ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 252 พูดให้น้อย
ตอนที่ 252 พูดให้น้อย
ความรู้สึกของลั่วเซิงที่มีต่อแม่ทัพใหญ่ลั่วนั้นซับซ้อนมาโดยตลอด
ตามหลักเหตุผลแล้ว นางรู้ดีว่าแม่ทัพใหญ่ลั่วทำงานตามรับสั่ง ผู้ที่นางควรเกลียดแค้นมิใช่เขา
แต่ในด้านความรู้สึก เมื่อเห็นคนๆ นี้สังหารครอบครัวของตนเองกับตาแล้วจะให้นางไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยหรือ
ทว่านางกลับกลายเป็นคุณหนูลั่ว จำเป็นต้องยอมรับความสัมพันธ์นี้
ด้วยเหตุนี้ นางจึงทำได้เพียงไม่สุขไม่ทุกข์ ปฏิบัติต่ออีกฝ่ายเหมือนคนแปลกหน้า
ไม่แก้แค้น แต่ก็ไม่สามารถเห็นเขาเป็นครอบครัวได้
เพียงแต่ว่าเมื่อได้รับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ทัพใหญ่ลั่วที่มีต่อลูกสาว ท้ายที่สุดก็ซาบซึ้งใจอยู่ดี ตอนที่จับได้ว่าคนของเขาแอบมาห่ออาหารของหอสุรากลับไปก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
ทว่าตอนนี้เมื่อได้รู้ว่าแม่ทัพใหญ่ลั่วเลี้ยงเป่าเอ๋อร์จนโต ความรู้สึกของนางก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
นางยินยอมที่จะลองมองแม่ทัพใหญ่ลั่วเป็นท่านพ่อ ถือว่าแสดงความกตัญญูแทนคุณหนูลั่วที่ดวงจิตสูญสลายไปแล้ว
มองดูชายหนุ่มสองคนถือกล่องอาหารจากไป ลั่วเซิงหันหลังกลับออกจากห้องโถง
ในขณะที่สายตาของนางจับจ้องไปที่ผู้อื่นก็มีสายตาอีกคู่หนึ่งคอยจับจ้องนางเช่นกัน
เว่ยหานจิบสุราคำหนึ่ง ประกายในดวงตาวูบวาบเล็กน้อย
คุณหนูลั่วปฏิบัติต่อแม่ทัพใหญ่ลั่วไม่เหมือนเดิม เหมือนกับว่า…จะใกล้ชิดกว่าเมื่อก่อน
ช่วงหลายวันนี้มักจะมีแขกของหอสุราแอบห่ออาหารกลับไป แม้แต่หงโต้วยังจับได้แล้วเขาจะไม่รู้ได้อย่างไร
เขาสั่งให้คนคอยจับตามองตั้งแต่แรก เมื่อพบว่าคนเหล่านั้นคือคนของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เขาก็ไม่สนใจอีก
ผู้เป็นพ่ออยากกินอาหารของหอสุราของบุตรสาว เขาย่อมไม่สนใจเรื่องไร้สาระเหล่านี้
มิหนำซ้ำความรู้สึกแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
แม่ทัพใหญ่ลั่วในฐานะที่เป็นท่านพ่อของคุณหนูลั่ว อยากกินอาหารของสุรายังต้องหลบๆ ซ่อนๆ แต่เขานอกจากจะมากินได้อย่างเปิดเผยแล้วยังได้อาหารแถมด้วย
ดื่มเหล้าและกินอาหารจนหมดแล้ว เขายังคงไม่เห็นร่างในชุดสีพื้นกลับมา
เว่ยหานสั่งให้สือเยี่ยนลงบัญชี จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นเดินไปทางโต๊ะคิดเงิน
“ท่านอ๋องกินเสร็จแล้วหรือเจ้าคะ” ผู้ดูแลหญิงถามอย่างมีมารยาท
เว่ยหานพยักหน้าเบาๆ ยื่นมือไปหยิบแจกกันดอกไม้ลายครามบนโต๊ะสูง
ผู้ดูแลหญิงมุมปากกระตุก
ไคหยางอ๋องจะทำอะไรกันแน่
เว่ยหานคิดว่าพรุ่งนี้ต้องเอาดอกไม้อื่นมาอีกจึงวางแจกันลงและหยิบแค่ดอกพุดตานกลับไป
หยิบกลับไปแล้ว!
ผู้ดูแลหญิงตกตะลึง
ไคหยางอ๋องทำแบบนี้… จะไม่โสดไปตลอดชีวิตจริงๆ หรือ
นางอาบน้ำร้อนมาก่อน มองออกว่าไคหยางอ๋องมีใจให้เถ้าแก่
แต่ดอกไม้น่ะเจ้าก็ให้แล้ว แม้เถ้าแก่บอกว่าไม่เอาก็ควรเก็บดอกไม้ไว้ที่นี่ให้เถ้าแก่เป็นคนจัดการเองไม่ดีกว่าหรือ เผื่อว่าตอนที่เถ้าแก่จะทิ้งดอกไม้แล้วรู้สึกทิ้งไม่ลงขึ้นมาเล่า
เขากลับเอากลับไปแบบนี้!
