นมา
นอกจากชิงเอ๋อร์ เฉาฮวายังพานางกำนัลมาอีกสี่คน บัดนี้ล้วนตาโตอ้าปากค้าง
จนเมื่อหงโต้วเดินเข้าไปราวกับพายุและออกมาราวกับพายุ ทั้งสี่จึงเพิ่งตื่นจากภวังค์ ก้าวเท้าทำท่าจะเข้าไปในกระโจม
“ช้าก่อน!” หงโต้วยื่นมือไปขวางไว้ “คุณหนูของเราไม่ชอบคนมากมายเข้าไปในกระโจมของนาง ทั้งสี่ท่านยืนรอข้างนอกเถอะ”
นางกำนัลคนหนึ่งอดพูดไม่ได้ว่า “นี่มันผิดกฎนะ…”
“กฎหรือ” เสียงของหงโต้วดังขึ้น “ผิดกฎอย่างไร นี่คือกระโจมพักผ่อนของคุณหนูเรา ไม่ได้ซ่อนผู้ชายป่าเถื่อนไว้เสียหน่อย ผิดกฎอย่างไรกัน”
ทั้งสี่ได้ยินแล้วหน้าเปลี่ยนสี
ผู้ชายป่าเถื่อน? นะ… นี่มันคำพูดอะไรกัน!
สาวใช้กลับยังพูดไม่จบ “จงรู้ไว้ว่าเสวี่ยนซื่อพวกเจ้าทำเท้าตนเองแพลง คุณหนูของเราใจดีช่วยเหลือผิดด้วยหรือ หากคิดว่าผิดกฎ พวกเจ้าก็แบกเสวี่ยนซื่อพวกเจ้ากลับไปสิ!”
เมื่อเสียงของสาวใช้ดังขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสี่ก็เกือบจะคุกเข่าลง
“ท่านพี่อย่าได้โมโห พวกเราพูดผิดเอง”
หงโต้วกลอกตา “ต้องแบบนี้สิ”
เรียกใครท่านพี่กัน น่ารำคาญจริงๆ!
นางกำนัลทั้งสี่ไม่กล้าพูดอะไรอีก มองหน้ากันไปมา
สาวใช้โอหังอวดดีคนนี้มีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไรนะ
สำหรับคนต่ำต้อยเช่นพวกเขาแล้ว ไม่ควรเข้าวังจริงๆ ที่แท้อยู่ข้างนอกทำตัวกำเริบเสิบสานได้ถึงเพียงนี้
หงโต้วผู้ทำหน้าที่เป็นเทพเฝ้าประตูย่อมไม่เกรงกลัวผลลัพธ์จากการทำให้ผู้อื่นขัดเคืองแม้แต่น้อย
นางกำนัลที่อยู่ในวังก็ทำได้เพียงกวาดใบไม้แห้งพวกนี้ จะขัดเคืองไปก็ไม่เป็นไรหรอก
ในกระโจม ลั่วเซิงถามเสียงเบา “ขาเป็นอย่างไรบ้าง”
เฉาฮวาส่ายศีรษะ จ้องนางเขม็ง
“คุณหนูลั่ว”
“หืม?”
“หยางจุ่นคือใคร”
ลั่วเซิงยิ้ม “หยางจุ่นหรือ คือว่าที่สามีของหญิงสาวคนหนึ่ง และคือคนในใจของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง หลังจากที่หยางจุ่นกลายเป็นคู่หมั้นของหญิงสาวคนอื่น หญิงสาวคนนั้นก็ตัดสายรัดที่ผูกไว้บนต้นกระวานออก บอกข้าว่าจากนี้จะปล่อยเขาไป”
เฉาฮวาปิดปาก น้ำตาไหลลงมาไม่หยุด
หยางจุ่นคือคนในใจที่นางตกหลุมรักเป็นครั้งแรก ความลับนี้มีเพียงท่านหญิงที่รู้
ถอยหลังหนึ่งหมื่นก้าว แม้ท่านหญิงจะบอกผู้อื่น คนๆ นั้นก็ไม่ใช่ซิ่วเย่ว์แน่นอน
ซิ่วเย่ว์ไม่ได้จำผิด คุณหนูลั่วคือท่านหญิง!
