ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 290 หน้าตา
ตอนที่ 290 หน้าตา
ลั่วเซิงมองห่านขาวที่นั่งยองๆ อยู่ที่เชิงกำแพง พลางเอ่ยว่า “ต้าไป๋อาจจะไม่ได้คิดเช่นนั้น”
เว่ยหานหัวเราะเบาๆ “ต้าไป๋วางหยกพกลงบนกระโปรงคุณหนูลั่วแล้ว”
ลั่วเซิงมุมปากกระตุกเล็กน้อย
นั่นเรียกว่าวางหรือ นั่นมันเป็นการฟาดลงมาชัดๆ
นางเห็นชัดเจนว่า ต้าไป๋เตรียมมอบหยกพกให้ฝูเสวี่ย แต่ถูกรังสีสังหารที่แผ่ออกมาจากใครบางคนทำให้ตกใจจนคลายปากออก
“ท่านอ๋องรับกลับไปเถอะ ข้าไม่ขาดแคลนหยกพก” ลั่วเซิงยัดหยกปลาคู่กลับไปในมือเว่ยหาน
ดอกชบา หยกปลาคู่อะไรพวกนี้ นางจะรับของขวัญแปลกประหลาดเหล่านี้ไปทำไม
หากต้องการจะให้ก็ให้ตำราอาหารสักเล่มไม่ดีกว่าหรือ
เว่ยหานกำหยกพกอบอุ่นไว้ แววตาหม่นแสงลงเล็กน้อย
คุณหนูลั่วไม่รับ แต่เขากลับรู้สึกว่าหยกขาวประดับอยู่บนกระโปรงนางแล้วงามมาก
เว่ยหานกำหยกพกในมือแน่น ก้าวเท้ายาวๆ เดินไปทางเชิงกำแพง
ต้าไป๋จ้องคนที่เดินเข้ามาใกล้อย่างระแวดระวัง สัญชาตญาณการรับรู้ถึงอันตรายทำให้มันลืมหนี
เว่ยหานแขวนหยกพกลงบนคอห่านขาวต้าไป๋
ต้าไป๋ที่ผูกโบ ห้อยหยกพก “…”
“ท่านอ๋อง…”
เว่ยหานยิ้มบางๆ ให้ลั่วเซิง “คุณหนูลั่ว ข้าไปดื่มสุราก่อน อีกครู่ค่อยเจอกัน”
ตามองเว่ยหานเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ลั่วเซิงค่อยๆ หันไปมองต้าไป๋
ต้าไป๋มีสีหน้าบริสุทธิ์ใจ “แกว๊ก?”
ทำไมถึงได้มองมันอีก?
ลั่วเซิงเดินไปถอดหยกพกบนลำคอห่านขาวออกมาแล้วยัดเข้าไปในถุงผ้าปักด้วยสีหน้าบึ้งตึง พลางด่าในใจอย่างอดไม่ได้ว่า ไคหยางอ๋อง คนไร้ยางอาย!
ในไม่ช้าก็ถึงเวลาปิดทำการ นักดื่มแยกย้ายกันต่อเนื่อง คุณชายสามเซิ่งและคนอื่นๆ นั่งล้อมวงกินหม้อไฟ หมอเทวดาหลี่เดินเข้าไปในลานบ้านผ่านประตูหลังของหอสุรา โดยมีสืออี้มาเป็นเพื่อน
ลั่วเซิงยืนอยู่กลางลาน เห็นหมอเทวดาหลี่เข้ามาก็เข้าไปต้อนรับ
หมอเทวดาหลี่กวาดตามอง พลางถาม “คนล่ะ?”
“ท่านอ๋องรอท่านอยู่ในห้องเจ้าคะ”
หมอเทวดาหลี่พยักหน้าแล้วถามอีกว่า “ห่านล่ะ?”
