ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 230 พบเจอปัญหา
ตอนที่ 230 พบเจอปัญหา
เพราะฝนตกจึงยกเลิกการล่าสัตว์ จักรพรรดิหย่งอันจึงหมกตัวร่ำสุราและเพลิดเพลินไปกับการร้องเพลงร่ายรำอยู่ในห้องบรรทมกับเซียวกุ้ยเฟย
เสียงเครื่องดนตรีซึ่งทำจากไม้ไผ่ดังขึ้นเป็นระลอก นางรำในชุดบางเบาร่ายรำกลางตำหนัก
จักรพรรดิหย่งอันมีรอยยิ้มผ่อนคลายประดับมุมพระโอษฐ์อย่างที่ไม่เคยมีต่อหน้าขุนนาง พลางเอ่ยกับเซียวกุ้ยเฟยว่า “เทียบกับที่สนมรักร่ายรำมิได้”
“ฝ่าบาทตรัสชมเกินไปแล้วเพคะ” เซียวกุ้ยเฟยยกกาหยกขาวบรรจุสุราขึ้นมารินใส่จอกให้จักรพรรดิหย่งอันร่ำสุราต่อไป
จักรพรรดิหย่งอันจิบเล็กน้อยแล้วยื่นมือไปโอบเอวบางของเซียวกุ้ยเฟยเอาไว้
นางกำนัลเดินเข้ามารายงานว่า หงโต้วมาส่งอาหาร
เซียวกุ้ยเฟยเอ่ยกำชับ โดยไม่ได้มีทีท่าประหลาดใจ “พาเข้ามาเถอะ”
จักรพรรดิหย่งอันวางจอกสุรา ถามอย่างไม่ใส่ใจว่า “สนมรักคบค้าสมาคมกับบุตรีของลั่วฉือด้วยหรือ”
เซียวกุ้ยเฟยเอ่ยยิ้มๆ “วันนั้นฝ่าบาทเชื้อเชิญให้หม่อมฉันลองชิมขาหมูขอทาน หม่อมฉันกินแล้วอร่อยมากจึงเชิญแม่ครัวของคุณหนูลั่วให้ทำไก่ขอทานมาเพคะ”
จักรพรรดิหย่งอันเข้าใจขึ้นมาฉับพลัน
เขารู้ว่าเซียวกุ้ยเฟยชอบกินเนื้อไก่
แต่ว่า…ในเมื่อทำไก่ขอทานมาแล้วเหตุใดเขาถึงไม่ได้ชิมเล่า
“เดิมคิดจะนำไปส่งให้ฝ่าบาทจำนวนหนึ่ง ทว่าตอนที่ไก่ขอทานถูกนำมาได้เลยเวลาอาหารไปแล้ว หม่อมฉันคิดว่า ฝ่าบาทกินของมันเกินไปนั้นไม่ค่อยดีจึงทำได้แค่ปล่อยผ่านไปเพคะ” เซียวกุ้ยเฟยเอ่ยระคนเสียใจ
จักรพรรดิหย่งอันพยักพระพักตร์เล็กน้อย “หลายวันมานี้กินของมันไปไม่น้อยเลยจริงๆ”
เหยื่อที่ล่ามาได้สดใหม่ย่อมทำเป็นเนื้อย่าง เนื้อตุ๋น เชิญให้ฮ่องเต้ได้ชิม ไปๆ มาๆ ก็กินจนเลี่ยน
ตอนนี้คิดถึงอาหารประเภทเนื้อสัตว์ต่างๆ ก็ไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิดเดียว
“สิ่งที่คุณหนูลั่วส่งมาให้คงไม่ใช่ไก่ขอทานหรือขาหมูขอทานอีกหรอกนะ” ขณะเพลิดเพลินกับการร่ายรำทำเพลง จักรพรรดิหย่งอันก็ตรัสถามขึ้นมา
“หม่อมฉันก็ไม่ทราบเช่นกันเพคะ” นึกถึงไก่ขอทานที่ทางลั่วเซิงเป็นฝ่ายนำมาส่งให้ เซียวกุ้ยเฟยไตร่ตรองดูแล้ว ก็น่าจะยังเป็นอาหารจานนี้
