ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 253 รู้ทัน
ตอนที่ 253 รู้ทัน
แม่ทัพใหญ่ลั่วรออาหารเย็นด้วยความโหยหาและความกังวล
เขากินอาหารที่แม่ครัวของเซิงเอ๋อร์เป็นคนทำที่เป่ยเหอมาหนึ่งเดือนจนชินแล้ว ไม่ได้กินหนึ่งมื้อก็รู้สึกทรมานมาก
ก่อนไปเป่ยเหอเขาไม่รู้สึกกังวลเช่นนี้เลย ชายหนุ่มเหล่านั้นแอบห่ออาหารหอสุรากลับมาไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง นับได้ว่าช่ำชองแล้ว
แต่นี่ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว เขากังวลว่าพวกเขาจะฝีมือตก
หากถูกคนของหอสุราจับได้… แม่ทัพใหญ่ลั่วดื่มชาคำหนึ่ง สงบอารมณ์ลง
อย่าวิตกเลย แม้จะจับได้ก็ไม่รู้ว่าเป็นคนของเขา
ครานี้เอง มีเสียงดังขึ้นจากนอกประตู “ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยมาส่งอาหารให้ท่านขอรับ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วรีบวางจอกชาลง สีหน้าจริงจัง “เข้ามา”
หนึ่งในชายหนุ่มสองคนที่ถูกจับได้ในหอสุราถือกล่องอาหารเดินเข้ามา
ทันทีที่สายตาของแม่ทัพใหญ่ลั่วเห็นกล่องอาหาร เขาก็รู้สึกได้ว่าต่างจากที่ผ่านมา “เปลี่ยนกล่องอาหารหรือ”
ชายหนุ่มพวกนี้ขโมยอาหารของหอสุราออกมา ย่อมต้องใส่ในกล่องอาหารเมื่อมาส่งให้เขา แต่กล่องอาหารนั่นไม่ใช่แบบนี้นี่
จะว่าไปแล้ว กล่องอาหารใบนี้ดูคุ้นตาจังเลย…
แม่ทัพใหญ่ลั่วใจกระตุก รู้แล้วว่าเหตุใดจึงคุ้นตา เมื่อวานเซิงเอ๋อร์มาส่งขนมเปี๊ยะไส้เนื้อให้เขา กล่องอาหารที่ถือมาก็หน้าตาแบบนี้!
ก่อนที่สีหน้าของแม่ทัพใหญ่ลั่วจะเปลี่ยนเป็นเข้มขรึม ชายหนุ่มก็เอ่ยปากรายงานตามความจริงแล้วว่า “รายงานท่านแม่ทัพใหญ่ กล่องอาหารของหอสุราขอรับ”
“เกิดอะไรขึ้น” แม่ทัพใหญ่ลั่วตบโต๊ะ จอกชาที่วางบนโต๊ะสั่น
“คุณหนูสามจับพวกเราได้แล้วขอรับ…” ชายหนุ่มก้มศีรษะ ไม่กล้ามองสีหน้าของแม่ทัพใหญ่
ใครจะไปรู้ว่าเสียงที่ดังขึ้นหลังจากนั้นกลับอ่อนโยนลงมาก “เล่ารายละเอียดมาซิ”
“ข้าน้อยสองคนแอบห่ออาหารของหอสุราดังเช่นปกติ จู่ๆ คุณหนูสามก็เดินเข้ามา… คุณหนูสามบอกว่าแอบไว้ในเสื้อร้อนเกินไป ต่อไปให้พวกเราใช้กล่องอาหารใส่อาหาร…”
“คุณหนูสามพูดเช่นนี้จริงหรือ”
ชายหนุ่มฟังออกว่าเสียงของแม่ทัพใหญ่ลั่วผิดแปลกไปเล็กน้อย แต่กลับไม่กล้าเงยหน้า “ข้าน้อยมิบังอาจพูดปดขอรับ”
“พอแล้ว เจ้ากลับไปเถอะ”
ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนได้รับนิรโทษกรรม รีบออกไปอย่างรวดเร็ว
ในห้องเหลือเพียงแม่ทัพใหญ่ลั่วเพียงผู้เดียว
เขายื่นมือไปเปิดกล่องอาหารออก
กล่องอาหารเต็มไปด้วยอาหาร กลิ่นหอมเตะจมูก
แม่ทัพใหญ่ลั่วขยี้หางตาที่บวมแดงเบาๆ พึมพำว่า “เซิงเอ๋อร์โตแล้วจริงๆ”
ในอดีต เขาคาดหวังต่อเซิงเอ๋อร์เพียงอย่างเดียวคืออย่าสร้างปัญหาใหญ่ที่เขาช่วยปกปิดไม่ได้ หากออกเรือนได้ก็ยิ่งดี
ไม่คิดเลยว่าจะมีวันใดวันหนึ่งจะได้เห็นเซิงเอ๋อร์แสดงความกตัญญู
แม่ทัพใหญ่ลั่วดวงตาแดงก่ำ กินอย่างตะกละตะกลาม
เทียบกับความซาบซึ้งใจของแม่ทัพใหญ่ลั่วแล้ว ลั่วเฉินอารมณ์ไม่ดีนัก
กลางวันถูกเหล่าอี๋เหนียงและพี่สาวต่างแม่ทั้งสามสลับกันมาเยี่ยม แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาลั่วเซิง
นางจดจ่อกับหอสุราอย่างเดียวเลยหรือ
หากเป็นเช่นนี้ก็ช่างเถอะ ไม่แน่ว่าเป็นเพราะอยากเจอไคหยางอ๋อง
ทันทีที่คิดเช่นนี้ เด็กหนุ่มก็ยิ่งโมโห
น้องชายแท้ๆ ไม่สำคัญเท่าผู้ชายรึ
ครานี้เองฝูซงเข้ามารายงานว่า “คุณชาย คุณหนูสามมาแล้วขอรับ”
“เวลานี้น่ะหรือ” ลั่วเฉินหน้านิ่ง รู้สึกประหลาดใจ
ดูเวลาแล้ว ยังไม่ถึงเวลาปิดร้าน
ฝูซงเห็นลั่วเฉินสีหน้าไม่ดี รีบพูดว่า “เช่นนั้น…ข้าน้อยไปบอกคุณหนูสามว่าท่านหลับไปแล้ว?”
