ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 293 มีคนยินดี มีคนกังวล
ตอนที่ 293 มีคนยินดี มีคนกังวล
ฮูหยินผู้เฒ่าหวังมองหลานสาวสามคนที่รูปโฉมโดดเด่นแวบหนึ่งแล้วพยักหน้าลังเลเล็กน้อย “เวลาไม่เช้าแล้ว ออกเดินทางกันเถอะ”
หลานสาวคนโตสุขุมเรียบร้อย หลานสาวสามคนรูปโฉมงดงามเหนือใคร พาไปให้หมดก็ดีเช่นกัน
จวนรองเจ้ากรมเตรียมรถม้าแค่สองคัน คันหนึ่งเตรียมไว้ให้ฮูหยินผู้เฒ่าหวัง อีกคันหนึ่งเตรียมไว้ให้สองพี่น้องคุณหนูใหญ่หวัง ตอนนี้คุณหนูสามหวังก็จะไปด้วย หากนั่งรวมกับสองพี่น้องก็จะเบียดกันเล็กน้อย
คุณหนูสามหวังยิ้มสดใส ขณะถามฮูหยินผู้เฒ่าหวัง “ท่านย่าเจ้าคะ หลานกลัวว่าจะเบียดพี่สาวทั้งสอง หลานไปนั่งรถม้าของท่านได้ไหมเจ้าคะ”
หลานสาวคนเล็กงดงามอ่อนหวาน รอยยิ้มงามดั่งมวลบุปผา ฮูหยินผู้เฒ่าหวังย่อมไม่มีทางปฏิเสธ
รถม้าสองคันค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากจวนรองเจ้ากรมตามการขยับแส้ม้าของสารถี
สตรีซึ่งยืนอยู่นอกประตูมองส่งรถม้าจนไม่เห็นเงา ถึงได้เม้มปากกลับไปที่เรือน
เมื่อกลับไปถึงห้อง สีหน้าของสตรีผู้นี้ก็ผ่อนคลาย นั่งลงดื่มชาไปคำหนึ่ง
และหลังจากนั้นก็เริ่มรู้สึกกลัดกลุ้ม
หากรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่มีทางตกลง นางก็อยากจะตามไปด้วยจริงๆ
โอกาสที่หาได้ยากและมีค่ายิ่งเช่นการพบหน้ากับผิงหนานอ๋องซื่อจื่อถึงกับหล่นใส่ศีรษะหยวนเหนียง!
นางคิดได้ว่า หากลูกเลี้ยงที่มีชีวิตอยู่ในกำมือนางอาจเอื้อมมีสัมพันธ์กับจวนผิงหนานอ๋องได้ หัวใจดวงหนึ่งของสตรีผู้นี้ก็คล้ายกับถูกทรมานอยู่ในกระทะน้ำมัน
นางไม่อนุญาตให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด!
บุตรสาวก็ไม่แน่ว่าจะแย่งมาได้
ไม่พูดถึงจิตใจกระสับกระส่ายของสตรีผู้นี้แล้ว ในรถม้าที่กำลังเคลื่อนอยู่ด้านหลังคันนั้น คุณหนูรองหวังจับมือคุณหนูใหญ่หวังเอาไว้ “ท่านพี่ ข้ายิ่งคิด ก็ยิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติ วันนี้พวกเราไปจุดธูปบูชาที่วัดต้าฝูกันจริงๆ หรือ“
น้องสามเป็นคนชอบเสแสร้ง การมาจุดธูปบูชาเป็นเพื่อนท่านย่า ไม่ใช่เรื่องน่าสนใจอะไร หากเป็นเมื่อก่อนคงแทบจะหาข้ออ้างไม่ไป คราวนี้เห็นได้ชัดว่าหวัดก็ยังไม่หายดี ทำไมถึงต้องตามมาด้วยกัน
คุณหนูใหญ่หวังยิ้มบางๆ “ย่อมไปจุดธูปบูชาที่วัดต้าฝู ไม่เช่นนั้นจะไปที่ใดกัน”
“ท่านพี่ ระหว่างพวกเรายังมีสิ่งที่ต้องปิดบังกันอีกหรือ”
คุณหนูใหญ่หวังมองน้องสาว พลางถอนหายใจ “ไปจุดธูปบูชานั้นเรื่องจริง ไปพบหน้าก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน”
“พบหน้า?”คุณหนูรองหวังสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ”พบหน้าอะไรหรือ“
คุณหนูใหญ่หวังยิ้มเจื่อน “อาศัยจุดธูปบูชาเป็นข้ออ้างในการพบหน้ากับผิงหนานอ๋องซื่อจื่อน่ะ”
คุณหนูรองหวังตกตะลึง กระทั่งพูดจาก็อ้ำๆ อึ้งๆ “ซื่อ ผิงหนานอ๋องซื่อจื่อหรือ”
เมื่อเห็นพี่สาวพยักหน้า คุณหนูรองหวังก็มีสีหน้าเหลือเชื่อ พลางพึมพำว่า “ไหนเลยจะได้สิ่งที่ต้องการ โดยไม่ต้องเปลืองแรง…”
คุณหนูใหญ่หวังถอนหายใจเบาๆ “ใช่แล้ว ได้สิ่งที่ต้องการจริงๆ ก็ไม่กล้ารับอยู่ดี”
ภายในรถตกสู่ความนิ่งเงียบไปชั่วขณะ
ผ่านไปสักพักหนึ่ง คุณหนูรองหวังก็เอ่ยเสียงเบา “ท่านพี่ ไม่เต็มใจใช่หรือไม่”
คุณหนูใหญ่หวังหลุบตา “ท่านย่าเต็มใจ”
นางไม่เต็มใจแล้ว จะมีประโยชน์อันใด
คุณหนูรองหวังออกแรงบีบมือคุณหนูใหญ่หวังเล็กน้อย แววตาเปล่งประกาย “ท่านพี่ น้องสามเต็มใจ!”