“ห่านก็รอท่านอยู่ในห้องเช่นกัน”
หมอเทวดาหลี่มีสีหน้าประหลาดเล็กน้อย
ยัยหนูนี่พูดด้วยท่าทางจริงจังแต่เหตุใดเขาถึงอยากจะหัวเราะอยู่บ้างนะ
ไม่ได้ เขาเป็นคนอายุหนึ่งร้อยกว่าปีแล้ว มีเรื่องอะไรที่ไม่เคยประสบพบเจอ ไม่มีอะไรน่าหัวเราะหรอก
หมอเทวดาหลี่เดินเข้าไปในห้องโถงหลักด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ลั่วเซิงหยุดเดิน “ท่านอ๋องอยู่ที่ห้องตะวันตก ข้าจะไปนั่งรอที่ห้องตะวันออก หากว่ามีอะไรที่ต้องการ ท่านก็ให้สืออี้มาเรียกข้านะเจ้าคะ”
หมอเทวดาหลี่พยักหน้าและมีสืออี้ไปห้องตะวันตกเป็นเพื่อน
ห้องตะวันตกตกแต่งให้เป็นห้องหนังสือ ชั้นวางหนังสือ โต๊ะและเก้าอี้ครบครัน ตรงหน้ากำแพงมีตั่งเตี้ยตัวหนึ่ง
“หมอเทวดามาแล้ว” เว่ยหานลุกขึ้นต้อนรับ
หมอเทวดาหลี่คร้านจะพล่ามไร้สาระจึงชี้ไปที่ตั่งตัวเตี้ย “ถอดเสื้อผ้า แล้วไปนอนที่นั่น”
รอยยิ้มมุมปากของเว่ยหานแข็งค้าง กวาดตามองสืออี้แวบหนึ่ง
สืออี้ก้มหน้าลงต่ำ
แล้วกวาดตามองสือเยี่ยนที่เฝ้าต้าไป๋แวบหนึ่ง
สือเยี่ยนก็หลุบตาลงเช่นกัน
หลังจากนั้นก็สบตาเข้ากับห่านขาวต้าไป๋ที่อยู่ข้างกายสือเยี่ยน
โชคดีที่คุณหนูลั่วไม่ได้ตามมา…ในใจเว่ยหานมีความคิดนี้ลอยผ่าน ขณะถอดเสื้อตัวนอกอย่างรวดเร็ว
หมอเทวดาหลี่สีหน้าไร้ความรู้สึก “ถอดให้หมด”
เว่ยหานชะงักการเคลื่อนไหว จากนั้นก็ปฏิบัติตามอย่างเชื่อฟัง
รักษาโรคให้หายดีนั้นสำคัญที่สุด เขาไม่อยากถูกคนอื่นดึงสายรัดเอวหลุดเพราะโรคประหลาดกำเริบอีกแล้ว
หมอเทวดาค่อนข้างพอใจกับการกระทำที่เด็ดขาดและชัดเจนของเว่ยหาน
เขารำคาญคนจำนวนหนึ่งที่กระมิดกระเมี้ยนในตอนรักษาโรคที่สุด นึกว่าเขาอยากเห็นรึไร ไคหยางอ๋อง เจ้าเด็กนี่ เรื่องอื่นนั้นไม่ไหว แต่ด้านนี้นับว่ารู้ความมาก
หมอเทวดาหลี่มองไปทางต้าไป๋
ต้าไป๋ที่ผูกโบมองมาอย่างหยิ่งยโส
ตาเฒ่าประเภทนี้ มันที่เป็นห่านตัวหนึ่งสามารถจิกให้ตายได้สองคน
เมื่อตัดสินแล้วว่าไม่มีอันตราย ห่านขาวต้าไป๋ก็คิดอยากจะลองกัดคนอีกแล้ว
หมอเทวดาหลี่ยื่นมีดบางเฉียบเล่มหนึ่งกับขวดเล็กๆ ให้สืออี้แล้วอธิบายว่า “นำเลือดห่านสิบหยดมาให้ข้า”
สืออี้ถือมีดเดินเข้าไป
สือเยี่ยนรีบเอ่ยว่า “น้องสี่ เบามือหน่อย นายท่านรับปากคุณหนูลั่วว่าจะไม่ทำให้ต้าไป๋ได้รับบาดเจ็บถึงชีวิต”
