ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 284 เสียอาการ
ตอนที่ 284 เสียอาการ
หากเป็นยามปกติ เว่ยเฟิงไม่ถามคำถามเช่นนี้แน่นอน
ความชื่นชมที่เคยมีให้พี่ชายสลายไปพร้อมกับทัศนคติอันละเอียดอ่อนของเว่ยเชียงที่มีต่อจวนผิงหนานอ๋อง ความรู้สึกที่เข้ามาทดแทนคือความไม่พอใจ ความสับสน และความอยุติธรรม
แต่ครานี้ ไม่รู้ว่าเหตุใดเว่ยเฟิงจึงโพล่งพูดออกมา กระทั่งเจือน้ำเสียงตำหนิอย่างชัดเจน
อาการเมามายพ่นออกไปพร้อมกับความเกลียดชัง
ความโมโหของเว่ยเชียงถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที
ชายารัชทายาทเสียโฉม ทัศนคติที่ไม่ชัดเจนของฮ่องเต้ อันตรายประหนึ่งเหยียบอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ ในฐานะที่เป็นรัชทายาทช่วงหลายปีมานี้ การลอบสังหารของเฉาฮวา และ…การแสวงหาเป้าหมายใหม่แต่ไม่ได้ดั่งใจหวัง
เรื่องทุกเรื่องเหมือนกับก้อนหินที่กองพะเนินในใจเขา ก้อนแล้วก้อนเล่า สุดท้ายต้องมีวันแบกรับไม่ไหว
“เว่ยเฟิง เจ้ายุ่งเรื่องผู้อื่นมากเกินไปหรือไม่”
เว่ยเฟิงได้ยินดังนั้นก็หัวเสีย แต่ยังรู้ว่าต้องพูดเสียงเบา “นี่ไม่ได้เรียกว่ายุ่ง ข้าแค่อยากถามว่าพี่ไม่เป็นห่วงเสด็จพ่อและเสด็จแม่เลยหรือ พี่ใหญ่!”
“เว่ยเฟิง ระวังคำพูดของเจ้าด้วย”
“ระวังคำพูดหรือ” เว่ยเฟิงรู้สึกเพียงไฟแห่งความเดือดดาลพุ่งปรี๊ด เขาพูดพลางยิ้มหยันว่า “ข้าพูดอะไรไปหรือ แค่เรียกพี่ว่า ‘พี่ใหญ่’ ก็ทำให้พี่ไม่พอใจหรือ”
“เจ้าเมาแล้ว” เว่ยเชียงลุกขึ้นด้วยใบหน้านิ่งเฉย
ท่าทีที่กำลังจะจากไปของเว่ยเชียงยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของเว่ยเฟิง
เขาเขวี้ยงจอกสุรา ลุกพรวดขึ้นมา “ข้าไม่ได้เมา! ข้าแค่ถามพี่ว่าเหตุใดพี่ไม่แวะกลับไปเยี่ยมเสด็จพ่อและเสด็จแม่ หรือว่าพี่ไม่รู้ว่าตอนนี้เสด็จพ่อไม่ได้ต่างอะไรจากคนพิการ ส่วนเสด็จแม่ก็กินอาหารไม่ลง”
เมื่อจอกสุราร่วงลงบนพื้น ภายในห้องโถงก็เงียบสนิท
ฟังเว่ยเชียงคำรามเรื่องเหล่านี้ออกมา แขกทุกคนล้วนแสดงสีหน้าซับซ้อน
ภายใต้สายตาของทุกคน เว่ยเชียงสีหน้ามืดมน “อย่าเมาแล้วโวยวาย เจ้ารีบกลับจวนอ๋องเถอะ”
“ท่านพี่กลับไปพร้อมข้า” เว่ยเฟิงเอื้อมมือไปคว้าเว่ยเชียง
“บังอาจ!” โต้วเหรินขวางเว่ยเฟิงไว้ ตำหนิว่า “หากซื่อจื่อรบกวนองค์ชายอีก อย่าโทษที่องครักษ์ต้องลงมือ”
“เจ้าออกไปซะ!” เว่ยเฟิงถีบโต้วเหรินออกไป ด่าว่า “คนรับใช้สุนัข ข้าคุยกับพี่ใหญ่ข้า เจ้ามีสิทธิ์มาพูดแทรกหรือ”
โต้วเหรินล้มหน้าคะมำลงไปที่โต๊ะของเสนาบดีจ้าวพอดี
หม้อไฟผักกาดดองเนื้อหมูที่อุ่นบนเตาเล็กๆ ล้มลง อาหารทั้งหม้อสาดใส่โต้วเหริน
โต้วเหรินเข้าวังมาหลายปี คิดว่าตนเองอดทนเก่งมากพอแล้ว แม้ภูเขาไท่ซานจะถล่มก็ไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่เขาก็ไม่สามารถทนต่อความร้อนของหม้อไฟใบน้อยได้!
