ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 258 เขาเท่านั้น
ตอนที่ 258 เขาเท่านั้น
มองดูผู้คนที่เดินเตร่อยู่ข้างนอกหอสุรา โค่วเอ๋อร์ก็ส่ายศีรษะ “เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้นะ ดูก็รู้ว่าคนพวกนี้ไม่ใช่แขกที่มากินข้าวปกติ แบบนี้จะเกิดความโกลาหลเอาได้”
หงโต้วได้ยินดังนั้นก็กลอกตา “แขกที่มากินข้าวมีแบ่งปกติและไม่ปกติด้วยหรือ พวกเขาอยากเข้ามากิน แต่ไม่มีที่ต่างหาก”
กวาดตามองห้องโถง หงโต้วก็เม้มปาก
เพิ่มโต๊ะน่ะเป็นไปไม่ได้แน่นอน ทุกๆ คืนต้องไล่คนเหล่านี้ในห้องโถงไปก็ยากพออยู่แล้ว
เมื่อคิดได้ว่าต้องรอให้แขกหอสุรากลับกันหมดแล้วถึงจะได้กินอาหารอร่อยๆ คิดว่าเป็นเสี่ยวเอ้อร์นั้นสบายจริงๆ หรือ
มิหนำซ้ำ ไคหยางอ๋องก็กลับดึกขึ้นทุกที ดึกเสียจน… ไม่อยู่กินข้าวกับพวกเขาเสียเลยเล่า!
สาวใช้คับอกคับใจ เหลือบมองชายหนุ่มในชุดสีแดงเข้มที่นั่งอยู่ข้างหน้าต่างด้วยความโมโห
ข่าวที่ลือกันข้างนอกแม้แต่นางก็ได้ยินแล้ว ไคหยางอ๋องไม่มาสักวันสองวันไม่ได้เลยหรือ
เอ่อ นางไม่ได้กลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงคุณหนูอะไรหรอก ถึงอย่างไรคุณหนูผู้นี้ก็ไม่มีชื่อเสียงอะไรให้เสียอยู่แล้ว ประเด็นคือรบกวนเวลากินข้าวของพวกเขาที่ยุ่งมาทั้งคืน
ผู้ที่ใส่ใจเว่ยหานนอกจากสาวใช้ที่เต็มไปด้วยความโมโหแล้ว ยังมีจูหานซวงคุณหนูรองของจวนอันกั๋วกง
ตั้งแต่ที่ได้ยินข่าวลือ นางก็นั่งไม่ติด มาที่นี่ติดกันสามวัน
นางเห็นไคหยางอ๋องปรากฏตัวที่หอสุราทุกวัน เห็นสายตาของไคหยางอ๋องมองตามร่างๆ หนึ่งทุกวัน
กระทั่งเพราะวันนี้นางมาเร็วกว่าไคหยางอ๋อง นางจึงเห็นกับตาว่าเขาถือสาลี่ตระกร้าหนึ่งมาด้วย
จูหานซวงสีหน้าขรึมลง แม้จะไม่รู้ว่าการให้สาลี่มีความหมายว่าอะไร แต่สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ให้อะไร แต่อยู่ที่การ ‘ให้’ คำนี้
ที่แท้ข่าวลือคือเรื่องจริง…
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจของจูหานซวงก็เหมือนกำลังดิ้นพล่านอยู่ในกระทะน้ำมันที่กำลังเดือด ไม่ว่าตรงหน้าจะมีอาหารเลิศรสอะไรก็กินไม่ลง
ลั่วเซิงเดินเข้ามาในห้องโถง นั่งลงที่เดิมข้างตู้คิดเงินและกวาดมองไปรอบๆ อย่างไม่ใส่ใจนัก จากนั้นก็ดื่มชาเงียบๆ
ตั้งแต่ที่ข่าวลือชายารัชทายาทเสียโฉมและรัชทายาทถูกหมูป่าขวิดที่ฐานล่าสัตว์เป่ยเหอแพร่กระจายไปในเมืองหลวง นางก็ไม่เห็นเว่ยเชียงปรากฎกายอีกเลย
การไม่ปรากฏกายของอีกฝ่ายทำให้แผนการของนางดำเนินต่อไปไม่ได้
เครื่องปรุงสำหรับเว่ยเชียงต้องค่อยๆ สะสมในร่างกายถึงจะออกฤทธิ์ได้ดี
ข่าวลือสองเรื่องนี้ใครเป็นคนแพร่ออกไปกันนะ