น้องสี่สมองทึ่มทื่อเล็กน้อย หากไม่พูดให้ชัดเจน ไม่แน่ว่าจะหักคอต้าไป๋ดังกร๊อบก็ได้
หากเป็นเช่นนี้ แม้ว่านายท่านจะรักษาโรคหายแล้วก็ต้องฆ่าเขาตายเช่นกัน
“รู้แล้ว” สืออี้ตอบอย่างรวบรัดชัดเจน
ตอนที่สองพี่น้องสนทนากัน ต้าไป๋พลันเกิดความรู้สึกในยามวิกฤตอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนกะทันหัน ทว่าประสบการณ์หลายๆ ครั้ง ทำให้มันเข้าใจว่าหนีไม่รอด
ห่านขาวต้าไป๋ที่เข้าตาจน ร้องเสียงดังแกว๊กๆ ขึ้นมา
หนีไม่รอด แต่มันสามารถร้องได้นะ!
เมื่อได้ยินเสียงร้องน่าสังเวชใจของห่าน ลั่วเซิงซึ่งรออยู่ที่ห้องตะวันออกก็นึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงเดินมาถึงนอกประตูห้องตะวันตกแล้วถามว่า “ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่”
เว่ยหานที่นอนคว่ำอยู่บนตั่งได้ยินเสียงคุ้นเคย ก็ลุกขึ้นมาทันที “ไม่ต้อง!”
ต่อมาก็เป็นเสียงด่าของหมอเทวดาหลี่ “รีบนอนลงไป ใครให้ท่านลุกขึ้นมา! คุณหนูลั่วไม่ได้เข้ามาสักหน่อย มองไม่เห็นก้นเปลือยเปล่าของท่านหรอก!”
เว่ยหาน “…”
สืออี้ที่บีบจะงอยปากของต้าไป๋เอาไว้เมื่อตะกี้ทอดสายตาเห็นอกเห็นใจมองเงียบๆ
น่าขายหน้ามากนายท่าน ให้คุณหนูลั่วรู้ว่า เขากำลังเปลือยก้น
แต่สือเยี่ยนไม่เพียงไม่เห็นอกเห็นใจ ในทางตรงกันข้าม เขารู้สึกเสียใจอยู่บ้าง
นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากและมีค่ายิ่ง คุณหนูลั่วเกรงใจอะไร ตรงเข้ามาจะดีมากเพียงใด หากเห็นก้นเปลือยเปล่าของนายท่าน จะไม่รับผิดชอบได้หรือ
หน้าตาหรือ นายท่านต้องการหน้าตาอะไร วันๆ เอาแต่เค้นสมองว่าจะมอบของขวัญอะไรให้คุณหนู แถมยังถูกปฏิเสธ หน้าตาน่ะถูกอาหารและสุรากินหมดไปนานแล้ว
นอกประตู ลั่วเซิงซึ่งได้ได้ยินเสียงตะคอกของหมอเทวดาหลี่ดังเข้าหูโดยไม่ตกหล่นสักคำ เพราะเสียงร้องห่านที่เงียบลงกะทันหัน นางเลยกลับไปยังห้องตะวันออกเงียบๆ
ที่แท้การรักษาก็จำเป็นต้อง…ถอดเสื้อผ้าออกหมดหรือ
หลังลั่วเซิงนั่งลงก็ทอดสายตามองไปทางประตู
ประตูแขวนผ้าม่านซึ่งทำจากฝ้ายเอาไว้จึงมองเห็นสถานการณ์ภายนอกไม่ชัด
เทียนลุกไหม้ไปหนึ่งส่วนโดยไม่ทันรู้ตัว
