ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 222 ผู้ชำนาญงาน
ตอนที่ 222 ผู้ชำนาญงาน
หากญาติสนิทมิตรสหายในลั่วหยางได้เอ่ยถามถึงข้า โปรดถ่ายทอดจิตใจที่บริสุทธิ์ ซื่อสัตย์ และตรงไปตรงมาของข้าให้เขาได้ฟัง
เฉาฮวานึกถึงที่มาของราชทินนามของนางแล้วก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาระลอกหนึ่ง
นางอดกลั้นอยู่เนิ่นนาน ในที่สุดตอนนี้ก็สามารถส่งเสียงถ่มน้ำลายต่อหน้าคนที่ใกล้ชิดได้แล้ว
ซิ่วเย่ว์เองก็คลื่นไส้แทบแย่เช่นกัน นางยิ้มเยาะเอ่ย “คนเช่นนั้นมีแต่จิตใจโหดร้ายและไม่รู้จักบุญคุณเท่านั้น ยังจะกล้าโอ้อวดว่าตนเองมีจิตใจบริสุทธิ์อย่างหน้าไม่อายอีกหรือ”
จิตใจที่บริสุทธิ์ต่อท่านหญิงหรือ
เขากล้าเอ่ยออกมาได้อย่างไรกัน!
ลั่วเซิงกลับมีสีหน้าท่าทางสงบนิ่ง “ยากที่จะได้รวมตัวกัน ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงเขา”
คนประเภทเดียวกับสัตว์เดรัจฉานไม่คู่ควรที่จะเอ่ยขึ้นมาสร้างความหงุดหงิดในเวลาดีๆ เช่นนี้ หลังจากนี้ก็ยังมีเวลาที่จะจัดการเขาอีก
เฉาฮวากับซิ่วเย่ว์พากันพยักหน้า
“เฉาฮวา เรื่องของพระชายารัชทายาท…”
เฉาฮวาโค้งมุมปากขึ้น แสดงท่าทางภูมิใจต่อหน้าลั่วเซิงหลายส่วน “บ่าวทำเองเจ้าค่ะ!”
ท่าทางภูมิใจเช่นนี้เจือไปด้วยความไร้เดียงสาของเด็กสาว ทำให้ลั่วเซิงที่ได้เห็นรู้สึกขมขื่นในใจ
นางตบหลังมือเฉาฮวาแผ่วเบา พลางกำชับว่า “อยู่คนเดียวในวังต้องระวัง อย่าทำให้ตนเองตกอยู่ในอันตราย”
“ท่านหญิงโปรดวางใจ บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
ขอเพียงแค่เป็นมนุษย์ย่อมมีจุดอ่อน มังกรมีเกล็ดย้อน กำไลก็คือจุดอ่อนและเกล็ดย้อนของนาง
พระชายายกเท้าเหยียบหน้านาง นางก็อดกลั้นได้ แต่แย่งชิงกำไล นางจะเดิมพันด้วยชีวิตนี้เพื่อแย่งมันกลับมา
เฉาฮวามองลั่วเซิงพลางยิ้มบางๆ “บ่าวจะปกป้องตนเองและเดินไปบนเส้นทางนี้เป็นเพื่อนท่านหญิงเจ้าค่ะ”
สิบสองปีที่สูญเสียท่านหญิงไป กำไลคือจุดอ่อนของนาง ตอนนี้และหลังจากนี้ ท่านหญิงก็คือจุดอ่อนของนาง
ท่านหญิงต้องการให้นางเดินต่อไปเป็นเพื่อน เช่นนั้นต่อให้ต้องกัดฟันเดิน นางก็ต้องเดินต่อไปให้ได้
“คุณหนู เกี้ยวมาถึงแล้วเจ้าค่ะ” ม่านกระโจมทองเลิกขึ้น ดวงหน้าเยาว์วัยพริ้มเพราของหงโต้วยื่นเข้ามา
ลั่วเซิงเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล “ประคองอวี้เสวียนซื่อออกไปเถอะ”
สาวใช้รับคำอย่างรวดเร็ว เร่งเท้าเดินเข้ามาอย่างคิดจะอุ้มเฉาฮวา