นางไม่ใช่คนโง่ หากไม่รู้เรื่องการพบหน้ากันก็ยังคงสับสนงุนงง ตอนนี้เข้าใจเรื่องราวชัดเจนแล้วแม่เลี้ยงรู้ว่าพี่สาวจะไปพบผิงหนานอ๋องซื่อจื่อจึงมีความคิดที่จะให้น้องสามไปแทนที่
ในเมื่อพี่สาวไม่เต็มใจ น้องสามเต็มใจ เช่นนี้ก็ทำให้น้องสามสมปรารถนา เป็นผลดีกับทั้งสองฝ่ายพอดี
คุณหนูใหญ่หวังส่ายหน้ายิ้มๆ “ก็เหมือนกับที่ข้าไม่เต็มใจนั่นแหละ น้องสามเต็มใจหรือไม่นั้น มีอะไรสำคัญด้วยหรือ”
ชะตาชีวิตของพวกนาง สุดท้ายก็ยังไม่ถึงคราวที่ตัวเองจะตัดสินใจได้
“พี่สามารถทำตัวงุ่มง่าม แล้วให้พระชายาผิงหนานอ๋องเห็นข้อดีของน้องสามแทนได้”
“หากพระชายาผิงหนานอ๋องชอบลูกสะใภ้ที่ซุ่มซ่ามและซื่อๆ พอดีล่ะ” คุณหนูใหญ่หวังถามกลับ
ถ้าหากพระชายาผิงหนานอ๋องให้ความสำคัญกับรูปโฉมและพื้นฐานตระกูลของสตรีก็คงไม่มีการเดินทางมาจุดธูปบูชาในวันนี้หรอก
เมื่อเข้าใจในจุดนี้ชัดเจนแล้ว ก็รู้ว่า แม้ว่าน้องสามจะแสดงออกในทางที่ดีมากเพียงใดก็เกรงว่ายากจะเข้าตาพระชายาผิงหนานอ๋อง
พูดตามตรง พระชายาผิงหนานอ๋องต่างหากที่เป็นคนที่สามารถเลือกได้
คุณหนูรองหวังตัดสินใจเอ่ย “หากไม่ได้จริงๆ พี่ก็ทำให้ตัวเองเสียชื่อเสียงเองเลย!”