หมอเทวดาหลี่หิ้วกล่องยาโดยมีสืออี้เดินออกไปเป็นเพื่อน ทิ้งเว่ยหานที่สวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว รวมถึงห่านขาวที่ตัวสั่นระริกเอาไว้
ลั่วเซิงเลิกม่านแล้วออกมา
“เสร็จแล้วหรือเจ้าคะ”
หมอเทวดาหลี่พยักหน้า
“เช่นนั้นเดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ” ลั่วเซิงส่งหมอเทวดาหลี่เดินออกจากห้องโถงหลัก
หมอเทวดาหลี่หน้าตึง “ไม่ต้องไปส่งแล้ว”
ระยะทางแค่ไม่กี่ก้าว จะไปส่งอะไร มีเวลาว่างเช่นนี้ก็ไม่รู้จักจัดขนมจานหนึ่งให้เขากินเป็นมื้อดึกบ้าง
ลั่วเซิงเห็นตาแก่มีสีหน้าบึ้งตึงก็ยิ้มหวาน “อาซิ่วต้มโจ๊กเหอเถา[1] ท่านจะนำกลับไปชิมด้วยสักชามหรือไม่เจ้าคะ”
“ก็ดี” หมอเทวดาหลี่พยักหน้าจริงจัง นำโจ๊กเหอเถาหอมกรุ่นจากไปอย่างพึงพอใจ
ลั่วเซิงยืนอยู่บนขั้นบันได เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็หันกลับไป
สิ่งที่พุ่งออกมาก่อนคือ ห่านขาวตัวหนึ่ง
ต้าไป๋มองลั่วเซิงแวบหนึ่ง ร้องแกว๊กๆ แล้ววิ่งหนีไป
ลั่วเซิงถึงกับฟังออกถึงความรู้สึกน้อยใจอย่างยิ่งในเสียงร้องนั่น
และหลังจากนั้น ตรงหน้าก็ปรากฏเงาร่างสีดำเพิ่มขึ้นมา
“ท่านอ๋องรู้สึกอย่างไรบ้าง” ลั่วเซิงถามอย่างเกรงใจ
น่าจะหายแล้วสินะ ไม่เช่นนั้นครั้งหน้ายังคงต้องให้เขายืมห้องหนังสืออีก
“ขอบคุณความเป็นห่วงของคุณหนูลั่ว หมอเทวดาบอกว่าพักฟื้นสักหน่อย ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”
“เช่นนั้นก็ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋องด้วยเจ้าค่ะ”
ระดับเสียงของเด็กสาวเรียบเฉย แต่แก้มของชายหนุ่มกลับมีริ้วแดงเล็กน้อย โชคดีที่ถูกความมืดในยามราตรีอำพรางเอาไว้
เขาพยายามแสดงท่าทางเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น “เดี๋ยวข้าจะให้สืออี้นำเครื่องนอนใหม่ชุดหนึ่งมาให้”
“ไม่จำเป็นแล้ว” ลั่วเซิงขมับเต้นตุบๆ
นางขาดเงินเปลี่ยนเครื่องนอนชุดหนึ่งหรือ
เมื่อเห็นเว่ยหานยังอยากจะพูดอะไรอีก ลั่วเซิงก็รีบเอ่ยว่า “ฟ้ามืดแล้ว ท่านอ๋องรีบกลับไปเถอะเจ้าค่ะ”
มองส่งเด็กสาวเร่งฝีเท้าเข้าไปในเรือน เว่ยหานมีความคิดหาญกล้าหนึ่งผุดขึ้นมา ดูเหมือนคุณหนูลั่วจะไม่ถือสานะ…
[1] โจ๊กเหอเถา คือ โจ๊กวอลนัท