เฉาฮวารีบเอ่ยว่า “ประคองข้าก็พอแล้ว”
หงโต้วเบ้ปาก “ท่านเท้าเคล็ด ประคองแล้วจะรั้งถูกเอาได้ง่ายๆ อุ้มไปแล้วลดปัญหาไปได้มากกว่าเจ้าค่ะ”
นางไม่รอให้เฉาฮวาเอ่ยอันใดก็จัดการอุ้มนางขึ้นมาแล้ว
เฉาฮวามองลั่วเซิงอย่างหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก
ลั่วเซิงอมยิ้ม “อวี้เสวียนซื่อก็ให้นางอุ้มไปเถอะ แบบนี้ปลอดภัยและลดความยุ่งยากได้จริงๆ”
“เช่นนั้นก็ขอบคุณมาก” เฉาฮวามองลั่วเซิงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่งแล้วขยิบตาใส่ซิ่วเย่ว์ “ข้าไร้พรสวรรค์ในการทำครัว วันนี้ยังคงจำได้ไม่มากนัก หลังจากนี้คงต้องรบกวนแม่ครัวใหญ่อีกมาก”
ซิ่วเย่ว์ย่อเข่าเล็กน้อย “กุ้ยเหรินเรียกข้าว่าอาซิ่วก็พอเจ้าค่ะ กุ้ยเหรินชอบร่ำเรียนก็เป็นเกียรติของข้าแล้วเจ้าค่ะ”
หงโต้วอุ้มเฉาฮวาเดินตึงตังออกไป โดยไม่ให้โอกาสคนทั้งสองได้พร่ำบ่นกันอีก
เฉาฮวาเห็นดวงหน้าสวยพริ้มเพราและร่าเริงของสาวใช้ก็ถอนหายใจเบาๆ ในใจ
เด็กคนนี้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขจริงๆ เหมือนกับพวกนางในตอนนั้น
ซูเฟิงอ่านหนังสือมากมาย มีความสามารถที่แค่เห็นผ่านตาก็ไม่เคยลืม ท่านหญิงเคยยิ้มแล้วเอ่ยว่า หากนางเข้าร่วมการสอบขุนนาง จะต้องสอบจอหงวนกลับมาได้แน่นอน
ซูเฟิงจึงเอ่ยว่า “รอบ่าวอายุมากแล้วก็จะเป็นอาจารย์สอนหนังสือ สอนเด็กผู้หญิงร่ำเรียนหนังสือเขียนอักษร เพื่อให้เด็กหญิงสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีจุดมุ่งหมาย”
เจี้ยงเสวี่ยมีพรสวรรค์โดดเด่นทางด้านวิทยายุทธ์มาก ก่อนท่านหญิงจะแต่งงานได้จัดการให้นางควบคุมทหารในจวนอ๋องเจิ้นหนานหน่วยหนึ่ง
แต่ซูเฟิงผู้อยากเป็นอาจารย์สอนหนังสือได้พุ่งชนเสาสีชาดบนระเบียงทางเดินของจวนอ๋องผิงหนานตาย เจี้ยงเสวี่ยซึ่งวิทยายุทธ์โดดเด่นได้เข่นฆ่าฝ่าวงล้อมออกมาแจ้งข่าวให้กับท่านหญิง ทั่วร่างเต็มไปด้วยโลหิตและสิ้นใจในห้องหอของท่านหญิง
เฉาฮวาไม่กล้าคิดต่อไปอีก
น้ำตาหยดหนึ่งรินไหลอย่างเงียบงัน หยดลงบนหลังมือหงโต้ว
หงโต้วมองนาง ในใจก็ดีดรางลูกแก้วคำนวณอย่างรวดเร็ว พลางเอ่ยปลอบว่า “เท้าที่เคล็ดของเสวียนซื่อเจ็บมากสินะเจ้าคะ เขาพูดว่ากินอะไร บำรุงอะไรนะ เมื่อกลับไปแล้ว จะให้อาซิ่วต้มขาหมูแล้วส่งไปให้ท่านนะเจ้าคะ”
อืม หากว่าอวี้เสวียนซื่อชอบอาซิ่วมากก็ไม่แน่ว่าจะขอตัวอาซิ่วจากคุณหนูไป ดูสิว่าอาซิ่วจะยังกล้าจับจ้องตำแหน่งสาวใช้ของนางตาเป็นมันอีกหรือไม่!
