ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 223 จับมือ
ตอนที่ 223 จับมือ
“ก็ได้ มอบให้ท่านอ๋องแล้วกัน” คุณชายสามเซิ่งไม่ใช่คนไร้เหตุผล เมื่อได้ยินว่ามีคนยินดีทำงาน ย่อมยินดีและดีใจ
เขารีบกลับไปเฝ้า ไม่แน่ว่ายังจะสามารถแบ่งไก่ขอทานมาได้ตัวหนึ่ง
เมื่อเห็นคุณชายสามเซิ่งเดินจากไปอย่างกระฉับกระเฉง เว่ยหานก็ถามลั่วเซิงอย่างจริงจังว่า “เนื้อกวางตุ๋นต้องใช้ส่วนใดบนตัวกวางหรือ”
ลั่วเซิงขยับริมฝีปาก
ท่านอ๋องผู้หนึ่งถึงกับมีประสบการณ์ในการเลือกวัตถุดิบมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
แม้ว่าในใจจะค่อนแคะ แต่นางก็ยังคงตอบกลับไปว่า “เลือกเนื้อส่วนท้องของกวางเจ้าค่ะ”
เว่ยหานชี้ไปยังส่วนท้องของกวาง “ตรงนี้หรือ”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ เนื้อกวางส่วนนี้เคี่ยวเสร็จแล้วจะเคี้ยวได้ง่าย เหมาะสมที่จะทำอาหารจานนี้มากที่สุด”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” เว่ยหานเข้าใจขึ้นมาทันที ในใจก็เอ่ยว่า การทำเนื้อกวางตุ๋นมีแค่เนื้อเล็กน้อยส่วนนี้ที่เหมาะสม กวางตัวหนึ่งนั้นไม่พอจริงๆ
โชคดีที่คุณชายสามเซิ่งยังล่ากวางมาอีก
เมื่อเห็นลั่วเซิงเหยียบลงบนหินเรียบเสมอกันแล้วนั่งยองๆ เว่ยหานก็รีบเอ่ยว่า “ข้าจัดการเองก็พอแล้ว”
ลั่วเซิงชี้ไปยังตะกร้าไม้ไผ่ที่วางอยู่อีกด้าน “ข้าจะล้างลูกพลับเดือนหกเจ้าค่ะ”
เว่ยหานถึงได้ค้นพบว่าในตะกร้าไม้ไผ่เต็มไปด้วยลูกพลับเดือนหกสีแดงสดหลายลูก
เขามุ่นคิ้วอย่างอดไม่ได้
ลูกพลับเดือนหก ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวหวานแบบนี้ ความจริงแล้วเขากินไม่บ่อยนัก
ลั่วเซิงเห็นสีหน้าของเขาแล้วก็เอ่ยยิ้มๆ “ท่านอ๋องไม่คุ้นชินกับการกินลูกพลับเดือนหกใช่หรือไม่เจ้าคะ”
ลูกพลับเดือนหกเพิ่งจะเข้ามาจากต่างแคว้นในราชวงศ์ก่อน จนถึงตอนนี้วิธีการกินก็ยังไม่ได้แพร่หลายในหมู่ราษฎร การนำมันมากินเช่นนี้จึงไม่ค่อยได้พบเห็นนัก
เว่ยหานรู้สึกว่าคำถามนี้ตอบได้ยากอยู่บ้าง
เขาลังเลไปครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจเอ่ยตามความจริง “ถ้าคุณหนูลั่วเป็นคนทำ ข้าน่าจะชอบ”
ลั่วเซิง “…”
พูดตามตรง พอเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอาหารการกิน นางรู้สึกว่าไคหยางอ๋องดูต่างจากปกติอยู่บ้าง
“ท่านอ๋องชอบก็ดีเจ้าค่ะ” ลั่วเซิงตัดสินใจไม่สนใจนักกินคนนี้อีก นางหยิบลูกพลับเดือนหกขึ้นมาลูกหนึ่งแล้วตักน้ำในลำธารขึ้นมาล้างทำความสะอาด
เว่ยหานไม่ได้เบนสายตาจากไป
นานจนลั่วเซิงอดมองกลับมาไม่ได้ นางถามว่า “ท่านอ๋องกำลังมองอันใดหรือเจ้าคะ”
กำลังมองกำไลที่สวมอยู่บนมือเจ้า
เว่ยหานอยากเอ่ยเช่นนี้มาก
น่าจะไม่ได้รู้สึกไปเอง กำไลที่สวมอยู่บนข้อมือของคุณหนูลั่วในวันนี้ ไม่ใช่วงก่อนหน้านี้
และลั่วเซิงก็ค้นพบตำแหน่งที่สายตาของเว่ยหานมองมาได้อย่างชัดเจนจึงหรี่ตาลงเล็กน้อย
เว่ยหานตะลึง เอ่ยชมเชยด้วยท่าทางจริงจังว่า “กำไลของคุณหนูลั่วสวยมาก”
ลั่วเซิงรู้สึกถึงความผิดปกติได้รางๆ
หลายวันมานี้ นางสวมกำไลทองประดับเจ็ดอัญมณีตลอด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ไคหยางอ๋องดูสนใจเป็นพิเศษ
อย่านึกว่าแสดงท่าทางชื่นชมอย่างจริงใจแล้ว จะทำให้นางละเลยความผิดปกติเล็กน้อยนี้ได้