แล้วก็อีกคนหนึ่งที่อยู่ในข่าวลือมาน้อยลงหน่อยไม่ได้หรือ นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าแขกหน้าใหม่เพิ่มขึ้นไม่น้อย
ขณะที่คิดเรื่องเหล่านี้ ลั่วเซิงก็มองเว่ยหาน
ชายที่นั่งดื่มสุราข้างหน้าต่างหันมาพอดี
สายตาสบกัน จากนั้นลั่วเซิงก็เคลื่อนสายตาออกราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จูหานซวงเห็นภาพนี้เข้าก็เรียกเก็บเงินอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป
กลับถึงจวนอันกั๋วกง ฟ้าก็มืดลงแล้ว
คนเฝ้าประตูแจ้งว่า “คุณหนูรอง ฮูหยินเรียกท่านไปพบเมื่อกลับมาแล้วขอรับ”
จูหานซวงไปถึงเรือนของฮูหยินอันกั๋วกง ย่อเข่าคารวะ “ท่านแม่เรียกลูกมีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ”
ผู้ที่นั่งอยู่บนตั่งคือสตรีวัยกลางคนหน้าตางดงามอย่างยิ่ง เมื่อต้องเผชิญกับลูกสาวที่กลับมาดึกดื่น ใบหน้าที่อ่อนโยนก็เข้มงวดขึ้นมาทันที “หานซวง ได้ยินว่าเจ้ากินข้าวข้างนอกติดต่อกันหลายวันแล้วหรือ”
จูหานซวงเม้มปากพลางพยักหน้า
“เหลวไหล!” ฮูหยินอันกั๋วกงน้ำเสียงเข้มงวดกว่าเดิม “แม้ว่าสมัยนี้จะไม่เข้มงวดเรื่องมารยาทนัก แต่เจ้าเป็นสตรีคนหนึ่งกลับมาหลังฟ้ามืดติดต่อกันหลายวัน หากข่าวแพร่ออกไปไม่อับอายหรือ”
จูหานซวงอดอธิบายไม่ได้ “แขกสตรีที่ไปหอสุรามีไม่น้อย วันนี้ข้ายังเห็นคุณหนูสองคนของจวนรองเจ้ากรมหวัง…”
“คนอื่นเขาไปทุกวันหรือ หานซวง เจ้าบอกความจริงแม่มา เจ้าไปหอสุราทุกวันแบบนี้เพราะอะไรกันแน่”
สีหน้าจูหานซวงแปรเปลี่ยนไปมาไม่หยุด นางรวบรวมความกล้าภายใต้สายตาของฮูหยินอันกั๋วกงและคุกเข่าลง “ท่านแม่ ขอร้องท่านช่วยลูกด้วยเจ้าค่ะ”
“ลุกขึ้นมาพูด”
“ไม่ หากท่านไม่รับปากช่วยลูก ลูกก็จะไม่ลุก”
ฮูหยินอันกั๋วกงขมวดคิ้วแน่น “หานซวง เจ้ามีเรื่องอะไรกันแน่”
จูหานซวงคุกเข่าบนพื้นที่หนาวเย็นพลางเงยหน้าขึ้น เอ่ยขอร้องด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ลูกมีใจให้ไคหยางอ๋อง ขอร้องท่านแม่ช่วยทำให้ลูกสมปรารถนาด้วยเจ้าค่ะ…”
ฮูหยินอันกั๋วกงชะงักงันไปอย่างเห็นได้ชัด “ไคหยางอ๋อง?”
จูหานซวงพยักหน้าเบาๆ ใบหน้ายิ่งแดงกว่าเดิม
การต้องยอมรับว่าชอบผู้ชายคนหนึ่งต่อหน้าท่านแม่ นางเองก็รู้สึกอับอาย แต่ข่าวลือข้างนอกเหล่านั้นและภาพแต่ละภาพที่เห็นช่วงสองสามวันนี้ทำให้นางหมดหนทางจริงๆ
หากทำให้นางมีโอกาสได้อยู่ร่วมกับชายผู้นั้น ความอับอายก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย
“ท่านแม่ ลูกมีใจให้ไคหยางอ๋องมานานมากแล้ว ท่านโปรดช่วยลูกด้วยเถอะเจ้าค่ะ”
หลังจากฮูหยินอันกั๋วกงชะงักงันไปในตอนแรก นางก็ตั้งสติได้ทันที “ไม่ได้!”
