ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 249 ลูกแฝด
ตอนที่ 249 ลูกแฝด
ลั่วเซิงเม้มปากเล็กน้อย
นางย่อมรู้ว่าคุณหนูลั่วต่างจากฮูหยินลั่วอย่างสิ้นเชิง ถึงอย่างไรสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวงที่ยังไม่ออกเรือนแล้วเลี้ยงผู้ชายอย่างเปิดเผยก็มีเพียงคนเดียว
แต่องค์หญิงเลี้ยงผู้ชายนั่นก็เป็นอีกเรื่องแล้ว
“ข้าไม่เหมือนกับท่านแม่ข้าตรงไหนหรือ” เมื่อเห็นสายตาของอี๋เหนียงทอดมองไปไกลราวกับตกอยู่ในห้วงความทรงจำ ลั่วเซิงก็เอ่ยถาม
“ฮูหยินอ่อนโยน ภูมิฐานและใส่ใจผู้อื่น…” อี๋เหนียงใหญ่เอ่ยพึมพำ เมื่อเหลือบเห็นใบหน้าสงบนิ่งของเด็กสาว จู่ๆ นางก็ตั้งสติได้ “ไม่เหมือนคุณหนูที่ร่าเริง… เอ่อ ร่าเริง…”
ลั่วเซิงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าอี๋เหนียงใหญ่กำลังพยายามหาข้อดีของคุณหนูลั่วอย่างสุดความสามารถ สุดท้ายจึงเค้นคำว่า ‘ร่าเริง’ ออกมาได้เพียงสองคำ
“ท่านพ่อข้า… ดีต่อท่านแม่ข้าหรือไม่”
อี๋เหนียงใหญ่ชะงักราวกับคิดไม่ถึงว่าคุณหนูลั่วจะถามคำถามนี้
“เหตุใดอี๋เหนียงใหญ่ไม่พูดแล้วเล่า”
อี๋เหนียงใหญ่ลูบคลำจอกชา สีหน้าค่อยๆ หนักอึ้ง “เหตุใดคุณหนูจึงถามเรื่องเหล่านี้หรือ”
ลั่วเซิงวางจอกชาลงบนโต๊ะตัวเล็กใกล้ตัว เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ข้าสงสัยน่ะ ข้าโตแล้ว หากวันใดแต่งงานแล้วไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับท่านแม่เลยคงเป็นเรื่องน่าเศร้า”
ได้ยินคำว่า ‘แต่งงาน’ สองคำนี้จากปากของลั่วเซิง อี๋เหนียงใหญ่ก็เกือบจะตกเก้าอี้
คุณหนูคิดเรื่องแต่งงานแล้วหรือ แต่ว่าน่าจะยากกระมัง…
อาจจะเป็นเพราะกดดันเกินไปจึงมีคำถามมากมายเช่นนี้
แต่ว่าการที่คุณหนูอยากรู้จักฮูหยินก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
อี๋เหนียงใหญ่ถอนหายใจเบาๆ
ตอนที่ฮูหยินจากไป คุณหนูยังเล็กมาก
นางไม่มีวันลืมภาพก่อนที่ฮูหยินจะจากไป
ครานั้นนายท่านคุกเข่าอยู่ข้างตั่งของฮูหยิน ดวงตาของเขาแดงก่ำ น้ำตาไหล นางจูงคุณหนูยืนอยู่ข้างๆ ร่างกายสั่นเทาไปหมด
ยามนั้นฮูหยินพูดไม่ได้แล้ว สายตาของนางมองข้ามพวกเขามาหยุดอยู่ที่คุณหนู
นางดันตัวคุณหนูที่มีอายุเพียงสามขวบไปข้างหน้าฮูหยิน บอกให้คุณหนูเรียกแม่สักคำ
ราวกับว่าคุณหนูจะตกใจ นางน้ำตาไหลไม่กล้าปริปาก
ฮูหยินเพียงแค่มองคุณหนูต่อไปอย่างนั้น
นางและนายท่านล้วนรู้ว่าฮูหยินไม่อยากทิ้งคุณหนูไป หากไม่ได้ยินคำว่า ‘แม่’ นางคงตายตาไม่หลับ
“เซิงเอ๋อร์ เรียกแม่สิ เรียกสิ!” นายท่านตาแดงเร่งเร้า
คุณหนูเม้มปากแน่นกว่าเดิม
