ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 278 เยี่ยมคนป่วย
ตอนที่ 278 เยี่ยมคนป่วย
เห็นอวิ๋นต้งเงียบ แม่ทัพใหญ่ลั่วก็ยิ่งเดือดดาลกว่าเดิม “เจ้าห้า เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่”
อวิ๋นต้งหลุบตามองพื้น เอ่ยเสียงขรึมว่า “ลูกไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดจางผิงจึงทำเรื่องเช่นนี้…”
“ไม่รู้รึ” แม่ทัพใหญ่ลั่วโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ว่ากันว่าจางผิงเป็นมือขวาของเจ้า เวลาปฏิบัติหน้าที่เจ้าจะพาเขาไปด้วย เขาทำเรื่องเช่นนี้ เจ้าจะบอกว่าเจ้าไม่รู้รึ”
องครักษ์จิ่นหลินที่อยู่ในเหตุการณ์มองหน้ากันไปมา
แม่ทัพใหญ่ลั่วหมายความว่าอย่างไรกัน
หรือว่าสงสัยว่านายท่านห้าไม่ภักดี
กล้าลงมือกับหลานชายของแม่ครัวคุณหนูสาม ช่างบังอาจเสียจริงๆ
แม่ทัพใหญ่ลั่วมองอวิ๋นต้งนิ่ง เอ่ยเสียงเย็นชาว่า “เจ้าห้า เจ้าทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ทหาร…”
องครักษ์จิ่นหลินจำนวนหนึ่งเดินขึ้นมาทันที
“จับอวิ๋นต้งไปขัง”
“ขอรับ”
ผิงลี่ที่ยืนอยู่ในฝูงชนเดินขึ้นมาข้างหน้า พูดเกลี้ยกล่อมว่า “ท่านพ่อบุญธรรมโปรดอย่าโมโห น้องห้าภักดีต่อท่านมาโดยตลอด อาจจะมีอะไรเข้าใจผิด”
“จะมีอะไรเข้าใจผิดได้อย่างไร เจ้าไม่ต้องช่วยขอร้องแทนเขา ข้ารู้แก่ใจดี”
“ท่านพ่อบุญธรรม…” ผิงลี่ทำท่าจะเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่เปี่ยมด้วยโทสะของแม่ทัพใหญ่ลั่วก็ชะงักไปทันที
แม่ทัพใหญ่ลั่วสีหน้ามืดครึ้ม “พอแล้ว ข้าไม่อยากฟังอีก จับเจ้าห้าไปเสีย!”
“ท่านพ่อบุญธรรม…” ผู้ที่เรียกแม่ทัพใหญ่ลั่วครานี้คืออวิ๋นต้ง
แม่ทัพใหญ่ลั่วมองอวิ๋นต้ง
อวิ๋นต้งโขกศีรษะลงบนพื้น “ลูกขออำลา”
แม่ทัพใหญ่ลั่วเอามือไพล่หลังหันกลับไป ไม่มองอวิ๋นต้งอีก
อวิ๋นต้งถูกองครักษ์จิ่นหลินนำตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
แม้องครักษ์จิ่นหลินในเหตุการณ์จะหวาดหวั่นในใจ แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงอาการใดๆ
ครอบครัวที่รุ่งโรจน์ในวันนี้ พรุ่งนี้กลับพังทลาย พวกเขาเห็นมามากแล้ว
ชีวิตมีขึ้นมีลง มีเกิดแก่เจ็บตายล้วนเป็นเรื่องธรรมดา
แม้จะประหลาดใจกับการเสียความโปรดปรานของคุณชายห้า แต่เรื่องก็เพียงเท่านี้
แม่ทัพใหญ่ลั่วมีบุตรบุญธรรมห้าคน ไม่มีนายท่านห้าก็ยังมีนายท่านใหญ่ นายท่านรอง นายท่านสามและนายท่านสี่ มิหนำซ้ำตอนนี้คุณชายน้อยก็กลับมาแล้ว นี่คือบุตรชายแท้ๆ ของแม่ทัพใหญ่ลั่วเชียวนะ
เมื่ออวิ๋นต้งถูกนำตัวออกไป แม่ทัพใหญ่ลั่วก็มองผิงลี่เอ่ย “เจ้าใหญ่ งานของเจ้าห้าขอมอบให้เจ้าดูแลชั่วคราว”
