ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 251 ดอกจวี้ซวง
ตอนที่ 251 ดอกจวี้ซวง
ลั่วเซิงพยักหน้า “ใช่แล้ว ในค่ำคืนที่จวนอ๋องถูกกองทหารจำนวนมากปิดล้อม ทารกวัยเดียวกับเป่าเอ๋อร์ปรากฎขึ้นกลางถนน คงไม่ได้เก็บจากถนนมาง่ายๆ แน่ ถึงอย่างไรก็มีทหารมากมายคอยจับจ้อง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะจับทารกธรรมดาคนหนึ่งมาตกกระแทกพื้นแทนเป่าเอ๋อร์ เด็กคนนั้นต้องถูกคนพาฝ่าออกไปจากจวนอ๋อง แต่โชคร้ายที่ตกอยู่ในมือของกองทหารเหล่านั้น”
ซิ่วเย่ว์ฟังเงียบๆ สีหน้าแปรเปลี่ยนไม่หยุด
ลั่วเซิงน้ำเสียงสงบ “ในเวลานั้นสิ่งที่เจ้าเห็นอาจเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง คนที่รับบัญชาพาทารกฝ่าออกไปข้างนอกเกรงว่าจะไม่ได้มีเพียงหยางจุ่นเพียงคนเดียว”
ซิ่วเย่ว์เริ่มเข้าใจ “แล้วเสี่ยวชี…”
“ในเวลานั้นมีความเป็นไปได้สูงที่จวนอ๋องจะปลอมตัวทารกที่มีอายุใกล้เคียงให้เป็นเป่าเอ๋อร์ ให้คนคุ้มกันออกไป เสี่ยวชีและทารกคนนั้นกระทั่งเป่าเอ๋อร์ตัวจริงอยู่ในบรรดาทารกเหล่านั้น”
จวนอ๋องมีผู้คนมากมาย การหาทารกที่มีอายุใกล้เคียงเป่าเอ๋อร์จำหนวนหนึ่งนั้นเป็นเรื่องไม่ยาก
องครักษ์คนหนึ่งที่อุ้มเด็กทารกถูกกองทหารดัก ทารกคนนั้นร่วงตกลงมาต่อหน้าทุกคน กลายเป็นข้อสรุปว่าท่านอ๋องน้อยจวนเจิ้นหนานอ๋องตายตั้งแต่คืนนั้น
ส่วนหยางจุ่นพาเสี่ยวชีหนีออกมาสำเร็จ ส่วนเป่าเอ๋อร์ตัวจริงนั้น… ลั่วเซิงคิดถึงแม่ทัพใหญ่ลั่ว ความคิดสับสนวุ่นวาย
เป่าเอ๋อร์ตัวจริงถูกแม่ทัพใหญ่ลั่วอุ้มกลับมาจวนลั่วมาเงียบๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ บังเอิญตรงกับช่วงวันที่ฮูหยินลั่วให้กำเนิดบุตรพอดี ดังนั้นแฝดหนึ่งในนั้นจึงกลายเป็นลั่วเฉิน
ส่วนสาเหตุที่แม่ทัพใหญ่ลั่วทำเช่นนี้เป็นเรื่องที่นางต้องสืบสวนในภายหลัง
ลั่วเซิงมองซิ่วเย่ว์อย่างลึกซึ้ง ถอนหายใจเบาๆ พูดว่า “คืนนั้น อาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เจ้าเห็นหยางจุ่นอุ้มเด็กทารกออกไป แต่หยางจุ่นตั้งใจมาหาเจ้า…”
จู่ๆ ซิ่วเย่ว์ก็ขอบตาแดง
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้นตราตรึงอยู่ในใจนาง ดวงตาที่หยางจุ่นมองนางปรากฏในความฝันนับครั้งไม่ถ้วน
ที่แท้เขาตั้งใจมาบอกลานางหรือ
ซิ่วเย่ว์อยากร้องไห้ ดวงตากลับมีเพียงความแห้งผาก นางได้แต่ขยี้ดวงตาที่แดงก่ำเบาๆ
“ไปทำงานเถอะ หอสุราต้องเปิดแล้ว จะขาดเจ้าแม่ครัวใหญ่ไปไม่ได้” ลั่วเซิงพูดเสียงอ่อนโยน
ซิ่วเย่ว์พยักหน้าอย่างแรง “เจ้าค่ะ”
ท่านหญิงพูดถูก พวกนางยังมีเรื่องต้องทำอีกมากมาย ไม่มีประโยชน์ที่จะจมอยู่กับอดีต
นางจมปลักอยู่กับความเจ็บปวดเหล่านั้นมาเป็นเวลาสิบสองปี บัดนี้โชคดีได้พบท่านหญิงแล้ว นางต้องมองไปข้างหน้า
ซิ่วเย่ว์จากไปเงียบๆ เหลือเพียงลั่วเซิงนั่งอยู่ในห้องคนเดียว