สนองตอบความต้องการของผู้อื่น ในหลายๆ ครั้งล้วนเป็นเช่นนี้
ตอนนี้เองที่นางกำนัลยกกล่องอาหารสีแดงเดินเข้ามา โดยมีหงโต้วตามมาอยู่ด้านหลัง
นางรำซึ่งร่ายรำอย่างอ่อนช้อยในตำหนักค่อยๆ ถอยออกไป
“ส่งขึ้นมาเถอะ”
นางกำนัลอีกคนหนึ่งเดินเข้ามารับกล่องอาหารไปแล้วส่งขึ้นไปทีละขั้นๆ จนถึงหน้าพระพักตร์จักรพรรดิหย่งอันกับเซียวกุ้ยเฟย
นางกำนัลที่ปรนนิบัติข้างกายจักรพรรดิหย่งอันเปิดกล่องอาหารแล้วยกอาหารออกมาสองอย่าง
สิ่งที่นำออกมาจากชั้นบนของกล่องอาหารคือชามหยกสีขาวใบเล็ก ในชามขาวเหมือนไขมัน ด้านบนโรยด้วยลูกเกดและเมล็ดสนประปราย
สิ่งที่นำออกมาจากกล่องอาหารชั้นล่างคือจานก้นลึกสีเขียวหยกสองใบ ทุกจานวางลูกพลับเดือนหกสีแดงสดลูกอวบหนึ่งลูกได้พอดี
จักรพรรดิหย่งอันไม่รู้สึกแปลกใจอะไรกับชามขนมที่ทำจากนม เดิมนี่ก็เป็นขนมที่กินกันในวังบ่อยๆ
ที่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจคือลูกพลับเดือนหก
เมื่อมองให้ละเอียด ผิวนอกของลูกพลับเดือนหกสองลูกมีรอยย่น เหมือนผ่านการอบมา
เซียวกุ้ยเฟยก็รู้สึกแปลกใจเช่นกันจึงเอ่ยยิ้มๆ ว่า “นี่คือลูกพลับเดือนหกหรือ”
ข้ารับใช้ที่นำหงโต้วเข้ามาเตรียมจะส่งสัญญาณให้นางตอบ แต่หงโต้วกลับเอ่ยเสียงดังว่า “ทูลเหนียงเหนียง คือลูกพลับเดือนหกเพคะ”
ข้ารับใช้มุมปากกระตุกเงียบๆ
สาวใช้นางนี้มีความกล้ายิ่งนัก
สำหรับสาวใช้ข้างกายคุณหนูลั่ว เซียวกุ้ยเฟยมีภาพจำอยู่บ้าง เมื่อได้ยินก็ถามยิ้มๆ ว่า “อาหารจานนี้มีชื่อว่าอะไร”
“ทูลเหนียงเหนียง อาหารจานนี้มีชื่อว่าไข่อบกระเจี๊ยบเพคะ” เพราะว่าอยู่ห่างกันเกินไป เสียงของหงโต้วจึงดังกว่าเดิม
ข้ารับใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆ อดส่งสายตาไปให้ไม่ได้
สาวใช้นางนี้นี่อย่างไรกัน เสียงดังขนาดนี้ สามารถทำให้ฝ่าบาทตื่นตระหนกได้เลยนะ
หงโต้วไม่มองข้ารับใช้เลยสักนิดเดียว
คุณหนูสั่งเอาไว้ว่า ตำหนักราชนิเวศน์ไม่เหมือนข้างนอก ไม่สามารถก่อเรื่องได้
เรื่องราวล้วนเกิดจากการที่คนก่อขึ้น นางไม่สนใจคนเหล่านี้หรอก
เซียวกุ้ยเฟยพยักเพยิดเล็กน้อย
นางกำนัลในวังนางหนึ่งเข้าไปนำหงโต้วเดินเข้ามาเล็กน้อย