นายท่านหมดหนทาง สาบานต่อฟ้าต่อหน้าฮูหยินว่า “ฮูหยิน เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะรักเซิงเอ๋อร์ด้วยความรักของเจ้าที่มีต่อนาง ข้าจะไม่แต่งภรรยาใหม่…”
ฮูหยินมองนายท่าน พยายามโค้งริมฝีปากยิ้มออกมา
ครานี้เอง คุณหนูก็เรียก “ท่านแม่” ขึ้นมาเบาๆ รอยยิ้มของฮูหยินนิ่งค้างอยู่เช่นนั้น นางหลับตาไปตลอดกาล
ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานมากจริงๆ
อี๋เหนียงใหญ่ได้สติกลับมา มองดวงตาของลั่วเซิงที่ซ่อนความอ่อนโยนเอาไว้ “นายท่านดีต่อฮูหยินมาก ท่านรักนางและรักคนของนางด้วย โดยเฉพาะคุณหนู”
“แล้วกับน้องชายข้าเล่า” ลั่วเซิงเห็นสีหน้าประหลาดใจของอี๋เหนียงวาบผ่านก็เอ่ยถามเสียงราบเรียบว่า “น้องชายถึงจะเป็นบุตรชายเพียงหนึ่งเดียวของท่านพ่อ คงไม่ได้ปฏิบัติต่อข้าดีกว่าน้องหรอกนะ”
อี๋เหนียงใหญ่กะพริบตาสองสามทีแล้วเผยรอยยิ้ม “นายท่านย่อมดีต่อคุณชายน้อยเช่นกัน เพียงแต่ว่าคุณชายน้อยร่างกายอ่อนแอจึงถูกส่งไปทางใต้เพื่อรักษาตัวตั้งแต่ครั้งยังเล็กมาก พ่อลูกอยู่ห่างกันมากกว่าอยู่ใกล้ ต่างจากคุณหนูที่อยู่ข้างกายนายท่านมาตั้งแต่เล็กจนโต”
“ท่านแม่ข้าเสียชีวิตเพราะคลอดน้องข้าหรือ”
อี๋เหนียงใหญ่เงียบพลางจิบชาคำหนึ่ง
“อี๋เหนียงใหญ่?” ลั่วเซิงไม่ได้หมดความอดทนในการรอคอยแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าการเร่งเร้าบางครั้งบางคราวอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
อี๋เหนียงใหญ่ได้สติกลับมา นางวางจอกชาลงพูดอย่างลังเลว่า “อันที่จริง… คุณหนูควรมีน้องชายสองคน ครานั้นฮูหยินให้กำเนิดฝาแฝด”
ลั่วเซิงตกใจ
ฝาแฝดหรือ
นางเป็นคุณหนูลั่วมานานเช่นนี้ กลับไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย แม้แต่หงโต้วเองก็คงไม่รู้
“ลั่วเฉินมีพี่น้องฝาแฝดอีกคนหนึ่งหรือ” ลั่วเซิงมองอี๋เหนียงนิ่ง
อี๋เหนียงใหญ่สีหน้าโศกเศร้า “อันที่จริงคุณชายน้อยยังมีน้องชายฝาแฝดคนหนึ่ง เพียงแต่ว่าร่างกายอ่อนแอกว่าคุณชายน้อย ลืมตาดูโลกได้เพียงไม่นานก็จากไป ฮูหยินตรอมใจและจากไปตั้งแต่ช่วงอยู่ไฟ…”
“เหตุใดข้าจึงไม่รู้…” ลั่วเซิงพึมพำ
อี๋เหนียงใหญ่ยิ้มขมขื่น “เด็กทารกเสียชีวิต ไม่สามารถบันทึกไว้ในหนังสือลำดับวงศ์ตระกูลได้ แม้แต่ชื่อก็ไม่มี ใครจะไปพูดถึงเรื่องน่าโศกเศร้ากันเล่า ผ่านมาหลายปีเช่นนี้ ยิ่งไม่มีคนพูดถึงเรื่องเหล่านี้”
หากไม่ใช่เพราะคุณหนูถาม นางไม่มีทางพูดถึงแน่นอน นั่นคือข้อต้องห้ามของนายท่าน
“เช่นนั้นข้าหน้าตาเหมือนท่านแม่หรือไม่”
ได้ยินดังนั้น อี๋เหนียงใหญ่ก็ขอบตาแดงพลางพยักหน้าอย่างแรง “เหมือน คุณหนูเหมือนฮูหยินอย่างน้อยแปดส่วน อีกสองส่วนเหมือนนายท่าน คุณหนูถึงได้มีหน้าตางดงามเพียงนี้”
“เช่นนั้นก็ดี เวลาที่ข้ามองตัวเองจะได้จินตนาการถึงหน้าตาของท่านแม่ข้าได้”