เข้าสู่ปลายฤดูใบไม้ร่วง ฟ้ามืดเร็วกว่าปกติ ถึงจะจุดไฟแล้ว แต่ในห้องกลับมืดสลัว
ลั่วเซิงเงียบอยู่เนิ่นนาน
ก่อนหน้านี้นางคิดว่าเสี่ยวชีก็คือเป่าเอ๋อร์ บัดนี้กลับพบว่าลั่วเฉินต่างหากคือเป่าเอ๋อร์ จะบอกว่านางไม่สะทกสะท้านใดๆ เลยนั้นเป็นไปไม่ได้
ยังมีแม่ทัพใหญ่ลั่ว ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนนำกองกำลังทหารมาปิดล้อมสังหารจวนอ๋องแล้วเหตุใดจึงช่วยลั่วเฉินไว้
แม่ทัพใหญ่ลั่วมีความสัมพันธ์บางอย่างกับท่านพ่อที่นางไม่รู้หรือไม่
ลั่วเซิงลุกขึ้นเดินออกไป
โคมไฟในห้องโถงส่องสว่าง คุณชายสามเซิ่งผู้แต่งตัวเสมือนเสี่ยวเอ้อร์และคนอื่นๆ เดินไปมาในห้องโถง
“นายท่าน ท่านอยากทานอะไรขอรับ” สือเยี่ยนยืนอยู่ที่เดิมพลางถามเว่ยหาน
สายตาของเว่ยหานมองกลับมาจากตู้คิดเงิน ถามว่า “คุณหนูลั่วเล่า”
สือเยี่ยนอยากจะกลอกตานัก
นายท่านถามตรงจริงๆ ตรงแบบนี้ท่านก็รีบแต่งคุณหนูลั่วเข้าเรือนเลยสิ มาที่นี่ทุกวันรู้จักเพียงแต่กิน น่าร้อนใจจริงๆ
“คุณหนูลั่วอยู่ทางนั้นขอรับ”
สือเยี่ยนพูดพลาง เว่ยหานก็มองไปที่ประตูสวนหลังเรือน
ลั่วเซิงเดินเข้ามา สีหน้าสงบเช่นทุกวัน
เว่ยหานมองนางเดินไปที่ข้างตู้คิดเงิน สายตาหยุดอยู่ที่แจกันดอกไม้ลายครามฐานทรงกลมและคอยาวที่วางอยู่บนโต๊ะสูง
ครานี้เอง จู่ๆ เว่ยหานก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เขาไม่รู้ว่าของขวัญที่นำมาให้วันนี้เปรียบเทียบกับมีดและสูตรอาหารที่ให้ไปก่อนหน้านี้แล้ว คุณหนูลั่วจะชอบมากกว่าหรือไม่
แน่นอนว่าไม่มีความตื่นเต้นไปมากกว่านั้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาให้ของขวัญคุณหนูลั่ว หากครานี้ไม่ชอบ คราวหลังค่อยเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นก็ได้
ทว่าเขายังคงหวังว่านางจะชอบ
เด็กสาวน่าจะชอบหมดเลยกระมัง
ลั่วเซิงมองดอกพุดตานในแจกันลายครามครู่หนึ่งแล้วก็มองไปที่โต๊ะข้างหน้าต่างตามสัญชาติญาณ
จู่ๆ ก็มีดอกพุดตานช่อหนึ่งโผล่มา นอกจากไคหยางอ๋องที่นำของขวัญมาให้เป็นครั้งคราวแล้ว นางคิดไม่ออกว่ายังจะมีผู้ใดอีก
ที่นั่นมีคนในชุดสีแดงเข้มที่คุ้นเคยนั่งอยู่ตามคาด
คนผู้นั้นยิ้มให้นางเล็กน้อย
ลั่วเซิงมองกลับมา หลุบตาลงมองดอกพุดตานสีสันงดงาม
ดอกพุดตาน มีอีกชื่อหนึ่งว่าดอกจวี้ซวงหรือดอกไม้แห่งความรัก
นางมองไปที่เว่ยหานอีกครั้ง
ไคหยางอ๋องหมายความว่าอย่างไรกัน
ลั่วเซิงเดินเข้าไปถามตรงๆ “ท่านอ๋องเป็นคนนำดอกไม้มาหรือเจ้าคะ”
เว่ยหานยอมรับอย่างเปิดเผย “ให้คุณหนูลั่ว”
“ท่านอ๋องเอากลับไปเถอะเจ้าค่ะ ดอกไม้นั่นข้าไม่ชอบ” ลั่วเซิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่เย็นชา กระทั่งยังอ่อนโยนเล็กน้อย แต่กลับแฝงการยืนกราน