เหตุใดวันนี้ไคหยางอ๋องถึงได้สนใจกำไลของนางเป็นพิเศษ
วันนี้…มีอันใดแตกต่างหรือ
ลั่วเซิงมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจกลับหนักอึ้ง
หากเอ่ยว่าแตกต่าง ก็คือวันนี้นางแลกเปลี่ยนกำไลกับเฉาฮวาเงียบๆ โดยไม่มีใครรู้
แต่จะไม่มีใครรู้จริงๆ หรือ
ลั่วเซิงมองชายหนุ่มที่ตั้งใจจัดการกับเนื้อกวางตรงหน้าแล้ว แววตาก็ค่อยๆ แฝงประกายลึกซึ้ง
เว่ยหานไม่หยุดมือเลยสักนิด แต่ทั่วร่างกลับเกร็งขึ้นโดยไม่รู้ตัว
นี่น่าจะเป็นสัญชาตญาณอันเฉียบคมที่ได้มาจากการเข่นฆ่าในสนามรบนับครั้งไม่ถ้วน
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มักจะมีลางสังหรณ์ไม่ดีว่า จะถูกคุณหนูลั่วหยิบหินขึ้นมาทุบให้สลบแล้วโยนลงลำธารตลอดเวลา
อย่างไรเสียคุณหนูลั่วก็เคยทำมาแล้วครั้งหนึ่ง
เว่ยหานใช้หางตาเหลือบมอง
ยังดี ข้างมือคุณหนูลั่วไม่มีก้อนหินที่เหมาะมือ
ไม่ใช่ว่าเขาหลบไม่ได้ แต่กังวลว่า หากหลบแล้ว คุณหนูลั่วโมโห นับจากนี้ก็จะไม่อนุญาตให้เขามากินข้าวอีก แบบนั้นจะทำเช่นไร
สามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ปรองดองกันเป็นอย่างดีในตอนนี้เอาไว้ได้ตลอดนั้นดีที่สุด
ลั่วเซิงกลับไม่ได้เตรียมตัวจะแสร้งทำตัวเลอะเลือน
หากไม่ยืนยันเรื่องสำคัญขนาดนี้ เช่นนั้นนางคงกระวนกระวาย ยากจะสงบใจได้
ลั่วเซิงวางลูกพลับเดือนหกที่ล้างเสร็จแล้วกลับเข้าไปในตะกร้าไม้ไผ่แล้วเม้มปากถาม “เหตุใดท่านอ๋องถึงได้รู้สึกว่าวันนี้กำไลของข้าสวยมากเล่าเจ้าคะ”
เว่ยหานถูกถามจนตะลึง
ในสายตาเขา กำไลสีทองเรืองรองประเภทนี้ไม่มีการแบ่งแยกความสวยหรือไม่สวย คุณหนูลั่วถามเช่นนี้นั้นทำให้เขาลำบากใจจริงๆ
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบ แววตาของลั่วเซิงก็ปรากฎประกายเย็นเยียบ “เมื่อก่อนไม่รู้สึก หรือว่าไม่ได้สนใจเจ้าคะ”
ไคหยางอ๋องรับรู้ถึงอะไรบางอย่างได้แน่นอน ไม่รู้ว่าตอนนี้ฆ่าคนปิดปากยังทันหรือไม่
นึกถึงความต่างทางศักยภาพในการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย ลั่วเซิงก็ถอนหายใจในใจ
อาศัยการต่อสู้มาคลี่คลายปัญหานั้นไม่ใช่วิธีที่ดี อีกอย่างก็มีความรู้สึกว่าหักใจทำไม่ลง รอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอย่างไรก่อนดีกว่า
เว่ยหานพลันรู้สึกได้ถึงความอันตรายที่เพิ่มขึ้น ในใจกลับอึดอัดอย่างน่าประหลาด
เขานึกว่า เขากับคุณหนูลั่วนับเป็นสหายกันอย่างแท้จริงแล้ว ทำไมความเห็นไม่ตรงกันนิดเดียว ก็มีความคิดจะฆ่าเขาให้ตายเสียแล้วล่ะ
การรับรู้เช่นนี้ทำให้เขาเสียใจอยู่บ้าง
เว่ยหานมองเด็กสาวที่มีสีหน้าตึงเครียดตรงหน้าแล้วก็เข้าใจว่าปัญหาเกิดจากตรงไหนในที่สุด
คุณหนูลั่วฟังออกว่า เขากำลังโกหก
ว่าแล้วเชียว เขาไม่ใช่คนที่ถนัดปลอบคน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็เอ่ยความจริงแล้วกัน
“ข้ารู้สึกว่าลวดลายบนกำไลที่คุณหนูลั่วสวมในวันนี้สวยกว่ากำไลวงนั้นเล็กน้อย”
ประโยคนี้ย่อมไม่ใช่การชื่นชมลวดลายของกำไลจริงๆ แต่เป็นการระบุถึงความต่างของกำไลสองวงนั้น
ลั่วเซิงใจหายวูบ มองชายหนุ่มที่ได้คืบจะเอาศอกตรงหน้าด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ราวกับมองภัยพิบัติอันใหญ่หลวง
เขาถึงกับมองออกถึงความต่างของกำไลสองวงนี้!