อี๋เหนียงใหญ่พยักหน้าอย่างชื่นใจ
ลั่วเซิงยกจอกชาขึ้นมา “อี๋เหนียงใหญ่กลับไปเถิด”
อี๋เหนียงใหญ่ลุกขึ้นพลางกล่าวลา
ลั่วเซิงเดินไปข้างหน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้วค่อยๆ นั่งลง
กระจกส่องสะท้อนใบหน้างดงามโดดเด่นของเด็กสาว
นางยกมือขึ้น ปลายนิ้วลูบใบหน้าและดวงตาเบาๆ
ที่แท้คุณหนูลั่วก็หน้าตาเหมือนฮูหยินลั่วถึงแปดส่วน
แล้วลั่วเฉินเล่า
เด็กหนุ่มก็หน้าตาดีเช่นกัน แต่กลับเป็นความงามที่วิจิตรสง่างาม มิได้งดงามสดใสเหมือนคุณหนูลั่ว
พี่น้องสองคน หน้าตาแทบจะไม่เหมือนกันเลย
ส่วนแม่ทัพใหญ่ลั่วนั้นหน้าตางามสง่า ร่างสูงกำยำ ต่างจากลั่วเฉินโดยสิ้นเชิง
ส่วนเสี่ยวชี… ลั่วเซิงคิดถึงเด็กหนุ่มหน้าดำ
เพียงแค่เรื่องสีผิว ไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อ ท่านแม่หรือว่าแม่ทัพใหญ่ลั่ว เหมือนกับว่าจะต่างกันยิ่งกว่า
บัดนี้นางรู้จักใบหน้าของฮูหยินลั่วแล้ว เสี่ยวชีย่อมไม่เหมือนฮูหยินลั่วเช่นกัน
ความสมดุลในใจของลั่วเซิงเริ่มเอนเอียง
เพื่อความรอบคอบแล้ว นางจะไปขอคำชี้แนะจากหมอเทวดา
…
เช้าวันต่อมา ซิ่วเย่ว์ไปหอสุราเริ่มเตรียมวัตถุดิบสำหรับเปิดร้าน
แม้ลั่วเซิงจะร้อนใจ แต่ไม่อยากทำตัวผิดปกติเกินไป นางยังคงไปหอสุรายามบ่ายอย่างไม่รีบไม่ร้อน
อาหารสองสามอย่างที่เพิ่งทำเสร็จถูกใส่เข้าไปในกล่องอาหาร ชายร่างกำยำถือกล่องอาหารกำลังจะเตรียมไปส่ง ลั่วเซิงเอ่ยปาก “วันนี้ให้ข้าไปส่งให้หมอเทวดาเถอะ”
ชายร่างกำยำพูดตามสัญชาติญาณว่า “เถ้าแก่ กล่องอาหารหนักนะขอรับ”
ลั่วเซิงรับกล่องอาหารมาแล้ว นางเดินถือออกไปข้างนอกอย่างง่ายดาย
ชายร่างกำยำชะงักงัน เขาคิดถึงเรื่องที่น้องชายเคยเล่าว่าเถ้าแก่เคยปล้นเสี่ยวชีก็เข้าใจในทันที
ถึงอย่างไรก็เป็นเถ้าแก่ที่เคยปล้นพวกน้องตู้มาก่อน สตรีย่อมธรรมดาเทียบไม่ได้
ทันทีที่เด็กเฝ้าประตูเห็นลั่วเซิงก็หลีกทางให้ทันที เขายิ้มถามว่า “คุณหนูลั่ว ท่านมาหาหมอเทวดาหรือขอรับ”
“ใช่ ข้ามาส่งอาหารให้หมอเทวดา”
“ส่งกล่องอาหารให้ข้าน้อยเถอะขอรับ”
ลั่วเซิงถือกล่องอาหารนิ่ง “ข้าเอาไปให้หมอเทวดาเอง มีธุระจะคุยกับหมอเทวดาพอดี”
เด็กเฝ้าประตูลังเลครู่หนึ่งก่อนจะยินยอม “เช่นนั้นเชิญตามข้าน้อยมาขอรับ”
ไม่นาน ลั่วเซิงก็ได้เจอหมอเทวดาหลี่ข้างสวมสมุนไพรเล็กๆ
“นังหนูน้อย เหตุใดวันนี้เจ้ามาส่งอาหารเองเล่า”
ลั่วเซิงยิ้ม “ญาติห่างๆ เทียบไม่ได้กับเพื่อนบ้านใกล้เคียง…”
หมอเทวดาหลี่พูดแทรกลั่วเซิงขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ “มีอะไรก็พูดมาตรงๆ”
นังหนูจอมแสบทำเป็นพูดว่าญาติห่างๆ เทียบไม่ได้กับเพื่อนบ้านใกล้เคียง เห็นเขาแก่จนเลอะเลือนหรือไง