ผิงลี่ลังเลครู่หนึ่ง กำหมัดประสานมือตอบว่า “ลูกน้อมรับคำสั่ง”
“เจ้าก็ออกไปเถอะ ทุกคนกลับไปได้”
เมื่อแม่ทัพใหญ่ลั่วเอ่ย องครักษจิ่นหลินก็ออกไปอย่างรวดเร็ว
สายตาของแม่ทัพใหญ่ลั่วหยุดอยู่ที่เศษกระเบื้องบนพื้น นั่นคือเศษกระเบื้องจากจอกชาที่เขาขว้างใส่อวิ๋นต้ง
ลูกๆ โตแล้ว มีความคิดมากขึ้น
แม่ทัพใหญ่ลั่วนวดหว่างคิ้ว ยิ้มอย่างขมขื่น
มีเสียงดังขึ้นจากประตู “แม่ทัพใหญ่ลั่ว ข้าน้อยมีเรื่องรายงานขอรับ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วสีหน้ากลับมาเป็นปกติ เขาหันกลับมา “เรื่องอะไรหรือ”
องครักษ์จิ่นหลินที่ยืนอยู่หน้าประตูเดินเข้ามา กำหมัดประสานมือกล่าวว่า “รายงานแม่ทัพใหญ่ จวนอันกั๋วกงส่งข่าวมาว่าฮูหยินอันกั๋วกงจากไปแล้วขอรับ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ “จากไปอย่างไร”
“บอกว่าสำลักเกี๊ยวปูตอนทานอาหารเช้าขอรับ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วมุมปากกระตุก โบกมือเล็กน้อย “รู้แล้ว ออกไปเถอะ”
เมื่อลูกน้องออกไปแล้ว แม่ทัพใหญ่ลั่วก็ทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ ตกอยู่ในภวังค์ความคิด
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนล้วนเป็นฝีมือของคุณหนูรองจวนอันกั๋วกง อันกั๋วกงฮูหยินจากไปเช้าวันนี้ หากสำลักเกี๊ยวตายจริงน่ะสิแปลก
เซิงเอ๋อร์บอกว่าไคหยางอ๋องจะรับช่วงเรื่องนี้ต่อ เขาจะคุยกับอันกั๋วกงเอง
ซี๊ด… ไคหยางอ๋องคงไม่ได้โหดเหี้ยมเช่นนี้หรอกนะ บังคับอันกั๋วกงให้สังหารภรรยาหลวงจนตาย
สำหรับเขาแล้ว การสังหารบุตรสาวทรพีนั่นตายก็เกินความคาดหมายอยู่แล้ว หากไม่ไหวจริงๆ ส่งเด็กคนนั้นไปยังแดนไกลเขาก็พอรับได้
บางทีในนี้อาจจะมีเรื่องที่ผู้อื่นไม่รู้
และไม่ว่าอย่างไร ทันทีที่ฮูหยินอันกั๋วกงตาย เรื่องนี้ก็จะต้องถูกปล่อยผ่านไป ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำให้จวนอันกั๋วกงลำบากใจอีก
แม่ทัพใหญ่ลั่วลุกขึ้น เดินไปข้างหน้าหน้าต่าง มองทิวทัศน์สีเทาข้างนอกแล้วถอนหายใจ
เพียงเพราะคุณหนูน้อยคนหนึ่งอารมณ์ร้อน พริบตาเดียวก็คร่าชีวิตไปแล้วสองชีวิตและยังมีอีกหลายสิ่งที่เกี่ยวข้องกัน จำต้องบอกว่าบุตรสาวคนรองคนนี้ของอันกั๋วกงเป็นอัจฉริยะจริงๆ
วันนี้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะเป็นวันที่ไร้ความสงบของใครหลายๆ คน
ลั่วเฉินตื่นแต่เช้าไปถนนชิงซิ่งกับลั่วเซิง
ถนนชิงซิ่งในยามนี้ค่อนข้างเงียบเหงา ร้านค้าบางร้านยังไม่เปิด ต้นไม้ข้างทางใบร่วงไปมาก กิ่งก้านของต้นไม้ที่เปลือยเปล่าถูกแขวนไว้ด้วยดอกไม้เยือกแข็ง เริ่มดูเหมือนต้นฤดูหนาวแล้ว
“ท่านพี่” จู่ๆ เด็กหนุ่มที่กำลังเดินอยู่บนถนนก็เอ่ยเรียก
“หืม?”