ตั้งแต่ที่เขารู้ความลับมากมายของนาง ในค่ำคืนที่ลมกระโชกแรงและฝนตกหนัก ข้างกายศพเย็นยะเยือกของเฉาฮวา อ้อมกอดที่เขามอบให้นางนั้นอบอุ่นเหลือเกิน ทำให้นางไม่สามารถเห็นเขาเป็นศัตรูได้อีก
แต่ก็ควรพอเท่านั้น
ดอกพุดตานที่มีตำนานความรักอันแสนเจ็บปวดนี้ นางไม่สามารถรับไว้ได้
“คุณหนูลั่วไม่ชอบหรือ” เว่ยหานมองดอกพุดตานช่อนั้นอย่างตั้งใจอีกครั้ง
สีแดงเข้มและสีขาวอ่อน สดใสงดงามราวกับเมฆส่องแสงเรืองรอง ออกจะงดงามแท้ๆ
แต่ในเมื่อคุณหนูลั่วไม่ชอบก็ช่างเถอะ พรุ่งนี้เขาค่อยเอาดอกไม้ชนิดอื่นมาให้
น่าเสียดายที่ช่วงเวลานี้ นอกจากดอกพุดตานที่กำลังบานอย่างสวยงามแล้ว มีเพียงดอกเก๊กฮวยเท่านั้นที่ดูไม่แย่
“เช่นนั้นข้ากินเสร็จแล้วจะเอาดอกไม้กลับไป”
“เชิญท่านอ๋องตามสบายเจ้าค่ะ” ลั่วเซิงหันหลังเดินไปที่ข้างตู้เก็บเงิน
แขกหอสุรามากขึ้นเรื่อยๆ มีทั้งใบหน้าที่คุ้นเคยและใบหน้าที่ไม่รู้จัก
หงโต้วทักทายแขกเสร็จก็ดึงโค่วเอ๋อร์ไปกระซิบ
“โค่วเอ๋อร์ เจ้าดูแขกสองคนที่อยู่โต๊ะนั้นสิ แอบขโมยอาหารหอสุราใส่ในเสื้อผ้ากลับไปอีกแล้วใช่หรือไม่”
เห็นนางตาบอดหรือไง ตอนเข้ามาท้องแบน ตอนกลับท้องป่องราวกับคนท้องห้าเดือน ต้องกินเนื้อตุ๋นกี่จานท้องถึงจะป่องได้ขนาดนั้นหรือ
นางจับได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่มีคนทำเช่นนี้แล้ว!
เดิมนางคิดจะไปไล่ แต่กลับถูกคุณหนูห้ามไว้ คิดไม่ถึงว่าคนเหล่านี้กลับทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่คิดจะหยุดเลย
โค่วเอ๋อร์ยิ้มอย่างไม่แยแสนัก “คุณหนูไม่สนใจย่อมมีเหตุผลของคุณหนู เจ้าอย่ากังวลไปเลย”
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดก็เห็นลั่วเซิงเดินไปที่โต๊ะตัวนั้น
ผู้ที่นั่งโต๊ะตัวนั้นคือชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาสองคน ทันทีที่เห็นลั่วเซิงเดินมาใจก็หล่นลงไปที่ตาตุ่ม
จะไม่ตระหนกได้อย่างไร ในเสื้อและในแขนเสื้อยังมีกลิ่นหอมโชยออกมาอยู่เลย
ที่สำคัญคือขาหมูวันนี้หอมเกินไป ถูกเปิดโปงได้ง่าย
“รบกวนแขกทั้งสองท่านสักครู่ ข้ามีเรื่องจะถาม”
ทั้งสองฉีกยิ้มพร้อมกันและพูดว่า “เชิญท่านถาม”
“ร้อนหรือไม่”
ทั้งสองชะงัก มองไปที่ท้องที่ป่องออกมาเล็กน้อยตามนิ้วของลั่วเซิงที่ชี้ไป จากนั้นก็หน้าถอดสี พวกเขาลุกขึ้นทำท่าจะวิ่งหนี
“หยุด”
แม้จะเป็นคำพูดเพียงคำเดียวสั้นๆ ชายหนุ่มสองคนที่ทำท่าจะวิ่งกลับตัวแข็งทื่อ
บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของแม่ทัพใหญ่ลั่วเชียวนะ พวกเขามิบังอาจขัดขืนหรอก
“ท่าน… ยังมีอะไรหรือ” ชายหนุ่มคนหนึ่งถามขึ้นหน้าด้านๆ
จะประหม่าไม่ได้ ประหม่าต่อไปขาหมูที่ซ่อนในเสื้อผ้าคงร่วงลงมา
ลั่วเซิงวางกล่องอาหารที่ถือไว้ลงบนโต๊ะ พูดอย่างสงบว่า “ฤดูหนาวใกล้เข้ามาแล้ว ต่อไปหอสุราจะทำเพียงอาหารร้อน ใส่อาหารไว้ในกล่องอาหารเถอะ”