เฉาฮวาได้ยินแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
น้องซิ่วเย่ว์นิสัยดีที่สุด คิดไม่ถึงว่าในสายตาสาวใช้นางนี้จะกลายเป็นการทำให้รู้สึกรำคาญใจ
ไร้ความกังวลนั้นดีจริงๆ นะ
เฉาฮวานั่งบนเกี้ยวที่ค่อยๆ ห่างไกลออกไป นางอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองแวบหนึ่ง
ลั่วเซิงยืนอมยิ้มมองนางอยู่ในที่ไม่ไกลนัก
ส่วนหงโต้วก็วิ่งกลับไปข้างกายผู้เป็นนายด้วยฝีเท้าแผ่วเบาก็ถือโอกาสเบียดซิ่วเย่ว์ไปอีกด้านหนึ่ง
เฉาฮวาหันหน้ากลับไป พลางคิดเงียบๆ ว่า หวังว่าท่านหญิงจะอาศัยฐานะของแม่นางลั่วใช้ชีวิตได้ตามใจชอบ สาวใช้ที่อยู่ข้างกายก็สามารถรักษาจิตใจเช่นนี้เอาไว้ได้ตลอดไป
หงโต้วเห็นลั่วเซิงยังยืนนิ่งไม่ขยับก็ถามยิ้มๆ ว่า “คุณหนู ท่านชอบอวี้เสวียนซื่อมากใช่หรือไม่เจ้าคะ”
ลั่วเซิงเหลือบตามองนางแวบหนึ่ง โดยไม่ตอบอะไร
หงโต้วกะพริบตาปริบๆ “คุณหนู บ่าวคิดว่าอวี้เสวียนซื่อชอบอาซิ่วมากเจ้าค่ะ”
ลั่วเซิงถึงได้หยิกแก้มอวบเหมือนทารกของสาวใช้เบาๆ พลางเอ่ยเตือนว่า “อย่าได้คิดจะส่งอาซิ่วจากไป หากอาซิ่วไปติดตามผู้อื่น หอสุราก็ต้องปิดกิจการน่ะสิ”
สาวใช้ที่ไม่ปิดบังจิตใจริษยาแม้แต่น้อยเช่นนี้ นางไม่เคยพบเจอมาก่อนเลยจริงๆ
หงโต้วออกแรงบีบมือซิ่วเย่ว์เหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน “อาซิ่ว เจ้าไม่อาจทอดทิ้งคุณหนูแล้วไปพึ่งพาผู้มีฐานะสูงกว่าได้นะ อีกอย่าง รากฐานคุณหนูของพวกเราก็แข็งแกร่งที่สุด ดีกว่าคนอื่นทั้งสิ้น”
ลั่วเซิงกับซิ่วเย่ว์มุมปากกระตุก
“คุณหนู ไก่ขอทานน่าจะเสร็จแล้วนะเจ้าคะ” ซิ่วเย่ว์เอ่ยเตือน
ลั่วเซิงลังเลเล็กน้อยแล้วสั่งว่า “นำตัวหนึ่งไปห่อให้เรียบร้อยแล้วส่งไปให้เซียวกุ้ยเฟย”
เซียวกุ้ยเฟยมาดูซิ่วเย่ว์ทำไก่ขอทานโดยเฉพาะ สุดท้ายก็จากไปโดยที่ไม่ได้กินเลย ตอนนี้ไก่ขอทานเสร็จแล้ว ย่อมสมควรส่งไปตัวหนึ่งเป็นธรรมดา
สำหรับเรื่องที่ว่าจะกินหรือไม่ นั่นไม่สำคัญ
เซียวกุ้ยเฟย… ลั่วเซิงคิดถึงคนผู้นี้แล้วก็ยิ้มบางๆ
เสียงตะโกนเรียกดังลอยมา “น้องลั่ว ข้ากลับมาแล้ว!”