“เสี่ยวชี… อาการสาหัสมากหรือขอรับ” นี่คือสิ่งที่ลั่วเฉินอยากรู้มากที่สุดตลอดคืน
เขาคิดว่าเขาจะเกลียดเจ้าเด็กตัวดำที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนและยังได้รับความสนใจจากลั่วเซิง แต่เมื่อวานตอนนอนอยู่บนเตียง สิ่งที่คิดกลับเป็นเรื่องราวต่างๆ ที่เสี่ยวชีพาเขาขี่ม้าล่าสัตว์ ปีนต้นไม้หารังนก
กระทั่งคิดถึงเสี่ยวชีที่ร่วงลงมาจากต้นไม้ทำให้ก้นตนบาดเจ็บ เขาก็ไม่ได้โมโหเช่นนั้นแล้ว
ลั่วเฉินคิดถึงลูกพลับลูกนั้น
บัดนี้ลูกพลับตากแห้งลูกนั้นอยู่ในอ้อมอกของเขา
“อาการค่อนข้างสาหัส”
ได้ยินคำตอบของลั่วเซิง ลั่วเฉินก็สีหน้าเคร่งเครียดกว่าเดิม
สองพี่น้องเดินเคียงข้างกัน ไม่นานก็มาถึงมีหอสุรา
ลั่วเฉินชะงักฝีเท้า มองอย่างพินิจพิเคราะห์
เขาไม่ค่อยมาหอสุราในเวลานี้ เห็นดังนั้นแล้วก็รู้สึกแปลกตาอยู่บ้าง
“มาทางนี้” ลั่วเซิงเดินไปยังโรงหมอที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ประตูโรงหมอยังคงเปิดไว้ สามารถมองเห็นฝูหลิงเด็กเฝ้าประตูกำลังยุ่งง่วนกับหมอหวัง
เมื่อเห็นลั่วเซิงเข้ามา ฝูหลิงกำลังจะทักทาย แต่ก็ถูกหมอหวังชิงพูดขึ้นก่อนว่า “คุณหนูลั่วมาเช้าเช่นนี้เลยหรือ”
“ข้ามาดูเสี่ยวชีน่ะ”
หมอหวังหน้าตายิ้มแย้ม “อ้อ เช่นนั้นให้ฝูหลิงพาท่านไป”
เมื่อเห็นคุณหนูลั่ว เขาก็มิอาจควบคุมความกระตือรือร้นของตนเองได้
คิดไม่ถึงเลยจริงๆ แม่ครัวของมีหอสุราส่งอาหารเช้ามาให้ผู้ป่วย ยังมีส่วนของเขาด้วย!
ต้องรู้ว่าหมอเทวดากินอาหารที่หอสุราส่งมานานเช่นนี้ ยังไม่เคยแบ่งให้เขากินเลยสักคำ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ คุณหนูลั่วช่างงดงามทั้งภายในและภายนอกจริงๆ แม่ครัวจึงรู้ประสีประสาตามไปด้วย
“คุณหนูลั่วเชิญตามข้าน้อยมาเถิด” ความกระตือรือร้นในการนำทางของฝูหลิงเองก็เพิ่มขึ้นมาก เขาเหลือบมองหมอหวังอย่างไม่พอใจ
ช่วงนี้หมอหวังเอ้อระเหยลอยชายไปหน่อย สงสัยคงไม่ได้ถูกหมอเทวดาดุนานเกินไป
ฝูหลิงพาทั้งสองมาถึงหน้าประตูห้อง “อาซิ่วกำลังป้อนข้าวให้เสี่ยวชีอยู่ขอรับ”
เขาพูดพลางตะโกนว่า “คุณหนูลั่วและคุณชายลั่วมาแล้วขอรับ”
ลั่วเฉินเข้ามาเห็นเสี่ยวชีกำลังกินข้าวต้มจากช้อนที่ซิ่วเย่ว์ป้อนก็ขมวดคิ้วตามสัญชาติญาณ
“เถ้าแก่ คุณชายลั่ว” เมื่อเห็นทั้งสองเข้ามา เสี่ยวชีก็ยิ้มให้
ลั่วเซิงรีบเดินเข้าไป ถามเสียงอ่อนโยนว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”
เสี่ยวชีฉีกยิ้ม “ไม่เจ็บขนาดนั้นแล้วขอรับ ข้าวต้มหมูที่ท่านอาทำอร่อยมากเลย”
“เช่นนั้นก็กินเยอะหน่อย”
“ขอรับ” เสี่ยวชีไม่กล้าขยับตัวมาก เขาพยักหน้าเบาๆ
หลังจากไถ่ถามกันเสร็จ ลั่วเซิงก็เรียกซิ่วเย่ว์ออกไป เหลือเพียงลั่วเฉินกับเสี่ยวชี
เสี่ยวชียิ้ม “ข้ากำลังคิดว่าท่านจะมาเยี่ยมข้า ไม่คิดว่าจะมาเช้าขนาดนี้ ท่านกินข้าวหรือยัง”
มองชามข้าวต้มที่ถูกกวาดจนเกลี้ยง ลั่วเฉินตอบอืมเบาๆ
เสี่ยวชีถอนหายใจ “ข้าวต้มที่ท่านอาทำอร่อยมากเลย ข้ายังกินไม่อิ่มเลย”
ลั่วเฉินชะงักเล็กน้อย หยิบลูกพลับตากแห้งออกมาจากอ้อมอก “กินอันนี้หรือไม่”
เสี่ยวชีตาลุกวาว “กิน!”