ผู้ดูแลหญิงถอนหายใจส่ายศีรษะ ส่งสายตาเห็นใจให้สือเยี่ยน
สือเยี่ยนกลอกตาพูดไม่ออก
เขาก็แค่คนเลี้ยงห่าน ไม่รู้อะไรด้วยหรอกนะ
ไม่ได้การ เขาต้องตามนายท่านออกไปแล้วเตือนเขาเสียหน่อย
เว่ยหานเดินออกจากหอสุรา บังเอิญเจอเด็กสาวคนหนึ่งพร้อมสาวใช้ข้างกายกำลังเดินมา
เมื่อเห็นเว่ยหาน เด็กสาวก็นัยน์ตาเป็นประกาย ข่มอารมณ์ยินดีเอาไว้ในใจพลางย่อเข่าให้เล็กน้อย “คารวะท่านอ๋องเจ้าค่ะ”
เว่ยหานมองเด็กสาวเล็กน้อย เขาไม่คุ้นหน้าอีกฝ่ายเท่าใดนัก เขาพยักหน้าน้อยๆ แล้วเดินผ่านนางไป
เด็กสาวอดเหลียวหลังไม่ได้ มองแผ่นหลังในชุดสีแดงเข้มค่อยๆ จากไปไกลเรื่อยๆ
นางกัดริมฝีปากเบาๆ รวบรวมความกล้าแล้วจับชายกระโปรงขึ้นวิ่งไปหา “ท่านอ๋องช้าก่อน”
เว่ยหานชะงักฝีเท้า หันกลับมาถามเสียงราบเรียบว่า “แม่นางมีธุระอะไรหรือ”
หญิงสาวยอบกายให้เล็กน้อย “ไม่ทราบว่าท่านอ๋องจำข้าได้หรือไม่ ข้าคือคุณหนูรองจวนอันกั๋วกง ชื่อหานซวง…”
เว่ยหานขมวดคิ้วเอ่ยตัดบทนางที่กำลังแนะนำตัว “มีธุระอะไรหรือ”
“เอ่อ ข้าเห็นดอกพุดตานในมือท่านอ๋องงดงามมาก ข้าชอบดอกพุดตานมากมาตั้งแต่เล็ก ข้าจึงขอบังอาจถามท่านว่าดอกพุดตานของท่านซื้อมาจากที่ไหนเจ้าคะ…” จูหานซวงพยายามหาข้ออ้างอย่างเต็มที่
นางรู้มานานแล้วว่าไคหยางอ๋องมากินข้าวที่หอสุราแทบทุกวัน แต่จะทำอย่างไรได้นางเป็นสตรีสูงศักดิ์จะมาที่นี่ทุกวันย่อมไม่ดี ได้แต่มาเป็นครั้งคราว มาเจอเพื่อให้พอหายคิดถึง
ทุกครั้งที่มา นางจะนั่งในที่ที่ไม่ดึงดูดสายตาผู้คน จะได้แอบนั่งมองเขาเงียบๆ หลังจากนั้นนางก็จะอารมณ์ดีไปอีกสองสามวัน
นางไม่รู้ว่าควรเข้าใกล้เขาอย่างไร นอกจากมองเงียบๆ แม้แต่โอกาสพูดคุยก็ไม่มี ครานี้เห็นเขาถือดอกไม้ นางจึงมีเรื่องคุยเสียที
เว่ยหานมองจูหานซวงด้วยความประหลาดใจ “สวนดอกไม้ของจวนอันกั๋วกงไม่มีดอกไม้หรือ”
จูหานซวงอ้ำอึ้ง ใบหน้าร้อนผ่าว
ไคหยางอ๋องกำลังเข้าใจผิดว่าจวนอันกั๋วกงจนมากหรือ
“แค่กๆ!” เสียงไอหนักๆ ดังขึ้น สือเยี่ยนกำหมัดประสานมือคำนับเว่ยหาน “ท่านอ๋อง คุณหนูลั่วให้ข้าน้อยมาส่งท่านขอรับ”
ความเยือกเย็นบนใบหน้าของเว่ยหานพลันอ่อนโยนลงอย่างไม่รู้ตัว เขาก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า
“คุณหนูจู หากสวนดอกไม้ของจวนท่านแห้งแล้งและว่างเปล่า ลองปลูกต้นไม้หรือดอกไม้ดูนะขอรับ จะได้ไม่ต้องคอยถามคนไม่รู้จักว่าซื้อดอกไม้มาจากที่ไหน” สือเยี่ยนพูดทิ้งท้ายก่อนจะรีบเดินตามขึ้นไป
เหลือเพียงจูหานซวงที่ใบหน้าและใบหูแดงก่ำ จ้องแผ่นหลังขององครักษ์น้อยเขม็ง แทบอยากจะเปลี่ยนสายตาให้กลายเป็นมีดพุ่งเข้าใส่เขา
“คุณหนู…” เห็นจูหานซวงนิ่งไป สาวใช้ก็เอ่ยเรียกเบาๆ