คุณชายสามเซิ่งสาวเท้าก้าวเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเอ่ยด้วยท่าทางลิงโลด “วันนี้ล่ากวางมาได้หลายตัวเลย”
“ท่านพี่กลับมาเร็วขนาดนี้เชียว”
คุณชายสามเซิ่งอึ้ง จากนั้นก็เอ่ยว่า “ล่ากวางได้เลยนะ”
ตกลงกันว่าจะทำเนื้อกวางตุ๋นนี่?
เมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉยของเด็กสาว คุณชายสามเซิ่งก็ถอนหายใจอย่างแรง “น้องลั่ว เจ้าไม่รู้หรอกกว่า ตอนนี้กวางล่ายากมากขนาดไหน คนพวกนั้นล้วนห้อตะบึงไปหากวางแล้ว ไม่เช่นนั้นข้ายังสามารถกลับมาได้เร็วกว่านี้อีก”
ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นคิดอะไรกันอยู่ ใช้ชีวิตราวกับว่าล่ากวางได้แล้วจะมีคนทำให้อย่างนั้นแหละ
นี่ไม่ใช่การหลอกตนเองและผู้อื่นหรอกหรือ เมื่อวานขาของหมูป่าที่ตัดออกมาส่วนใหญ่ก็ย่างง่ายๆ แล้วกินไปแล้ว มีเพียงส่วนน้อยที่โชคดี ถึงได้อาซิ่วทำเป็นขาหมูตุ๋น
“ลั่วเฉินกับเสี่ยวชีล่ะ”
“เสี่ยวชีพาน้องชายไปล่าสัตว์แล้ว น้องลั่วจะทำเนื้อกวางตุ๋นหรือไม่”
“ทำ”
“เช่นนั้นข้าจะไปจัดการเนื้อกวางที่ริมลำธารให้เรียบร้อย” คุณชายสามเซิ่งยิ้มหน้าบานขึ้นมาทันที
“ข้าไปกับท่านพี่แล้วกัน การจัดการเนื้อกวางก็มีความพิถีพิถันเช่นกัน”
ญาติผู้พี่และญาติผู้น้องไปถึงริมลำธารด้วยกัน ถึงค้นพบว่ามีคนกำลังผ่าแยกหนังกวางอย่างจริงจังอยู่
“ท่านอ๋องมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” คุณชายสามเซิ่งตะลึง
เขานึกว่า เขาเป็นคนที่หนีกลับมาได้เร็วที่สุดแล้วเสียอีก
บุรุษผู้ก้มหน้าจัดการเนื้อกวางเงยหน้าขึ้นมามอง หยุดสายตาลงมองเหยื่อที่คุณชายสามเซิ่งหิ้วมาด้วยแวบหนึ่ง พลางเอ่ยเรียบๆ “ไม่ได้บอกว่าจะทำเนื้อกวางตุ๋นหรอกหรือ”
คุณชายสามเซิ่ง “…”
ไคหยางอ๋องตีสนิทกับน้องลั่วลับหลังเขาใช่หรือไม่ ถึงได้ทำท่ามีเหตุมีผลเช่นนี้
เสียงสงบนิ่งของลั่วเซิงดังขึ้น “เช่นนั้นท่านพี่ก็มอบเหยื่อที่ล่ามาได้ให้ท่านอ๋องจัดการเถอะ ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องจัดการหมูป่าได้ไม่เลวเลย”
เว่ยหานได้ยินแล้วก็อดยกมุมปากขึ้นไม่ได้
นี่คุณหนูลั่วกำลังชมเชยเขาหรือ