ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 282 รวมตัว
ตอนที่ 282 รวมตัว
เว่ยหานยิ่งมายิ่งไม่ชอบหลานชายคนนี้
ยังจำได้ว่าครั้นผิงหนานอ๋องทั้งครอบครัวมาเมืองหลวง เว่ยเฟิงค่อนข้างหยิ่งยโส ไม่เห็นเขาผู้เป็นอาคนนี้อยู่ในสายตา
เขาหาโอกาสอัดหนักๆ ไปแล้วครึ่งหนึ่ง เว่ยเฟิงไปฟ้องก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเมื่อเจอเว่ยหานเขาก็เจียมตัวมากขึ้น คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เริ่มออกลายอีกแล้ว
กำไลของคุณหนูลั่วคือสิ่งที่เขามองได้หรือ
เว่ยหานคิดเรื่องเหล่านี้ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ แววตาลุ่มลึก
เว่ยเฟิงตั้งสติได้ รู้สึกถึงอันตรายโดยสัญชาติญาณ
เขาเหลือบมองเว่ยหานอย่างระมัดระวังก่อนจะพูดกับลั่วเซิงว่า “คุณหนูลั่ว เรื่องเป็นแบบนี้ ช่วงนี้เสด็จแม่ข้าไม่ค่อยเจริญอาหาร ข้าคิดว่าอาหารของมีหอสุราอร่อยก็เลยอยากซื้อกลับไป”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง” ลั่วเซิงยกมุมปากเล็กน้อย “ท่านอ๋องน้อยกตัญญูจริงๆ”
เว่ยเฟิงถ่อมตัว “นี่คือสิ่งที่ผู้เป็นลูกสมควรทำ ไม่ทราบว่าคุณหนูลั่วพอจะช่วยได้หรือไม่”
ลั่วเซิงยิ้มตอบภายใต้สายตาของใครบางคน “ในเมื่อท่านอ๋องน้อยทำเพื่อมารดา ข้าจะไม่ช่วยได้อย่างไร”
“เช่นนั้นก็ขอบคุณคุณหนูลั่วแล้ว”
“ไม่ทราบว่าพระชายาชอบกินอะไรหรือ”
เว่ยหานเลิกคิ้ว
พระชายาผิงหนางอ๋องมีสิทธิ์สั่งอาหารเองด้วยหรือ
มองดูเด็กสาวที่แววตาสงบนิ่ง เว่ยหานก็คิดถึงผิงหนานอ๋องที่กลายเป็นคนพิการขึ้นมา
หมายความว่าถึงคราวซวยของพระชายาผิงหนานอ๋องแล้วหรือ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ จู่ๆ เขาก็ไม่รู้สึกอิจฉาแล้ว
เว่ยหานถือกาน้ำชาขึ้นมารินน้ำชาให้ตนเองแล้วดื่มน้ำชาอย่างเนิบช้า
เว่ยเฟิงรู้ว่าพระชายาผิงหนานชอบกินฟักเขียวอำพัน แต่เมื่อคิดถึงเสด็จแม่ที่ช่วงนี้ไม่ค่อยเจริญอาหาร ฟักเขียวอำพันที่เป็นอาหารหวานแบบนี้แม้นางจะกินลงแต่ก็ทำร้ายกระเพาะอาหาร เขาจึงพูดว่า “ขอเป็นอาหารรสชาติอ่อนก็พอ”
“เช่นนั้นหม้อไฟลูกชิ้นปลาเหมาะสมพอดี”
เว่ยเฟิงกำลังจะบอกว่าหม้อไฟไม่สะดวกพกพา ลั่วเซิงก็พูดขึ้นว่า “ลูกชิ้นและน้ำแกงแยกกัน โถใส่น้ำแกงอยู่ข้างล่าง โถใส่ลูกชิ้นปลาอยู่ด้านบน ใส่ในกล่องอาหารไม่หกแน่นอน เมื่อกลับถึงจวนแล้วส่งให้ห้องครัวอุ่นสักเล็กน้อยก็พอ ไม่เสียรสชาติแน่นอนเจ้าค่ะ”
“เช่นนี้ก็ดี ข้าขอซื้อหม้อไฟลูกชิ้นปลากลับแล้วกัน”
ลั่วเซิงถามอย่างใส่ใจว่า “ไม่ทราบว่าพระชายาชอบกินลูกชิ้นปลาแบบไหนหรือเจ้าคะ”
“ลูกชิ้นปลายังต้องพิถีพิถันเช่นนี้ด้วยหรือ”
ลั่วเซิงพูดยิ้มๆ ว่า “ลูกชิ้นปลาของหอสุราของเรามีเจ็ดแบบ แขกบางคนชอบหลากหลายรส บางคนก็ชอบรสใดรสหนึ่ง ดังนั้นจึงต้องถามให้ชัดเจน”