เสียงกรีดร้องทรมานดังไปทั่ว
ขันทีโต้วที่มีผักกาดดองและเนื้อหมูเลอะไปทั้งตัวเจ็บจนสีหน้าบิดเบี้ยวและกลิ้งตัวไปมา
ข้างๆ ตู้คิดเงิน ลั่วเซิงลอบถอนหายใจ
น่าเสียดายที่เข้าฤดูหนาวแล้ว เขาใส่เสื้อผ้าจนหนาเกินไป
เคราของเสนาบดีจ้าวสั่นไม่หยุด น้ำตาเกือบไหลลงมา
น่าเจ็บใจจริงๆ หม้อไฟผักกาดดองเนื้อหมูที่หอมขนาดนี้ เนื้อชิ้นใหญ่และบาง หมูสามชั้นที่มันแต่ไม่เลี่ยน เพิ่งกินไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น!
นี่คือเงินส่วนตัวที่เขาแบ่งออกมาจากเงินขายถ่านเชียวนะ!
รายได้หลักหรือ? รายได้หลักย่อมถูกฮูหยินเก็บไปหมดแล้ว
ทว่านี่คือขันทีรับใช้รัชทายาท เขาทำได้เพียงยอมรับความโชคร้ายของตนเอง
องครักษ์ของรัชทายาทที่เฝ้าอยู่ข้างนอกได้ยินเสียงก็พุ่งเข้ามา
เว่ยเชียงปวดศีรษะแทบแตก ตวาดว่า “ยืนเหม่ออยู่ทำไม ส่งเขาไปโรงหมอ!”
โต้วเหรินถูกองครักษ์สองนายประคองออกไปอย่างรวดเร็ว
“ตอนนี้เจ้าพอใจหรือยัง” เว่ยเชียงมองเว่ยเฟิง หากไม่ใช่สถานการณ์แบบนี้ เขาแทบอยากจะตบหน้าเว่ยเฟิงเสีย
เหตุใดเมื่อก่อนเขาถึงไม่รู้ว่าเว่ยเฟิงจะผลีผลามและโง่เขลาเช่นนี้นะ
“เพราะขันทีสุนัขนั่นข่มขู่ข้า!” ไม่รู้เหตุใด ความวุ่นวายเช่นนี้กลับยิ่งกระตุ้นความโหดร้ายในตัวเว่ยเฟิง
“ท่านพี่ วันนี้พี่ต้องกลับไปกับข้า เสด็จแม่นาง…”
เว่ยเชียงใจเย็นวาบ เขาง้างมือและตบหน้าเว่ยเฟิงอย่างแรง “หุบปาก!”
เจ้าคนบัดซบ ต้องป่าวประกาศความรักอันลึกซึ้งที่มารดาผู้ให้กำเนิดมีต่อเขาให้ทุกคนรู้ให้ได้เลยหรืออย่างไร
“ท่านพี่ตบหน้าข้า?” เว่ยเฟิงตาโตไม่อยากจะเชื่อ
ทุกคนก็ตาโตไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน ภายใต้ใบหน้าที่สงบนิ่งคือหัวใจแห่งการนินทาที่เดือดพล่าน โอ้ สวรรค์ รัชทายาทตบหน้าผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ!
“พิจารณาตัวเองให้ดี!” เว่ยเชียงพูดทิ้งท้าย เดินจ้ำอ้าวออกไปทางประตู
เว่ยเฟิงกำลังเมาได้ที่ เขาเดินตามไปตามสัญชาติญาณ
“แขกทั้งสองท่านโปรดรอสักครู่” เสียงสตรีนุ่มนวลและอ่อนโยนก็ดังขึ้น
เมื่อสายตาของทุกคนมองมา โค่วเอ๋อร์ก็หน้าแดงเล็กน้อย นางเอ่ยเตือนด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย “แขกท่านไหนเป็นเจ้ามือหรือเจ้าคะ ยังไม่คิดเงินเลย”
คิดว่าเมาแล้วจะหนีได้หรือ นี่มันคนประเภทไหนกัน
ใบหน้าโมโหของเว่ยเชียงมองไปที่ลั่วเซิงที่กำลังเดินมา “จดบัญชีไว้ก่อน กลับไปข้าจะส่งคนมาจ่ายเงิน”
ตอนนี้จะให้จ่ายอย่างไร ถุงเงินอยู่ที่โต้วเหริน!