“ไข่อบกระเจี๊ยบกับลูกพลับเดือนหกคล้ายจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันนะ” เซียวกุ้ยเฟยเอ่ยถามอย่างประหลาดใจหลายส่วน
หงโต้วเสียงเบาลงเล็กน้อย “เปิดลูกพลับเดือนหกก็จะเห็นแล้วเพคะ”
ภายใต้การส่งสัญญาณจากเซียวกุ้ยเฟย นางกำนัลรับใช้นางหนึ่งใช้ผ้าเช็ดหน้าสะอาดผืนหนึ่งเปิดฝาลูกพลับออก เผยให้เห็นไข่อบกับกระเจี๊ยบที่อยู่ข้างใน
กลิ่นหอมกรุ่นโชยเตะจมูก เจือไปด้วยรสชาติเปรี้ยวหวานจางๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของลูกพลับเดือนหก ชวนให้ท้องของผู้คนตะกละขึ้นมาทันที
จักรพรรดิหย่งอันตรัสว่า “ดูแล้วไม่เลว”
เมื่อได้ยินวาจานี้ นางกำนัลสองนางก็ก้าวออกมาทดสอบพิษทันที
ใช้เข็มเงินทดสอบพิษก่อน ค่อยใช้ร่างกายทดสอบ
ลูกพลับเดือนหกลูกหนึ่งไม่ได้มีขนาดใหญ่ นมตุ๋นน้ำตาลชามหนึ่งก็มีไม่เท่าไรเช่นกัน แต่เพื่อรับประกันความปลอดภัยของฮ่องเต้ การทดสอบพิษนั้นไม่อาจกินน้อยเกินไปได้
จักรพรรดิหย่งอันกับเซียวกุ้ยเฟยซึ่งมองดูเงียบๆ พลันรู้สึกอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
ไม่รู้ว่ารออยู่นานเท่าใด นางกำนัลที่ทดสอบพิษถึงได้ถอยไปด้านข้าง
จักรพรรดิหย่งอันชิมไข่อบกระเจี๊ยบไปคำหนึ่งแล้วพยักหน้าอย่างอดไม่ได้ “วิธีการทำเช่นนี้ประหลาดนัก”
อาจจะเป็นเพราะกินของมันมากเกินไปจึงรู้สึกว่าหลังจากลูกอัณฑะไก่ธรรมดาๆ ผสมกับรสเปรี้ยวหวานของลูกพลับเดือนหกและความสดชื่นของกระเจี๊ยบนั้นรสสัมผัสดียิ่ง
ลูกพลับเดือนหกหนึ่งลูกใส่อัณฑะไก่แค่หนึ่งลูกกับกระเจี๊ยบซึ่งหั่นเป็นชิ้นบางๆ หลายชิ้น กินไม่กี่คำก็หมดแล้ว
เซียวกุ้ยเฟยลิ้มรสอร่อยของนมตุ๋น พลางถามขึ้นอย่างอดกลั้นต่อความเจ็บปวดว่า “ฝ่าบาทจะลองชิมไหมเพคะ”
ในวังหลัง เมื่อถึงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิ สองฤดูนี้ นางมักจะกินนมตุ๋น แต่กลับไม่เคยกินนมตุ๋นที่รสชาติอร่อยเช่นนี้มาก่อน
แม่ครัวคนนั้นของคุณหนูลั่วโดดเด่น ไม่ธรรมดาจริงๆ
“สนมรักกินเถอะ“ จักรพรรดิหย่งอันเอ่ยเรียบๆ
เซียวกุ้ยเฟยกินอย่างมีความสุข พลางสั่งให้นางกำนัลให้รางวัลแก่หงโต้ว
”กลับไปบอกคุณหนูของเจ้าว่า ข้าชอบกินมาก ขอบใจที่ตั้งใจทำมา“
”หม่อมฉันทูลลาเพคะ“
