ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 275 ผลกรรม
ตอนที่ 275 ผลกรรม
หลังจากออกจากโรงน้ำชาแล้ว อันกั๋วกงยังคงฝืนกลั้นอารมณ์เอาไว้ เมื่อถึงจวนอันกั๋วกง ใบหน้าก็มืดครึ้มไปหมด เขาเดินตรงไปยังเรือนของจูหานซวงด้วยใบหน้าบึ้งตึง
ตามหลักแล้วการทำเช่นนี้ไม่ค่อยเหมาะสม หากกล่าวถึงครอบครัวที่เข้มงวด ผู้อาวุโสฝ่ายชายไม่ค่อยเข้าไปเรือนของบุตรสาว
แต่บัดนี้อันกั๋งกงกลับไม่มีกะจิตกะใจมาสนใจแล้ว
อันกั๋วกงที่เดินเข้าไปด้วยความโมโหกลับพบเพียงความว่างเปล่า
“คุณหนูของพวกเจ้าเล่า”
สาวใช้ในเรือนตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “คุณหนูไปน้อมทักทายฮูหยินแล้วเจ้าค่ะ”
อันกั๋วกงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าบัดนี้เป็นเวลาที่บุตรสาวไปน้อมทักทายฮูหยินพอดี
เช่นนี้ก็ดี!
อันกั๋วกงยิ้มเย็น รีบเดินกลับไปที่เรือนหลักทันที
บรรยากาศในเรือนหลักกำลังมีความสุข
อันกั๋วกงฮูหยินพึงพอใจกับบุตรสาวที่ช่วงนี้ไม่ได้ออกไปข้างนอก นางคีบเกี๊ยวปูชิ้นหนึ่งวางลงบนชามของจูหานซวง พูดเสียงอ่อนโยนว่า “แม่จำได้ว่าเจ้าชอบกินนี่ กินเยอะๆ นะ”
จูหานซวงมีเรื่องหนักใจ นางกินไปแค่ครึ่งหนึ่งก็วางลง
ตาแก่หวังลงมือตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว คุยกันไว้แล้วว่าจะส่งข่าวให้นางวันนี้แต่เช้าตรู่
แต่นางลืมตาตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง รอจนมาน้อมทักทายท่านแม่ก็ยังไม่ได้รับจดหมายใดๆ จากตาแก่หวังเลย
สำเร็จหรือไม่สำเร็จกันนะ
ไม่มีทางล้มเหลวแน่นอน ฝีมือการต่อสู้ของตาแก่หวังดีขนาดนั้น แข็งแกร่งกว่าองครักษ์เหล่านั้นของจวนอันกั๋วกงมาก ต่อสู้กับแม่ครัวน้อยคนหนึ่งจะไม่สำเร็จได้อย่างไร
ถึงแม้แม่ครัวผู้นั้นบอกเรื่องราวทั้งหมดให้ลั่วเซิงฟังโดยไม่สนใจคำข่มขู่ แต่การขอให้แม่ครัวไปยังสถานที่นัดพบเพียงคนเดียว ลั่วเซิงจะทำอะไรได้เล่า
ที่ลั่วเซิงโอหังมาได้หลายปีนั้นล้วนอาศัยสถานะของบุตรสาวแห่งแม่ทัพใหญ่ทั้งสิ้น หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ นางก็เป็นแค่สตรีสมองกลวงคนหนึ่งเท่านั้น
ขณะที่จูหานซวงคิดเรื่องเหล่านี้ หัวใจที่กระวนกระวายก็ค่อยๆ สงบลง
“หานซวง เหตุใดเจ้าไม่กินเล่า” อันกั๋วกงฮูหยินมองบุตรสาว ดูออกว่าบุตรสาวดูผิดปกติเล็กน้อย
จูหานซวงตั้งสติได้ในทันที ยิ้มให้อันกั๋วกงฮูหยิน “เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ ตอนนี้เลยกินไม่ค่อยลงเจ้าค่ะ”
“ไม่สบายหรือ” อันกั๋วกงฮูหยินวางตะเกียบลง ยกมือขึ้นแตะหน้าผากจูหานซวงเบาๆ แล้วจึงวางใจลง “ค่อยยังชั่ว ตัวไม่ร้อน”
จูหานซวงยิ้ม “ท่านแม่ ท่านกินเถอะ ท่านก็ชอบกินเกี๊ยวปูมิใช่หรือ อีกไม่กี่วันก็ไม่มีปูให้กินแล้ว”
อันกั๋วกงฮูหยินพยักหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกไม่สบายใจโดยไม่ทราบสาเหตุ
บุตรสาวเป็นคนเก็บความลับไม่อยู่ วันนี้ดูเหมือนจะมีเรื่องในใจ
เป็นไปได้หรือไม่ว่ายังไม่ยอมแพ้ในตัวไคหยางอ๋อง
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ อันกั๋วกงฮูหยินก็รู้สึกปวดศีรษะ
พ่อแม่ในโลกใบนี้ หากสามารถทำให้ความปรารถนาของลูกเป็นจริงได้ จะทำใจปล่อยให้ลูกผิดหวังได้อย่างไรเล่า
แต่อยากแต่งงานกับไคหยางอ๋องนั้นเป็นเรื่องยากจริงๆ ไม่ใช่แค่จวนอันกั๋วกงปรารถนาก็จะสามารถทำได้
“ท่านแม่ ท่านกิน…” จูหานซวงเพิ่งพูดเสร็จ ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดอย่างแรง
เนื่องจากกะทันหันเกินไป นางจึงตกใจจนสะดุ้ง เกี๊ยวปูที่ถูกคีบไว้ร่วงลงบนโต๊ะ
อันกั๋วกงฮูหยินตกใจสะดุ้ง ขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านกั๋วกง ท่านเป็นอะไรไป อย่าทำหานซวงตกใจสิเจ้าคะ”
เป็นเรื่องปกติที่บุรุษจะไม่สบอารมณ์เมื่อเผชิญกับปัญหาภายนอก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นท่านกั๋วกงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้
อันกั๋วกงจ้องอันกั๋วกงฮูหยินเขม็ง
อันกั๋วกงฮูหยินอายุน้อยกว่าอันกั๋วกงเจ็ดแปดปี อาจจะเป็นเพราะวันเวลาปฏิบัติต่อคนงามอย่างดีเป็นพิเศษ ทำให้นางดูเหมือนคนอายุเพียงสามสิบต้นๆ เท่านั้น
ในยามปกติแล้ว อันกั๋วกงค่อนข้างภูมิใจในความงามที่โดดเด่นของภรรยาของเขา เมื่อมองดูในเมืองหลวง มีเพียงภรรยาคนแรกของแม่ทัพใหญ่ลั่วที่เสียชีวิตตั้งแต่เยาว์วัยเท่านั้นที่สามารถเปรียบเทียบกับนางได้
แต่ว่าบัดนี้ ความงดงามของอันกั๋วกงฮูหยินกลับทิ่มแทงดวงตาของเขา
“ออกไปให้หมด!”
เสียงคำรามของอันกั๋วกงทำให้สาวใช้ที่คอยรับใช้อยู่ในห้องพากันวิ่งออกไป
อันกั๋วกงฮูหยินเดินขึ้นไป “ท่านกั๋วกง ท่านเจอปัญหาอะไรจากข้างนอกมาหรือเจ้าคะ…”
อันกั๋วกงตบหน้านางอย่างแรง
ฝ่ามือนี้ไม่ปรานีเลยแม้แต่น้อย อันกั๋วกงฮูหยินล้มลงบนพื้นทันที
แจกันดอกไม้บนโต๊ะตัวเล็กโยกไปมาก่อนจะร่วงลงบนพื้นและแตกกระจาย
“ท่านแม่!” จูหานซวงร้องอุทาน นางเข้ามาขวางตรงหน้าและถามว่า “ท่านพ่อ เหตุใดท่านต้องทำกับท่านแม่เช่นนี้เจ้าคะ ท่านแม่ทำอะไรผิด”
เสียงตบดังกังวานขึ้นอีกครั้ง
ฝ่ามือนี้สำหรับจูหานซวง
จูหานซวงถูกตบกะทันหันจนนางรู้สึกวิงเวียน นางปิดแก้มมองอย่างตกตะลึง “ท่านพ่อ…”
เสียงตวาดของอันกั๋วกงดังขึ้น “อย่าเรียกข้าว่าพ่อ ข้าไม่มีลูกสาวเยี่ยงเจ้า! เจ้าถามข้าว่าท่านแม่เจ้าทำอะไรผิดหรือ ดี ข้าจะบอกเจ้าเอง ความผิดที่ใหญ่หลวงที่สุดของนางก็คือให้กำเนิดคนโง่และจิตใจอำมหิตเช่นเจ้าออกมาอย่างไรเล่า!”
