ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 28 อารมณ์ของน้องหญิงหลานนอก
ตอนที่ 28 อารมณ์ของน้องหญิงหลานนอก
น้องลั่วทำเองหรือ
พี่น้องทั้งสี่ออกจากเรือนของลั่วเฉินและเดินกินลมยามค่ำคืนพลันรู้สึกสงสัยในตัวเองขึ้นมา
ใบหน้าของคุณชายสี่เซิ่งบิดเบี้ยว “พี่ใหญ่ ตอนจับฉลากไม่ให้ข้าร่วมด้วย รู้ว่าพี่ลั่วทำอาหารอร่อยมานานแล้วใช่หรือไม่”
“อย่าพูดจาไร้สาระ!” คุณชายรองเซิ่งตบคุณชายสี่เซิ่งแล้วลูบคางหัวเราะให้กับคุณชายสามเซิ่ง
คุณชายสามเซิ่งมองอย่างระมัดระวัง “หัวเราะอะไร”
คุณชายรองเซิ่งยื่นมือเขี่ยไหล่ของคุณชายสามเซิ่งแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “น้องสาม จู่ๆ ข้านึกขึ้นได้ว่าการจับฉลากส่งน้องลั่วเข้าเมืองหลวงดูไม่ค่อยจริงจังเลย เรามาจับสลากกันใหม่ดีหรือไม่”
คุณชายสามเซิ่งกลอกตาใส่ “อย่าแม้แต่จะคิด”
ปลาทอดที่น้องลั่วทำช่างอร่อยเหลือเกิน ยังไม่ต้องพูดถึงแค่ส่งน้องลั่วกลับเมืองหลวง จะให้แต่งงานกับน้องลั่วก็คิดดูก่อนได้…ไม่คิดแล้ว เขายินยอม!
ในห้องโถงบุปผา ฝูซงเก็บขยะบนโต๊ะและชั่งน้ำหนักกาสุรา “ยังดื่มไม่มากเลย”
ลั่วเฉินยิ้ม ไม่ตอบคำ
ฝูซงประหลาดใจ “คุณชาย ท่านเชิญคุณชายทั้งหลายมาดื่มสุรา ต้องการให้คุณชายสามดูแลคุณหนูใช่หรือไม่”
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก” เด็กหนุ่มใบหน้าบึ้งตึง เอามือไพล่หลังแล้วเดินออกจากห้องโถงบุปผา
ภายในลานกว้างปรากฏความเงียบงัน แสงสีส้มส่องแสงสว่างไสวปกคลุมต้นไผ่ที่มีชีวิตชีวา
ลั่วเฉินยืนอยู่กลางลานกว้างครู่หนึ่งแล้วโค้งริมฝีปากยิ้ม
เขาชวนพี่ชายทั้งหลายมาดื่มสุรา แน่นอนว่าต้องการให้พวกเขาเสียใจภายหลัง
หึ ใครใช้ให้พวกเขาดูหมิ่นพี่สาวของเขาล่ะ!
เมื่อนึกถึงลั่วเซิง เด็กหนุ่มก็หุบยิ้มและเปลี่ยนเป็นโมโหทันที
จะไปก็ไปกะทันหันเช่นนี้ ยังคงเอาแต่ใจเหมือนเดิมไม่มีผิด
วันรุ่งขึ้นเป็นวันท้องฟ้าแจ่มใส ถนนและตรอกซอกซอยของเมืองจินซาก็คึกคักตั้งแต่เช้าตรู่
รถม้าสองคันจอดรออยู่ที่ประตูใหญ่ของจวนสกุลเซิ่ง คันแรกสำหรับคนนั่งและคันที่สองใส่ของเต็มคันรถ ข้างรถม้าปรากฏองครักษ์เจ็ดแปดคน รอกล่าวลากับเหล่าเจ้านายทั้งหลาย
“เซิงเอ๋อร์ หากมีเวลาว่างอย่าลืมกลับมาเยี่ยมยายล่ะ” ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งมาส่งลั่วเซิงไปที่หน้าประตูใหญ่พร้อมกับคนกลุ่มหนึ่ง
ลั่วเซิงพยักหน้าเล็กน้อย “แน่นอน ท่านยายกลับเรือนพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ”
“ต้องมาให้ได้นะ” ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งน้ำตาคลอเบ้า ยังคงจับลั่วเซิงไว้แน่น
ฮูหยินใหญ่รีบเกลี้ยกล่อม “ฮูหยินผู้เฒ่า ให้หลานรีบเดินทางเถิดเจ้าค่ะ”
หากคุณหนูหลานนอกเปลี่ยนใจขึ้นมาจะทำอย่างไร!
ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งถึงยอมคลายมือ หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำตา “ไปเถอะ ระหว่างทางระวังตัวด้วย ถึงเมืองหลวงแล้วส่งจดหมายถึงยายด้วยนะ…”
เมื่อฟังคำกำชับไม่มีที่สิ้นสุดของฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่ง ฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองก็สบตากัน
ฮูหยินผู้เฒ่าเสียใจจริงๆ หรือ ไม่น่านี่
แม้จะไม่เหมาะสมที่คิดเช่นนี้ แต่ทันทีที่พวกนางได้ยินว่าคุณหนูหลานนอกจะกลับบ้านก็แทบอยากจุดประทัดฉลอง
ลั่วเซิงโค้งคำนับพวกฮูหยินผู้เฒ่า “หลายวันมานี้ ลำบากท่านยาย ท่านน้าสะใภ้ใหญ่ ท่านน้าสะใภ้รองแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งยังคงเช็ดน้ำตา
ท่านน้าใหญ่เซิ่งเอ่ยอย่างอบอุ่นว่า “เดิมทีน้าควรเป็นคนไปส่งเจ้า แต่ปลีกตัวไปไม่ได้จริงๆ”
ขณะพูด เขาก็กวาดมองไปยังคุณชายสามเซิ่งที่สวมชุดใหม่เอี่ยมและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ตลอดทางดูแลน้องหญิงให้ดี หากเกิดเรื่องขึ้น จะลงโทษเจ้า!”
คุณชายสามเซิ่งยิ้มระรื่น “ท่านลุงใหญ่วางใจได้ ข้าจะส่งน้องหญิงกลับเมืองหลวงอย่างปลอดภัยแน่นอน”
ฮูหยินรองแทบอยากตบหน้าลูกชายสักฉาด
รับภาระอันหนักอึ้งเช่นนี้ แต่ดูลูกชายจอมทึ่มของนางสิ เหตุใดถึงดูมีความสุขเช่นนี้
ลั่วเซิงโค้งคำนับในระดับเดียวกันให้กับพวกคุณชายใหญ่เซิ่ง “ลำบากพี่ชายทั้งหลายแล้ว”
คุณชายใหญ่เซิ่งโค้งคำนับตอบ “ขอให้น้องหญิงเดินทางปลอดภัย”
คุณชายรองเซิ่งไอเสียงเบาและเอ่ยว่า “หรือให้ข้าเป็นคนส่งน้องหญิง น้องสามยังเด็ก…”
คุณชายสามเซิ่งเกือบออกหมัดและถลึงตาจ้องมอง “ไม่ได้ ตกลงกันแล้วว่าให้ข้าไปส่ง!”
ฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองตกตะลึง
วันนี้ทั้งฮูหยินผู้เฒ่ากับพวกเจ้าใหญ่ผิดปกติกันทั้งนั้น หรือว่าวิญญาณชั่วร้ายเข้าสิง
ลั่วเซิงเหลือบมองใบหน้าของเซิ่งจยาอวี้และมองไปยังลั่วเฉินที่นิ่งเงียบ
เด็กอายุสิบสองสิบสามราวกับต้นไผ่อ่อน สีเขียวสูงตระหง่าน แต่แฝงไปด้วยความดื้อรั้นตามวัย
มาปรากฏตัว แต่ตัดสินใจเมินเฉยต่อลั่วเซิง
ลั่วเซิงเดินไปหาแลเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อย่าลืมกินยาล่ะ”
ลั่วเฉินเบือนหน้าหนี
“งั้นข้าไปแล้วนะ” ลั่วเซิงไม่ถือสา หันกายกลับ
เมื่อพูดถึงความสนิทสนมของสองพี่น้อง เดิมทีคุณหนูลั่วไม่มี นางยิ่งไม่มี แต่หลังจากที่ลั่วเฉินกระโดดน้ำช่วยพี่สาว นางก็ปฏิบัติต่อเขาเหมือนน้องชายนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เมื่อเห็นลั่วเซิงกำลังจะจากไป ลั่วเฉินก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนว่า “ท่านรอก่อน”
ลั่วเซิงมองไปที่เขา
เด็กหนุ่มเผยสีหน้าจริงจัง “อย่าสร้างปัญหาให้ท่านพ่อส่งกลับมาอีกล่ะ”
นางไม่สนใจ แต่เขายังต้องรักษาหน้านะ
“รู้แล้ว” ลั่วเซิงยิ้ม ยกมือลูบศีรษะของเด็กหนุ่ม
ลั่วเฉินขมวดคิ้วโดยไม่หลบ