“มีเจ็ดแบบแบบไหนบ้าง” เว่ยเฟิงรู้สึกสนใจ อดถามต่อไม่ได้
“ลูกชิ้นปลาไหล ลูกชิ้นปลาหวงอวี๋ ลูกชิ้นปลาจี้อวี๋ ลูกชิ้นปลาหมึก…”
เว่ยเฟิงตัดสินใจไม่ได้
แม้จวนอ๋องเองก็ทานอาหารชั้นเลิศ ประณีตและพิถีพิถันเป็นปกติ วัตถุดิบอย่างหนึ่งทำอาหารได้เจ็ดแปดอย่างนั้นไม่แปลก แต่มีหอสุราไม่เหมือนกันนี่
แค่บะหมี่หยางชุน มีหอสุราก็สามารถทำให้คนกินยกนิ้วโป้งให้ได้แล้ว ใครจะไปรู้ว่าเนื้อปลาชนิดใดทำลูกชิ้นปลาอร่อยที่สุด หากอร่อยทุกชนิดเลยเล่า
เมื่อเห็นเว่ยเฟิงตัดสินใจไม่ได้ ลั่วเซิงก็ยิ้มน้อยๆ “หากท่านอ๋องน้อยตัดสินใจไม่ได้ เช่นนั้นลองสั่งหม้อไฟลูกชิ้นปลาทั้งเจ็ดแบบกินดูหรือไม่เจ้าคะ ถึงอย่างไรก็ยังไม่ค่ำ เมื่อท่านอ๋องน้อยกินเสร็จแล้วค่อยกลับจวนก็ยังไม่สาย”
เว่ยเฟิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่าข้อเสนอแนะของลั่วเซิงนั้นรอบคอบมาก
ใช่แล้ว ในเมื่อตัดสินใจไม่ได้เหตุใดเขาไม่ลองชิมดูเล่า ชิมแล้วจะได้รู้ว่าต้องเลือกอย่างไร
“ก็ดี เช่นนั้นขอหม้อไฟลูกชิ้นปลาให้ข้าหนึ่งที่ เอาแบบลูกชิ้นปลาเจ็ดแบบ” เว่ยเฟิงพูดเสร็จก็เพิ่งนึกได้ว่าเว่ยหานเองก็อยู่ที่นี่ด้วย เขาจึงเชื้อเชิญว่า “เสด็จอา เรากินด้วยกันเถอะ หลานเป็นเจ้ามือเอง”
ลั่วเซิงยิ้มมองเว่ยหาน
เว่ยหานปฏิเสธ “ไม่แล้ว ข้าเคยชินกับการกินคนเดียว”
แม้ยังไม่รู้ว่าลั่วเซิงจะทำอะไร แต่เขาขอไม่ยุ่งดีกว่า จะได้ไม่สร้างปัญหาให้นาง
ลั่วเซิงพึงพอใจกับความรู้งานของเว่ยหานอย่างยิ่ง รอยยิ้มชัดเจนขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เว่ยหานเห็นนางยิ้มก็ยิ้มตาม
เว่ยเฟิง “…” ส่งสายตากันไปมาต่อหน้าเขาแบบนี้ เห็นเขาตาบอดหรืออย่างไร
ไม่สิ ไคหยางอ๋องต่างหากที่ตาบอดจึงมาชอบคนอย่างคุณหนูลั่วได้
เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเสด็จอาท่านนี้คิดอย่างไร ไม่กลัวว่าคุณหนูลั่วจะให้ผู้ชายที่นางเลี้ยงเป็นคนใช้ติดตามออกเรือนหรือ
จู่ๆ ก็รู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว เว่ยเฟิงสลัดความคิดเหล่านี้ทิ้ง “เช่นนั้นข้าไม่รบกวนเสด็จอาและคุณหนูลั่วแล้ว”
เขาลุกขึ้นไปโต๊ะข้างๆ รู้สึกร่างกายผ่อนคลายลงมาก
ลั่วเซิงลุกขึ้น “หอสุราใกล้จะเปิดแล้ว ข้าจะเข้าไปดูในครัว ท่านอ๋องตามสบายเจ้าค่ะ”
เว่ยหานพยักหน้า ดื่มชาเงียบๆ
“เสด็จอา”
เว่ยหานเหลือบมองโต๊ะข้างๆ “หืม?”
“ท่านมาทุกวันเลยหรือ” เว่ยเฟิงไม่อยากหาเรื่องคุย แต่คนสองคนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันเช่นนี้กลับนั่งคนโต๊ะแล้วยังไม่คุยกัน ดูน่าอึดอัดเกินไป
“อืม”
เว่ยเฟิงจุกกับคำตอบสั้นกระชับของอีกฝ่าย เมื่อสงบอารมณ์ลงก็พูดว่า “ราคาอาหารของมีหอสุราไม่ถูก หรือว่าคุณหนูลั่วจะลดราคาให้เสด็จอา”
ลดราคา?