จูหานซวงกัดริมฝีปากเบาๆ สะบัดแขนเสื้อไปจากหอสุรา
คนที่นางอยากเจอไปแล้ว อาหารของหอสุราจะอร่อยเพียงใดนางก็ไม่มีอารมณ์กิน
จะให้นางไปหาลั่วเซิงให้นางมาสร้างปัญหาให้หรือ
เว่ยหานเดินจากไปสิบกว่าจั้งแล้วชายตามองสือเยี่ยน “คุณหนูลั่วเป็นคนให้เจ้ามาส่งข้าจริงๆหรือ”
เขาอาจดีใจเก้อ เขารู้สึกว่าคุณหนูลั่วไม่ทำเช่นนี้
สือเยี่ยนยิ้มแห้ง “ข้าน้อยมีเรื่องจะบอกท่านเองขอรับ”
เว่ยหานไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เพียงแต่ว่าอารมณ์ที่จู่ๆ ก็ดีขึ้นมาเมื่อครู่นี้ค่อยๆ สลายไปในยามนี้
“ว่ามาเถอะ” ใบหน้าที่อ่อนโยนลงของเขากลับมาเย็นยะเยือกอีกครั้งราวกับคมดาบและขวานคม
“นายท่าน พรุ่งนี้ท่านจะให้ดอกไม้คุณหนูลั่วอีกใช่หรือไม่ขอรับ”
เว่ยหานไม่ได้พูดอะไร เอาแต่มองเขา
สือเยี่ยนเข้าใจ เงียบแปลว่าใช่
“แค่กๆ เช่นนั้นท่านอย่าเอาดอกไม้กลับไปเลย ทิ้งไว้ให้คุณหนูลั่วจัดการดีกว่าขอรับ”
ทิ้งหนึ่งครั้ง ทิ้งสองครั้ง ทิ้งบ่อยเข้า ไม่แน่ว่าครั้งไหนจะทิ้งไม่ลงและเก็บไว้เล่า
นายท่านเป็นคนซื่อตรงจริงๆ คุณหนูลั่วพูดอะไรก็ทำตามได้อย่างไรกัน
“พูดจบแล้ว?”
“ยังขอรับ ยังมีอีกเรื่องสำคัญมาก!”
เว่ยหานเงียบรอสือเยี่ยนพูดต่อให้จบ
สือเยี่ยนเรียกความกล้า พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้าน้อยคิดว่าควรจำกัดการพูดคุยกับหญิงสาวผู้อื่นภายในสามประโยคจะดีกว่าขอรับ”
เมื่อพูดเสร็จ องครักษ์น้อยก็รีบพูดต่อไปว่า “โอ้ หอสุรายังยุ่งอยู่เลย ข้าน้อยกลับไปรับแขกก่อนนะขอรับ”
เว่ยหานขมวดคิ้ว ก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าต่อไป
สามประโยคหรือ
เมื่อครู่นี้เขาพูดไม่เกินสามประโยคนะ
ว่าแต่ว่า… นี่คือความต้องการของคุณหนูลั่วหรือ
ในหอสุรายังคงคึกคักเช่นเดิม เสี่ยวชีเดินเข้ามาพร้อมชายมีหนวดจากประตูหลัง เรียกซิ่วเย่ว์ในครัวอย่างมีความสุข “ท่านอา ข้ากลับมาแล้ว”
ซิ่วเย่ว์เดินเข้ามาเอ่ยอย่างอ่อนโยนเช่นเคย “บนเตาอุ่นหมั่นโถวไว้ ไปล้างมือแล้วกินหมั่นโถวสักลูกรองท้องนะ”
เสี่ยวชีโห่ร้องดีใจพลางวิ่งไปล้างมือ
ซิ่วเย่ว์เช็ดมือที่ผ้ากันเปื้อน เดินไปหาลั่วเซิงที่ยืนอยู่ในสวนหลังเรือน พูดเสียงเบาว่า “คุณหนู ต่อไปเสี่ยวชี…”
มองดูเด็กหนุ่มหน้าดำที่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันสีขาวในยามค่ำคืน ลั่วเซิงโค้งริมฝีปากเล็กน้อย “เสี่ยวชียังคงเป็นหลานชายที่รักของเจ้าแน่นอน”
แม้เสี่ยวชีไม่ใช่เป่าเอ๋อร์ แต่ก็เป็นหนึ่งในเด็กเหล่านั้นที่ปกป้องเป่าเอ๋อร์ในค่ำคืนนองเลือด
เพียงแค่เรื่องนี้ นางย่อมเห็นเขาเป็นน้องชาย