เซิ่งจยาอวี้ยืนอยู่ข้างฮูหยินใหญ่ จ้องมองลั่วเซิงขึ้นรถม้าพร้อมกับหงโต้ว นางลังเลอยู่หลายหนจนในที่สุดก็พูดไม่ออก
ทะเลาะกันมากมายเพียงนี้ นางจึงไม่มีอะไรจะพูดกับลั่วเซิง
ไปเถอะ หลังจากนี้ จวนสกุลเซิ่งจะได้กลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง
รถม้าขับผ่านประตูจวนสกุลซูในยามเช้า ประจวบกับซูเย่าออกจากจวนพอดี
คุณชายสามเซิ่งที่ขี่ม้าอยู่กล่าวทักทายซูเยา “คุณชายรองซูจะไปสำนักบัณฑิตหรือ”
เช่นเดียวกับคุณชายใหญ่เซิ่งและคุณชายรองเซิ่ง ซูเย่าก็กำลังเตรียมตัวสำหรับการสอบระดับท้องถิ่นของปีนี้เช่นกัน
“อืม น้องสามเซิ่ง นี่เจ้า…” สายตาของซูเย่ามองผ่านม่านสีเขียวของรถม้า
คุณชายสามเซิ่งยิ้ม “ข้าส่งน้องหญิงกลับเมืองหลวงน่ะ”
สีหน้าของซูเย่าไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักหลังจากได้ยินถึงตรงนี้ แต่เด็กรับใช้ที่อยู่ข้างหลังเขากลับแสดงสีหน้าประหลาดใจ
โอ้สวรรค์ คุณหนูจวนสกุลเซิ่งที่คิดไม่ซื่อกับคุณชายเขาจะกลับเมืองหลวงแล้ว!
“ถ้าอย่างนั้น ขอให้น้องสามเซิ่งเดินทางโดยปลอดภัย” ซูเย่าประสานมือโค้งคำนับ
“ขอให้เป็นไปตามคำอวยพรของพี่รองซูนะ รอข้ากลับมา พวกเราไปดื่มกัน” คุณชายสามเซิ่งหนีบท้องม้าไล่ตามรถม้าที่ไม่ได้จอดรอ
“ขอบคุณฟ้าดิน ส่งคุณหนูลั่วกลับเสียที” เด็กรับใช้สีหน้าเต็มไปด้วยความสุข
ซูเย่าจ้องรถม้าที่ห่างออกไปไกลเป็นเวลานานด้วยสีหน้านิ่งเฉย ถึงจะเอ่ยเสียงราบเรียบ “อย่าพูดมาก”
แค่กลับเมืองหลวง ไม่ช้าก็เร็วต้องได้พบกันอีก
การจากไปของลั่วเซิงราวกับโยนเศษหินลงทะเลสาบ เกิดระลอกคลื่นอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดก็สลายหายไป
ทว่า ลือกันว่าฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งไม่อยากให้หลานนอกจากไป ร้องไห้ฟูมฟายจนผ้าเช็ดหน้าเปียกไปสองผืน
แน่นอนว่าข่าวลือนี้มีคนเชื่อเพียงไม่กี่คน
หลังจากออกจากเมืองจินซา เร่งเดินทางหลายวัน คุณชายสามเซิ่งที่เดิมทีเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังกลับแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกผิดหวังอย่างสุดซึ้ง
อาหารเลิศรสฝีมือพี่หญิงที่จัดเตรียมไว้ให้กับเขาอิ่มท้องกลับไม่ปรากฏเลยสักหน!
วันนี้ รถม้าจอดพักริมถนนหลักและขณะดื่มชารสขมจากโรงน้ำชาริมถนน ในที่สุด คุณชายสามเซิ่งอดไม่ได้ที่จะลองเชิง “น้องหญิง ข้าได้ยินมาว่าเจ้าทำอาหารเป็น”
ลั่วเซิงไม่ได้ปฏิเสธ “ทำเป็น”
คุณชายสามเซิ่งเผยรอยยิ้มประจบสอพลอ “น้องหญิงจะแสดงฝีมือหน่อยหรือไม่”
เมื่อเห็นน้องลั่วกินอาหารเรียบง่ายเก่งกว่าเขาเสียอีก ดูไม่ออกว่าจะทำปลาทอดจานนั้นออกมาได้
ไม่ได้การแล้ว นึกถึงปลาทอดก็ต้องกลืนน้ำลาย
ลั่วเซิงหันมองคุณชายสามเซิ่งเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า “ปกติข้าจะทำอาหารเฉพาะตอนที่อารมณ์ดีน่ะ”
ดวงตาของคุณชายสามเซิ่งเป็นประกาย “วันนี้อารมณ์เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ลั่วเซิงมองไปข้างหน้าและเอ่ยเสียงราบเรียบ “ข้าก็อารมณ์ไม่ดีเป็นปกติอยู่แล้วนะ”