ลั่วเซิงยิ้มเล็กน้อย “เรื่องเล็กน้อยเท่านี้ องค์ชายมิต้องใส่ใจ สะดวกยามไหนค่อยว่ากันเพคะ”
เว่ยเชียงรีบเดินออกไป
“กลับมาก่อน!” เว่ยเฟิงตะโกนเรียกด้วยความโมโห
เด็กรับใช้ขวางเขาไว้ ร้อนรนจนเหงื่อไหลท่วม “ซื่อจื่อ ท่านดื่มมากเกินไปแล้ว เรารีบกลับกันเถอะขอรับ”
เมื่อไม่เห็นเว่ยเชียง กองไฟในใจของเว่ยเฟิงก็ดับมอดลงเล็กน้อย ในที่สุดก็หยุดสร้างปัญหา ปล่อยให้เด็กรับใช้ประคองออกไป
สือเยี่ยนและคนอื่นๆ รีบเก็บกวาดพื้นที่ตกอยู่ในสภาพอนาถอย่างรวดเร็ว
เสนาบดีจ้าวเรียกด้วยหัวใจสลาย “คิดเงิน”
หงโต้วยิ้มพูดว่า “เถ้าแก่ของเราบอกไว้ว่า วันนี้ไม่เก็บเงินทั้งสองท่านเจ้าค่ะ”
“ไม่เก็บเงินหรือ” เสนาบดีจ้าวตกใจ
“ใช่แล้ว เมื่อครู่นี้แขกคนอื่นรบกวนทั้งสองดื่มสุรา ส่วนหนึ่งก็เป็นความรับผิดชอบของหอสุราของเรา ดังนั้นไม่เก็บเงินเจ้าค่ะ”
เสนาบดีจ้าวเดินออกไปด้วยอาการงงงัน เมื่อถูกลมหนาวพัดก็เรียกสติคืนมาได้ จับถุงเงินที่ยังตุงๆ แล้วก็รู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา
คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ไม่มีคนเลี้ยงแล้วยังไม่ต้องเสียเงินด้วย!
จู่ๆ ไหล่ของเขาก็ถูกใครบางคนตบเบาๆ เสนาบดีจ้าวมองไป
เสนาบดีเฉียนหน้าตาเคร่งขรึมเอ่ย “สหายจ้าว เราเป็นเพื่อนกันใช่หรือไม่”
“เอ่อ…” เสนาบดีจ้าวพยักหน้าอย่างลังเล
“ต่อไปหากมากินอาหารที่มีหอสุราอีกต้องเรียกข้าด้วยล่ะ”
เทียบกับความครึกครื้นของหอสุราแล้ว จวนผิงหนานอ๋องกลับเงียบเหงาเป็นพิเศษ
อาหารบนโต๊ะที่วางตรงหน้าพระชายาผิงหนานอ๋องยังคงไม่ได้ถูกแตะต้อง เว่ยเหวินท่านหญิงน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ ทั้งเป็นกังวลและกระวนกระวายใจ
สิ่งที่กังวลคือร่างกายของเสด็จแม่ สิ่งที่กระวนกระวายใจคือการไม่กลับมาของท่านพี่เสียที
พี่รองบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าจะรีบกลับมา นี่ก็ถึงเวลากินข้าวของจวนอ๋องแล้ว เหตุใดยังไม่เห็นเขาอีกนะ
“เหวินเอ๋อร์ เจ้าไปพักผ่อนเถอะ แม่ก็จะไปพักผ่อนแล้ว”
“ท่านรออีกหน่อยนะเจ้าคะ พี่รองบอกว่าออกไปซื้ออาหารที่ช่วยให้ท่านเจริญอาหาร เห็นแก่ความกตัญญูของพี่รองที่มีต่อท่าน ท่านรอหน่อยเถอะ”
พระชายาผิงหนานอ๋องพยักหน้า คิดถึงความกตัญญูของสองพี่น้องก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ
ครานี้คนใช้มารายงานว่า “ซื่อจื่อกลับมาแล้วขอรับ”
“พี่รองกลับมาแล้วเหตุใดจึงยังไม่มาเล่า”
คนใช้เผยสีหน้าสับสน
ทว่าจวนอ๋องมีกฎเข้มงวด เจ้านายถามแล้วต้องตอบ
“ดูเหมือนว่าซื่อจื่อจะดื่มมากเกินไป เด็กรับใช้ประคองเขากลับไปที่ห้องแล้วขอรับ…”
“เป็นไปไม่ได้!” เว่ยเหวินโพล่งพูด มองไปที่พระชายาผิงหนานอ๋องตามสัญชาติญาณ เห็นสีหน้าพระชายาผิงหนานอ๋องย่ำแย่มาก นางก็รีบพูดว่า “เสด็จแม่ ท่านพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าไปหาพี่รองก่อน”
เว่ยเหวินตรงไปหาเว่ยเฟิงทันที เมื่อได้กลิ่นสุราหึ่ง นางก็โมโหจนตัวสั่น