ลั่วเฉินหันขวับ พูดเสียงเย็นชาว่า “เชิญนางเข้ามา”
หลับอะไรกัน เขายังไม่ได้กินข้าวเลย
ไม่นานลั่วเซิงก็เดินเข้ามา
ลั่วเฉินเห็นกล่องอาหารที่นางถือ ใบหน้าที่บูดบึ้งของเขาอดผ่อนคลายลงไม่ได้ เขาขมวดคิ้วถามว่า “หอสุราปิดร้านเร็วเช่นนี้เลยหรือ”
ลั่วเซิงวางกล่องอาหารลง ยิ้มพูดว่า “ยังไม่ปิด ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะยังไม่ได้กินข้าวเย็นก็เลยส่งอาหารมาให้เจ้าน่ะ”
ลั่วเฉินอารมณ์ดีขึ้นมาในทันใด แต่กลับไม่แสดงออกทางใบหน้า พูดเสียงราบเรียบว่า “ส่งคนมาส่งอาหารก็ได้”
“ข้าจะได้มาดูเจ้าด้วย บาดแผลเป็นอย่างไรบ้าง”
ลั่วเฉินหน้าบูดบึ้งอีกครั้ง “อย่าพูดถึงเรื่องที่ข้าบาดเจ็บอีกได้หรือไม่”
เขาไม่ต้องการศักดิ์ศรีหรืออย่างไร
พี่สาวคนละแม่ทั้งสามหน้าบางยังพอคุยด้วยง่าย แต่สายตาของเหล่าอี๋เหนียงมักจะเหลือบมองก้นของเขา อีกเพียงนิดเดียวก็จะถอดกางเกงเขาแล้ว
เขาอยากจะไล่พวกนางออกไปอย่างเดียว
ลั่วเซิงหุบยิ้ม ขยี้ศีรษะของลั่วเฉินอย่างไม่เกรงใจ “ข้ามาเยี่ยมเจ้าแล้วยังจู้จี้อีก”
ลั่วเฉินขมวดคิ้วปล่อยให้นางขยี้พักหนึ่ง ก่อนจะพูดอย่างหมดความอดทนว่า “ข้าจะกินข้าวแล้ว ท่านรีบกลับไปเถอะ”
“ได้ เจ้าค่อยๆ กินนะ” ลั่วเซิงดึงมือกลับมา หันหลังเดินออกไป
ลั่วเฉิน “…”
“คุณชาย ให้ข้าน้อยประคองท่านยืนกินหรือว่าจะนอนกินดีขอรับ” ฝูซงถามอย่างระมัดระวัง
“ประคองข้าขึ้นเถอะ” ลั่วเฉินคิดได้ว่าลั่วเซิงไม่ลืมส่งอาหารมาให้เขา อารมณ์ก็ดีขึ้นเล็กน้อย
วันต่อมาถึงเวลาเปิดหอสุราอีกครั้ง เว่ยหานเป็นคนแรกที่ก้าวเข้ามาในร้าน
สือเยี่ยนกำลังเช็ดโต๊ะ ทันทีที่เห็นดอกเก๊กฮวยในมือเว่ยหาน ผ้าเช็ดโต๊ะก็ร่วงลงมา
“นายท่าน ทะ… ท่านถืออะไรมาหรือขอรับ”
เขาตาฝาดไปหรือ
ตั้งใจมองดูอีกที ไม่ผิดนี่ นั่นมันดอกเก๊กฮวย
ปฏิกิริยาของสือเยี่ยนทำให้เว่ยหานขมวดคิ้วมองดอกเก๊กฮวยในมือ
แม้แต่ดอกเก๊กฮวยก็ไม่รู้จักหรือ
เห็นทีต่อไปต้องเลือกองครักษ์ใหม่ การประเมินต้องครอบคลุมมากขึ้น
ท่านอ๋องที่ไม่คิดจะพูดกับองครักษ์น้อยเดินสาวเท้าไปข้างๆ ตู้คิดเงิน
“นายท่าน…” สือเยี่ยนเรียกเสียงเบาอย่างหมดหวัง ดวงตาทั้งคู่เศร้าหมอง เขาก้มหยิบผ้าเช็ดโต๊ะขึ้นมาเช็ดโต๊ะครั้งแล้วครั้งเล่า