เฉาฮวามองลั่วเซิง น้ำตานองหน้า
ลั่วเซิงมองเฉาฮวา ใบหน้ายิ้มแย้ม
ไม่มีตอนไหนแย่กว่าตอนที่ตื่นมาแล้วรู้ว่าตระกูลถูกกวาดล้าง
ตอนนี้นางมีน้องชาย มีซิ่วเย่ว์ และเฉาฮวา นางสามารถเดินต่อไปได้ด้วยความั่นใจ
“ท่านหญิง…” เฉาฮวาพึมพำออกมาสองคำ จู่ๆ ก็นึกบางอย่างขึ้นได้
นางถอดกำไลทองฝังอัญมณีเจ็ดสีที่สวมอยู่บนข้อมืออย่างแรงและยัดใส่มือของลั่วเซิง พูดทีละพยางค์ว่า “ท่านหญิง ข้าไม่ได้ทำให้ท่านผิดหวัง ข้าขอส่งคืนกำไลแก่เจ้าของเดิมในสภาพที่สมบูรณ์”
ลั่วเซิงกำมือแน่น ไม่ได้รับกำไลไว้
“ท่านหญิง?” เฉาฮวางงงัน
ลั่วเซิงมองนางนิ่ง แม้เสียงจะเบาแต่ก็ชัดเจน “กำไลน่ะข้ารับคืนได้ แต่สิ่งที่ข้าฝากฝังเจ้ายังไม่จบ”
เฉาฮวากะพริบตาสองสามที พูดเสียงเบาว่า “ท่านหญิงโปรดบัญชา”
สายตาของลั่วเซิงมองไปที่ประตูกระโจม ถอนหายใจเบาๆ “ทางข้างหน้าลำบาก ข้าต้องการให้เจ้าและซิ่วเย่ว์เดินเคียงข้างข้าต่อไป”
เฉาฮวาตะลึง กัดฟันพยักหน้า “น้อมรับคำสั่งเจ้าค่ะ”
ลั่วเซิงมองนาง ดวงตาเป็นประกายดุจคลื่นน้ำไม่มีทีท่าว่าจะหลบหลีก นางจึงรับกำไลทองฝังอัญมณีเจ็ดสีมา ในขณะเดียวกันก็ยื่นกำไลสีทองฝังอัญมณีเจ็ดสีอีกวงหนึ่งให้
ทั้งสองสวมกำไลกลับไปที่ข้อมือของตนเองแทบจะในเวลาเดียวกัน
บัดนี้แม้จะมีคนเข้ามา ก็ไม่มีทางรู้ว่ากำไลถูกสลับกันแล้ว
ลั่วเซิงจับกำไลบนข้อมือเบาๆ
กำไลนั่นเหมือนกับว่ามีอุณหภูมิร่างกายของเฉาฮวาอยู่ด้วย
จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าอารมณ์มากมายถาโถม
กำไลที่สามารถเปลี่ยนแผ่นดินได้วงนี้ เฉาฮวาเก็บรักษามาสิบสองปี ในที่สุดก็กลับมาอยู่ที่นาง
“คุณหนู หมอหลวงมาแล้วเจ้าค่ะ” เสียงของหงโต้วดังขึ้นที่หน้าประตูกระโจม
ไม่นานคนกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามา คนเดินนำหน้าคือเซียวกุ้ยเฟย
“ได้ยินว่าอวี้เสวี่ยนซื่อเท้าแพลง”
เฉาฮวาที่นั่งอยู่บนตั่งรีบโค้งคำนับเซียวกุ้ยเฟย “หม่อมฉันประมาท ทำให้เหนียงเหนียงกังวลแล้ว”
“ออกมาข้างนอก อวี้เสวี่ยนซื่อควรระวังตัวกว่านี้จริงๆ หมอหลวงช่วยดูอวี้เสวี่ยนซื่อเถอะ”
หมอหลวงที่ชิงเอ๋อร์พามาถือกล่องยาเดินขึ้นมาข้างหน้า หลังจากตรวจดูอาการแล้วพูดว่า “แค่ข้อเท้าบิดเล็กน้อย ใช้สมุนไพรน้ำถูกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตก็จะหายพ่ะย่ะค่ะ”
วิธีการทายาอย่างละเอียดย่อมให้นางกำนัลเป็นคนรับผิดชอบ
ชิงเอ๋อร์เดินตามหมอหลวงไปข้างๆ ฟังหมอหลวงสั่งอย่างตั้งใจ
เซียวกุ้ยเฟยพูดขึ้นว่า “ข้าส่งคนไปนำเกี้ยวมาแล้ว เมื่อเกี้ยวมา อวี้เสวี่ยนซื่อค่อยกลับเถิด”
เฉาฮวาประหม่า “ขอบพระทัยเหนียงเหนียงเพคะ”
เซียวกุ้ยเฟยมองหญิงสาวอ่อนแอสีหน้าประหม่า สายตาปรากฏความไม่แยแสเล็กน้อย
แม้อวี้เสวี่ยนซื่อจะสวย แต่นิสัยน่าเบื่อเกินไป ไม่รู้ว่าได้รับความโปรดปรานจากรัชทายาทได้อย่างไร
ว่ากันว่าเป็นเพราะเจ้านายคนเก่า?
เซียวกุ้ยเฟยครุ่นคิดพลางกล่าวลาลั่วเซิง “สิ่งที่ควรดูก็ดูแล้ว ข้าจะกลับไปก่อน”
“น้อมส่งกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง” ลั่วเซิงย่อเข่าเล็กน้อย ส่งเซียวกุ้ยเฟยออกจากกระโจม
เมื่อลั่วเซิงกลับมา เฉาฮวายิ้มพูดว่า “ข้าซุ่มซ่ามเอง เมื่อคืนเรียนทำอาหารกับแม่ครัวยังทำไม่เป็น วันนี้อยู่ที่นี่พอดี ไม่รู้ว่าให้แม่ครัวสอนข้าอีกได้หรือไม่”
“อวี้เสวี่ยนซื่อบาดเจ็บ คงไม่สะดวกไปดู เรียกอาซิ่วมาอธิบายว่าต้องปรุงรสชาติอย่างไรเถอะ”
เฉาฮวากล่าวขอบใจและบอกให้ชิงเอ๋อร์ออกไปรอข้างนอก
แม่ครัวสอนได้เพียงคนเดียว ชิงเอ๋อร์และคนอื่นๆ ย่อมรู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
ในที่สุดในกระโจมก็เหลือเพียงเจ้านายและลูกน้องสองคน
ซิ่วเย่ว์กอดเฉาฮวาหัวเราะทั้งน้ำตา สุดท้ายพูดไม่หยุดว่า “เจ้ากลายเป็นอวี้เสวี่ยนซื่อไปได้อย่างไร หากไม่ใช่ท่านหญิง ข้าคงเข้าใจเจ้าผิดไปแล้ว…”
เฉาฮวายิ้นหยัน “ก็เพราะเจ้าคนน่าสะอิดสะเอียนนั่นอย่างไร พูดว่าใสกระจ่างดุจหัวใจน้ำแข็งในป้านหยกอะไรนั่น”