จูหานซวงหูอื้อไปหมด จนถึงตอนนี้ก็ยังตั้งสติไม่ได้ มองดูท่านพ่อที่เมตตาและเอ็นดูนางกลายเป็นผีร้าย นางตกใจจนน้ำตาไหลไม่หยุด พึมพำว่า “ท่านพ่อ ท่านเป็นอะไรไปกันแน่เจ้าคะ ท่านเป็นแบบนี้ข้ากลัวเหลือเกิน…”
น้ำตาของนางกลับยิ่งกระตุ้นความโกรธของอันกั๋วกง
บุตรสาวแสนดีของเขา เพราะนางร้องไห้ หัวเราะและพูดเป็น ใช้ความไร้เดียงสาและร่าเริงสดใสของนางบดบังดวงตาของเขาและสร้างปัญหาที่อาจทำลายอนาคตของทั้งครอบครัว
“เจ้ายังมีหน้ามาร้องไห้! เหตุใดตอนที่เจ้าสั่งให้คนอื่นไปสังหารคนจึงไม่รู้สึกเกรงกลัวบ้างเล่า” อันกั๋วกงคว้าตัวจูหานซวงมาถามด้วยเสียงเคร่งขรึม
กายของจูหานซวงสั่นเทา ดวงตาเบิกโพลง
สั่งคนอื่นไปสังหารคน?
ท่านพ่อรู้ได้อย่างไร!
คลื่นความหวาดกลัวสุดขีดโหมซัดกระหน่ำในใจนางทันที
สำหรับคนอย่างจูหานซวงแล้ว ความกลัวจากการกระทำชั่วแล้วถูกค้นพบมีมากกว่าความกลัวจากการกระทำชั่วเสียอีก
“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้…” ภายใต้ความหวาดกลัว จูหานซวงนึกจะปิดบังเพียงอย่างเดียว
เห็นนางยังคงไม่ยอมรับจนถึงตอนนี้ เส้นประสาทแห่งสติของอันกั๋วกงนั้นก็ขาดสะบั้น มือทั้งคู่ของเขาบีบคอของจูหานซวงไว้ทันที
จูหานซวงหายใจลำบากในทันที นางตะเกียกตะกายดิ้นรน “ทะ ท่านพ่อ…”
มือของอันกั๋วกงบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าค่อยๆ เย็นชา
เขาเองก็ไม่อยากทำเช่นนี้ ปกติแล้วเขามองบุตรสาวเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ แต่ครานี้ปัญหาที่บุตรสาวก่อไว้นั้นใหญ่เกินไป หากไม่ระวังเพียงเล็กน้อยก็อาจนำพาหายนะมาให้ทั้งตระกูลได้
อันกั๋วกงฮูหยินดวงตาเบิกโพลง นางพุ่งเข้ามาพยายามดึงมืออันกั๋วกงออก “ท่านปล่อยหานซวงนะ!”
“ไสหัวออกไป!”
อันกั๋วกงเคยขี่ม้ายิงธนู แม้จะอ้วนท้วนแล้ว ฝีมือก็ไม่ได้คล่องแคล่วเช่นวัยหนุ่ม แต่เรี่ยวแรงที่มีก็ไม่ได้ลดลงเลย
ส่วนอันกั๋วกงฮูหยินกลับเป็นหญิงงามร่างกายบอบบาง
อันกั๋วกงเพียงแค่ออกแรงสะบัดออกเล็กน้อย อันกั๋วกงฮูหยินก็กระเด็นออกไป จากนั้นตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าขนลุก
จูหานซวงตาโต พยายามยกมือขึ้นชี้ไปทางนั้น แต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ
อันกั๋วกงค่อยๆ หันมองไป เห็นเพียงอันกั๋วกงฮูหยินนอนตะแคงบนพื้น บริเวณลำคอถูกเศษแจกันแทง เลือดกำลังไหลทะลักออกมาไม่หยุด
เลือดนั้นยิ่งไหลยิ่งมาก แทบจะกลายเป็นบ่อเลือดภายในชั่วพริบตา
อันกั๋วกงฮูหยินที่นอนอยู่บนกองเลือดดวงตาเบิกโพลงมองบริเวณที่อันกั๋วกงและบุตรสาวอยู่ ลำตัวกระตุก
ร่างของนางกระตุกสองสามทีก่อนจะแน่นิ่งไป
มือของอันกั๋วกงที่บีบคอจูหานซวงปล่อยออกโดยสัญชาติญาณ
ในที่สุดจูหานซวงก็กรีดร้องขึ้นมาด้วยเสียงแหบแห้ง “ท่านแม่…”