เมื่อเห็นหงโต้วกำลังจะตามขันทีจากไป เซียวกุ้ยเฟยพลันนึกอะไรขึ้นมาได้จึงถามว่า “ใช่แล้ว คุณหนูลั่วส่งอาหารมาที่ตำหนักข้าคนเดียวหรือ”
หงโต้วตอบเสียงใส “ส่งอีกหนึ่งส่วนไปให้อวี้เสวี่ยนซื่อด้วยเพคะ”
เซียวกุ้ยเฟยพยักหน้าเล็กน้อยแล้วปล่อยให้นางจากไป
“อวี้เสวี่ยนซื่อก็คบหากับคุณหนูลั่วด้วยหรือ”
เซียวกุ้ยเฟยเอ่ย “เมื่อวานหม่อมฉันไปเดินเล่นแถวกระโจม ตอนออกมาจากกระโจม ก็บังเอิญเจออวี้เสวี่ยนซื่อเข้าพอดีจึงพานางไปด้วยกันเพคะ”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง เราได้ยินมาว่าบุตรีของลั่วฉือถูกตามใจจนเหลิงอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนรอบคอบคนหนึ่ง”
เซียวกุ้ยเฟยยิ้มๆ ไม่แสดงความเห็นใดๆ
จักรพรรดิหย่งอันหวนนึกถึงรสชาติของไข่อบกระเจี๊ยบ พลางสั่งโจวซานว่า “ให้ห้องเครื่องส่งลูกพลับเดือนหกมาจำนวนหนึ่ง”
โจวซานนำพระราชโองการออกจากตำหนักแล้วไล่ขันทีไปถ่ายทอดวาจา ไม่นานนักก็กลับมาด้วยสีหน้าประหลาด
เมื่อเห็นสองมือเขาว่างเปล่า จักรพรรดิหย่งอันก็เลิกพระขนงเล็กน้อย “หืม?”
โจวซานรีบเอ่ย “ทูลฝ่าบาท ทางห้องเครื่องแจ้งมาว่า ลูกพลับเดือนหกที่ส่งมาตอนเช้าตรู่ถูกไคหยางอ๋องนำไปหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ…”
ลูกพลับเดือนหกใช้ทำอาหารน้อยมาก ทว่าในฐานะที่เป็นผักผลไม้ชนิดหนึ่ง ทุกวันล้วนจะส่งแบบสดใหม่มาแบ่งไปตามตำหนักต่างๆ และมีจำนวนไม่มาก
เมื่อได้ฟังคำตอบของโจวซาน จักรพรรดิหย่งอันก็จ้องจานก้นลึกสีเขียวหยกที่ยังไม่ได้เก็บไป พลางคิดใคร่ครวญ
ไคหยางอ๋องเอาลูกพลับเดือนหกมากมายขนาดนั้นไปทำอะไร
เทียบกับความราบรื่นของหงโต้ว ซิ่วเย่ว์กลับพบเจอปัญหาเข้าแล้ว
“เสวี่ยนซื่อของพวกเรารับของเอาไว้แล้ว เชิญกลับไปเถอะ”
ซิ่วเย่ว์ประหลาดใจเล็กน้อย “เมื่อวานเสวี่ยนซื่อแจ้งกับข้าน้อยว่าให้มาสอนนางทำอาหาร…”
นางกำนัลมีสีหน้าเย็นชา พลางเอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “วันนี้เสวี่ยนซื่อสุขภาพไม่ค่อยดี ไม่สะดวกพบแขก รอเสวี่ยนซื่อมีแรงร่ำเรียนก็จะส่งคนไปเชิญเจ้าเอง“
ซิ่วเย่ว์ยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่นางกำนัลหมุนตัวกลับเข้าไปแล้ว
ลั่วเซิงที่รอ เห็นซิ่วเย่ว์กลับมาก่อน
“ไม่ได้เจอเฉาฮวาหรือ”