“ทำไมเล่า”
“ไคหยางอ๋องเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้และยังเป็นเชื้อพระวงศ์ พระชายาในอนาคตของไคหยางอ๋องจะต้องให้ฮ่องเต้ทรงเห็นชอบก่อนถึงจะได้” เห็นท่าทีพลุ่งพล่านของบุตรสาว ฮูหยินอันกั๋วกงก็อธิบายอย่างใจเย็น
“ให้ท่านพ่อทูลบอกฮ่องเต้ไม่ได้หรือเจ้าคะ” จูหานซวงถามอย่างไม่ยอมแพ้
นางเป็นคุณหนูแห่งจวนอันกั๋วกง อาศัยแค่เรื่องภูมิหลัง เหตุใดนางจะเป็นพระชายาเอกไม่ได้
ฮูหยินอันกั๋วกงส่ายศีรษะ “เพราะว่าเราคือจวนอันกั๋วกง หนึ่งในสี่กั๋วกงซึ่งก่อตั้งแคว้น หากฮ่องเต้มีประสงค์ให้ไคหยางอ๋องหมั้นหมายกับจวนอันกั๋วกง พระองค์ย่อมตรัสกับท่านพ่อของเจ้าเอง หากฮ่องเต้ไม่ประสงค์เช่นนั้น ท่านพ่อเจ้าถือวิสาสะไปทูลบอกเอง นอกจากจะทำให้ฮ่องเต้ไม่พอพระทัยแล้วก็ไม่มีประโยชน์อันใดเลย”
จูหานซวงได้ยินดังนั้นก็ผิดหวังจนน้ำตาไหล “ต้องทำอย่างไรฮ่องเต้จึงจะมีความประสงค์เช่นนั้นเจ้าคะ”
ฮูหยินอันกั๋วกงหน้าขรึม “พระประสงค์ศักดิ์สิทธิ์มิอาจคาดเดาซี้ซั้ว! หานซวง เจ้าไม่ใช่เด็กแล้ว ต่อไปต้องรู้จักระวังคำพูด!”
“แต่ลูกชอบไคหยางอ๋องจริงๆ นะเจ้าคะ นอกจากเขาแล้วลูกไม่อยากแต่งงานกับผู้อื่น”
เมื่อเห็นบุตรสาวไม่สนใจศักดิ์ศรีของสตรีเพื่อผู้ชายคนหนึ่ง ฮูหยินอันกั๋วกงก็สีหน้าเย็นชาเอ่ยถามเสียงเยือกเย็นว่า “เจ้าร้องไห้โวยวายอยากจะแต่งงานกับไคหยางอ๋องให้ได้ แล้วไคหยางอ๋องชอบเจ้าหรือไม่”
จูหานซวงชะงักกับคำถาม
เห็นนางชะงักไป ฮูหยินอันกั๋วกงก็พูดอีกว่า “ว่ากันว่าไคหยางอ๋องชอบคุณหนูลั่ว ด้วยตำแหน่งของไคหยางอ๋องในพระทัยของฮ่องเต้ แม้ฮ่องเต้จะประสงค์จะให้แต่งกับจวนอันกั๋วกง แต่หากไคหยางอ๋องคัดค้านก็ไม่ได้อยู่ดี หานซวง เจ้าล้มเลิกความคิดที่ไม่มีทางเป็นไปได้นี้เสียเถอะ แม่จะช่วยเจ้าเลือกคู่ครองดีๆ ให้เอง”
“ข้าไม่ต้องการคู่ครองดีๆ!” จูหานซวงตะโกน ปิดหน้าร้องไห้
มีเพียงแต่งงานกับไคหยางอ๋องเท่านั้น ถึงจะเป็นคู่ครองดีๆ สำหรับนาง
อันกั๋วกงฮูหยินโมโห “เอาเป็นว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ห้ามออกจากจวนยามวิกาลอีก!”
“ท่านแม่…”
ฮูหยินอันกั๋วกงหลับตาลง “เจ้าออกไปเถอะ ข้าต้องไหว้พระแล้ว”
จูหานซวงเดินโซเซออกจากห้อง เมื่อถูกลมหนาวปะทะร่างก็สงบอารมณ์ลงได้
คำพูดสุดท้ายของฮูหยินอันกั๋วกงดังสะท้อนอยู่ในหัวของนางตลอดเวลา
ด้วยตำแหน่งของไคหยางอ๋องในพระทัยของฮ่องเต้ แม้ฮ่องเต้ประสงค์จะให้แต่งกับจวนอันกั๋วกง แต่หากไคหยางอ๋องคัดค้านก็ไม่ได้อยู่ดี…
แล้วถ้าหากสลับกันเล่า
หากไคหยางอ๋องยินยอม ฮ่องเต้ก็จะเห็นด้วยหรือไม่
จู่ๆ ก็รู้สึกราวกับว่ามีแสงสว่างปรากฏตรงหน้า ดึงนางออกมาจากความมืดมิดผิดหวังครั้นคุกเข่าตรงหน้าท่านแม่
ทว่าก่อนอื่นนางต้องทำให้ข่าวลือไร้สาระนั่นกลายเป็นเพียงข่าวลือจริงๆ ไม่ใช่เฝ้ามองไคหยางอ๋องปฏิบัติกับลั่วเซิงอย่างแตกต่างเช่นนี้