ทันทีที่ได้ยิน เว่ยหานก็สีหน้าเยือกเย็น
นี่มันเหน็บแนมกันชัดๆ
“ไม่จำเป็นต้องลดราคา” เว่ยหานพูดราบเรียบ
เว่ยเฟิงลูบจมูกเบาๆ
เข้าใจแล้ว เขาไม่ขาดเงิน
เขาในฐานะที่เป็นซื่อจื่อก็มีรายได้ประจำปี แต่จะมาทานอาหารที่มีหอสุราก็ยังรู้สึกเสียดาย
ไม่ใช่เพราะรายได้น้อย แต่เพราะอาหารราคาแพงมากจริงๆ
ต่างจากไคหยางอ๋อง รายได้ประจำปีที่ได้รับจากราชสำนักมากกว่าเขาถึงห้าเท่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรายได้จากทางเหนือ
จู่ๆ เว่ยเฟิงก็ไม่อยากคุยต่อแล้ว
อึดอัดก็อึดอัด ดีกว่าฟังคนอื่นอวดรวย
ขณะที่ทั้งสองคุยกันสองสามประโยคก็ถึงเวลาเปิดร้านหอสุรา
ผู้ที่เข้ามาคนแรกทำให้เว่ยเฟิงชะงัก
“พี่ใหญ่?”
เว่ยเชียงที่เดินเข้ามาได้ยินเสียงทักทายนี้ สายตาก็พลันเยือกเย็นลง
เว่ยเฟิงลุกขึ้นทำความเคารพ รีบแก้ว่า “องค์ชาย ท่านมาได้อย่างไร”
เว่ยหานลุกขึ้น ทักทายอย่างเย็นชา
เว่ยเชียงเห็นเว่ยหานและเว่ยเฟิงอยู่ อันที่จริงก็ประหลาดใจมาก เขาเดินพลางพูดว่า “ข้าไปจวนอันกั๋วกงตามพระบัญชาของเสด็จพ่อ คิดได้ว่าหอสุราใกล้จะเปิดแล้วก็เลยแวะมากินข้าวเย็นก่อนค่อยกลับวัง”
เมื่อเดินไปข้างหน้า เว่ยเชียงลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นก็นั่งลงตรงข้ามเว่ยเฟิงอย่างรู้งาน
ไม่ต้องถามก็รู้ ไคหยางอ๋องไม่ยินดีที่จะนั่งกับเว่ยเฟิงแน่นอน
“เหตุใดน้องจึงมีเวลาว่างมาดื่มสุราเล่า” หลังจากนั่งลงแล้ว เว่ยเชียงก็ถาม
เว่ยเฟิงไม่พอใจเว่ยเชียง
ในเมื่อพี่ใหญ่ไปเยี่ยมเยียนจวนอันกั๋วกงแล้ว เหตุใดจึงไม่แวะไปจวนผิงหนานอ๋องบ้าง
เสด็จแม่อารมณ์ไม่ดีเพราะเรื่องเสด็จพ่อ ไม่แน่ว่าเจอพี่ใหญ่แล้วจะอารมณ์ดีขึ้นเล่า
แม้จะไม่ได้ทำเพื่อเสด็จแม่ แต่เสด็จพ่อเป็นแบบนี้แล้ว พี่ใหญ่ก็ยังไม่คิดจะไปดูเลยหรือ
ทุกคนล้วนคิดว่าจวนผิงหนานอ๋องยิ่งใหญ่สง่างามเพียงใดที่มีบุตรชายเป็นรัชทายาท กระทั่งสมัยหนุ่มแม้แต่เขาก็เคยคิดเช่นนี้ แต่หลายปีมานี้ เขากลับค่อยๆ กระจ่างแล้ว
พี่ใหญ่ยังแค้นเสด็จพ่อที่ส่งคนไปสังหารท่านหญิงชิงหยางจนตาย ในใจพี่ใหญ่จวนผิงหนานอ๋องคงแทบจะไม่มีความสำคัญ แต่ทั้งๆ ที่ผู้ที่ได้รับประโยชน์คือพี่ใหญ่แท้ๆ
แม้ในใจจะไม่พอใจ แต่ใบหน้าเว่ยเฟิงกลับไม่เผยให้เห็นแม้แต่น้อย เขาถอนหายใจพูดว่า “เสด็จแม่กินอาหารไม่ลง ข้าเลยมาซื้ออาหารกลับไปให้ท่านกิน ตอนนี้ยังพอมีเวลา ข้าก็เลยกินก่อนกลับ”
“ตอนนี้อาหารของมีหอสุราซื้อกลับได้แล้วหรือ” เว่ยเชียงเลิกคิ้วอย่างคิดไม่ถึง
เว่ยเฟิงเม้มปากเล็กน้อย
สิ่งที่พี่ใหญ่ใส่ใจอันดับแรกคืออาหารของหอสุราซื้อกลับได้หรือไม่ แต่ไม่ใช่ถามไถ่อาการของเสด็จแม่
เมื่อคิดเช่นนี้ ความไม่พอใจก็เพิ่มมากขึ้นเล็กน้อย