นายท่านคิดอย่างไรกันแน่ อย่างน้อยดอกพุดตานที่ให้เมื่อวานยังมีความหมายว่าเป็นความรักของชายหญิง แต่ดอกเก๊กฮวยเป็นสัญลักษณ์ของการมีอายุยืนยาว ใช้เอาใจคนที่ชอบไม่ล้าสมัยไปหน่อยหรือ
ลั่วเซิงเห็นดอกเก๊กฮวยที่เว่ยหานถือไว้ในมือทันที ทันใดนั้นก็ตกอยู่ในห้วงความคิด
เมื่อวานไคหยางอ๋องให้ดอกพุดตานนาง บางทีอาจจะไม่ได้ต้องการสื่อความหมายอย่างที่นางคิด?
มองดูชายที่ปักดอกไม้ลงในแจกัน ลั่วเซิงก็กระตุกมุมปากเบาๆ
พูดตามตรง การมีปฏิสัมพันธ์กับชายคนนี้บ่อยๆ ทำให้นางสงสัยว่าตนเองคิดไปเองหลายครั้ง
ไม่สิ นางคงคิดไปเองจริงๆ ในใจไคหยางอ๋องนางอาจจะเป็นเถ้าแก่ที่จำเป็นต้องเอาใจจริงๆ
หญิงสาวที่ชอบหรือ คงไม่มีอยู่จริง
เว่ยหานจัดดอกเก๊กฮวยเสร็จก็ถามลั่วเซิงว่า “คุณหนูลั่ว ชอบดอกไม้วันนี้หรือไม่”
ลั่วเซิงมองแจกันดอกไม้
แจกันดอกไม้ลายคราม ดอกเก๊กฮวยสีเหลืองสดใส
ถามว่าสวยหรือไม่ แน่นอนว่าสวย สวยคนละแบบกับดอกพุดตานเมื่อวาน
“หากไม่ชอบ พรุ่งนี้ท่านอ๋องจะให้ดอกไม้อื่นอีกหรือเจ้าคะ” ลั่วเซิงถาม
เว่ยหานไม่ได้ตอบในทันที ในหัวของเขามีภาพสวนดอกไม้แวบผ่านอย่างรวดเร็ว
ฤดูกาลนี้มีดอกไม้ที่ผลิบานไม่มาก เขาคิดว่าดอกไม้ที่สวยงามเขาก็ให้ไปหมดแล้ว
บางทีเขาอาจจะมีมุมมองเรื่องความสวยไม่เหมือนคุณหนูลั่ว
“หากคุณหนูลั่วไม่ชอบดอกเก๊กฮวย ข้าค่อยให้ดอกไม้อื่น” เว่ยหานมองดอกเก๊กฮวยที่บานสะพรั่ง อดพูดไม่ได้ว่า “แต่ว่าดอกเก๊กฮวยน่ะดีมาก นอกจากจะเอาไว้ชื่นชมได้แล้ว ยังนำมาทำชาดอกเก๊กฮวย เนื้อคลุกดอกเก๊กฮวย ข้าวต้มดอกเก๊กฮวย…”
“ยังทำเนื้อหมักดอกเก๊กฮวยได้ด้วยใช่หรือไม่” ลั่วเซิงพูดต่ออย่างเยือกเย็น
เว่ยหานอดพยักหน้าไม่ได้ เมื่อเห็นใบหน้าเยือกเย็นของเด็กสาว เขาก็หุบปากทันที
คุณหนูลั่วดูจริงจังมาก คงไม่ได้เข้าใจผิดว่าเขาให้ดอกไม้เพื่อของกินหรอกนะ
เขาไม่ได้คิดเช่นนี้จริงๆ
ลั่วเซิงมองเว่ยหานนิ่ง ถามอย่าสงบว่า “หลังจากที่เราแยกทางกันที่เป่ยเหอ ท่านอ๋องเดินตามข้ามาใช่หรือไม่”
ถึงว่าเหตุใดจู่ๆ เขาก็ให้ดอกไม้นาง เป็นเพราะวันนั้นเห็นผิงลี่ให้ดอกไม้ลั่วฉิงสินะ