เดิมกำไลก็เป็นคู่กัน สลักลวดลายเถาวัลย์เกี่ยวพันบุปผานานาพันธุ์ที่พบเห็นได้บ่อยๆ ทุกตำแหน่งล้วนเหมือนกัน มีเพียงปลายใบไม้ใบหนึ่งบนลวดลายเถาวัลย์ที่ใกล้กับอัญมณีไพลินที่จะพลิกกลับมาอีกด้าน
นี่คือความต่างเพียงข้อเดียวของกำไลทองประดับเจ็ดอัญมณีคู่นี้ หากไม่ได้ตั้งใจชี้ให้เห็น จะมีใครให้ความสนใจบ้าง
หรือว่าชายหนุ่มผู้นี้จะไม่สนสิ่งอื่นใด ทุกครั้งที่พบหน้าก็เอาแต่จ้องกำไลของนางเช่นนั้นหรือ
แต่เห็นอยู่ชัดๆ ว่า เขาจ้องมองใบหน้าของนางมากกว่า…
ลั่วเซิงรู้สึกตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่าความคิดเช่นนี้จะสร้างความเข้าใจผิดบางอย่าง แต่เมื่อพิจารณาให้รอบด้านแล้ว ก็เป็นความจริงจริงๆ
“ท่านอ๋องรู้สึกว่ากำไลที่ข้าสวมวันนี้ไม่เหมือนกับในอดีตเช่นนั้นหรือ”
ชายหนุ่มชี้ออกมาอย่างซื่อสัตย์ “ตรงนี้”
บริเวณที่ถูกชี้ก็คือลายเถาวัลย์ข้างอัญมณีไพลิน ขจัดความหวังว่าจะโชคดีในตอนท้ายของลั่วเซิงทิ้งไป
นิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มแตะกำไลบนข้อมือขาวของเด็กสาวแผ่วเบา หากเป็นสายตาของผู้อื่น คงจะนึกว่าบุรุษและสตรีคู่นี้แสดงความสนิทสนมกันอย่างไม่อาจหักห้ามใจได้
แต่เจ้าของกำไลกลับไม่ได้รู้สึกว่าชายหนุ่มตรงหน้าน่ากลัวเช่นนั้น
ลูกธนูดอกนั้นเป็นเช่นนี้ กำไลวงนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน
ชายหนุ่มผู้นี้รู้ได้อย่างไรกันแน่
นางนึกว่าระมัดระวังมากพอแล้ว รอบคอบมากพอแล้ว เหตุใดเมื่ออยู่ต่อหน้าเขามักจะไม่สามารถปิดบังร่องรอยได้
สรุปว่าชายหนุ่มผู้นี้มีความรู้ความเข้าใจในเชิงลึกเหนือผู้คนทั่วไป หรือจะบอกว่าเขาไม่มีเรื่องอะไรทำเลยจับตาดูนางกันแน่
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ก็ล้วนทำให้นางเกิดความรู้สึกอยากจะถีบอีกฝ่ายไปให้ไกลทั้งนั้น
ประมาทเสียแล้ว ควรจะหลีกเลี่ยงคนผู้นี้เหมือนงูและแมงป่องตั้งแต่แรก ไม่ควรละโมบในความสะดวกที่ฐานะของเขานำมาให้
ละโมบในผลประโยชน์เล็กน้อยแล้วเสียหายรุนแรงอย่างที่คิดเอาไว้เลยจริงๆ
ลั่วเซิงยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ปลายนิ้วเย็นเฉียบสั่นเบาๆ
เว่ยหานเห็นความระแวดระวังในแววตาของนางได้อย่างชัดเจนจึงลนลานขึ้นมาทันที
คุณหนูลั่วมองดูเหมือนจะตัดความสัมพันธ์กับเขา หลังจากนี้จะไม่มีทางสนใจเรื่องอาหารการกินของเขาอีกแล้ว
ภายใต้ความรู้สึกลนลานในจิตใจ มือใหญ่ที่แตะกำไลแผ่วเบาพลิกกลับไปจับมือเย็นเยียบของเด็กสาวเอาไว้
“คุณหนูลั่ว เจ้าไม่ต้องกังวลไป สำหรับข้าแล้ว กำไลจะเป็นคู่กันหรือไม่นั้นไม่มีความแตกต่างอะไร”
ลั่วเซิงตะลึง ดึงมือกลับตามจิตใต้สำนึก
มือใหญ่ข้างนั้นกลับจับมือนางแน่นยิ่งกว่าเดิม