คุณหนูใหญ่หวังตะลึง จากนั้นก็ยื่นนิ้วไปจิ้มหน้าผากคุณหนูรองหวัง พลางถอนหายใจ เอ่ยว่า “น้องสาวที่โง่งม ในฐานะสตรีจะเลือกวิธีการนี้ได้อย่างไร”
ทำลายชื่อเสียงตัวเองกับงุ่มง่ามนั้นไม่เหมือนกัน
งุ่มง่ามอย่างมากสุดก็มีชื่อเสียงซื่อๆ ไม่พูดไม่จาแพร่ออกไป หลังจากนี้การหารือเรื่องการแต่งงาน ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป แต่การทำลายชื่อเสียงกลับเป็นการที่ศีลธรรมด่างพร้อย เช่นนั้นจะเป็นการทำลายชื่อเสียงแทน
สถานการณ์เช่นนี้ของนาง หากว่าเสื่อมเสียชื่อเสียงอีก เกรงว่าจะจมอยู่ในโคลนตมไปตลอดชีวิตเหมือนกับที่แม่เลี้ยงปรารถนา
“งุ่มง่ามไม่ปลอดภัย ทำลายชื่อเสียงตัวเองก็ไม่ได้ เช่นนั้นท่านพี่คิดว่าควรทำเช่นไรถึงจะดี” คุณหนูรองหวังกลัดกลุ้ม
คุณหนูใหญ่หวังนิ่งเงียบ ภายในตัวรถกลับคืนสู่ความเงียบงัน ได้ยินเพียงแค่เสียงหมุนกึกๆ ของล้อรถที่ดังขึ้นข้างหู
ชัดเจนและน่าเบื่อ
คุณหนูรองหวังหางตาชื้นเงียบๆ พึมพำว่า “ท่านพี่ บางครั้งข้าก็อิจฉาคุณหนูลั่วมาก อยากร้องไห้ก็ร้อง อยากหัวเราะก็หัวเราะ มีความสนใจก็เปิดมีหอสุราคลายความเบื่อหน่าย แม้ว่าจะเลี้ยงดูนายบำเรอก็ไม่มีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์นินทาต่อหน้า”
หากว่าไม่มีพันธนาการวุ่นวายเหล่านี้ หากว่ามีการสนับสนุนอันแข็งแกร่งซึ่งไม่มีทางโดนทำลาย ใครจะไม่อยากเลี้ยงนายบำเรอสักคนไว้เชยชมกัน
นี่เป็นชีวิตที่ทำให้ผู้คนอิจฉาอย่างยิ่ง
เพียงแต่น่าเสียดายที่กระทั่งความอิจฉา นางก็ยังทำได้เพียงรู้สึกเงียบๆ
เมื่อได้ยินน้องสาวเอ่ยถึงคุณหนูลั่ว นัยน์ตาคุณหนูใหญ่หวังก็มีประกายอิจฉาพาดผ่าน แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนายิ้มๆ “สองวันก่อนท่านย่าให้เงินข้าไม่น้อย รอพรุ่งนี้ ข้าจะพาเจ้าไปร่ำสุราที่มีหอสุราแล้วกัน”
“อืม” คุณหนูรองหวังพยักหน้า ไม่กล้าให้พี่สาวรู้ความกังวลในใจ
ถึงวัดต้าฝูแล้ว
ในฐานะที่เป็นวัดซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีผู้มาสักการะบูชาไม่ขาดสาย แม้ว่าจะยามเช้าตรู่ที่หนาวเย็นก็มีผู้แสวงบุญเข้าออกแล้ว
สองพี่น้องลงจากรถม้า ฮูหยินผู้เฒ่าหวังตามลงมาโดยมีคุณหนูสามหวังคอยประคองแล้วเดินเข้าไปในวัดต้าฝูอย่างไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ
เพราะว่านัดหมายกันตั้งแต่แรก ภิกษุที่คอยต้อนรับนำคนทั้งขบวนไปบริเวณสระปล่อยปลาแล้ว ก็จากไป
ข้างสระปล่อยปลาไม่มีใคร น้ำในสระใสแจ๋วจนสามารถมองเห็นปลาจำนวนมากที่แหวกว่ายได้
ฮูหยินผู้เฒ่าหวังนำหลานสาวสามคนไปปล่อยปลาไนคู่หนึ่งที่นำมาด้วยลงสระ
“ฮูหยินรองเจ้ากรมหวังใช่ไหมเจ้าคะ” เสียงนุ่มนวลดังลอยมา
คุณหนูสามหวังติดตามอยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าหวังตลอด เมื่อได้ยินเสียงก็มองไปทันที
นางไม่กล้ามองตรงๆ เพียงแค่อาศัยหางตามองเงียบๆ
บริเวณไม่ไกลนักมีสตรีผู้หนึ่งยืนอยู่ แม้ว่าจะดูแล้วมีอายุ รูปร่างผอมบาง แต่กลับปิดบังความสง่างามและสูงศักดิ์เอาไว้ไม่มิด
นี่คือพระชายาผิงหนานอ๋อง ในอดีตนางเคยเห็นจากที่ไกลๆ สองครั้ง และไม่เคยอยู่ในระยะใกล้ขนาดนี้มาก่อน
ด้านหลังสตรีผู้นี้ นอกจากสาวใช้และบ่าวเฒ่ากลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ห่างออกไปเล็กน้อยก็มีชายหนุ่มรูปร่างสูงตระหง่านในอาภรณ์สีฟ้าสะดุดตาคนหนึ่ง
คุณหนูสามหวังหัวใจเต้นเร็วขึ้นสองส่วน
บุรุษอาภรณ์สีฟ้าผู้นั้นคือผิงหนานอ๋องซื่อจื่อหรือ
เพราะแวดวงของสองตระกูลนั้นแตกต่างกันเกินไป นี่จึงเป็นครั้งแรกที่นางได้เจอผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ
คิดไม่ถึงว่าผิงหนานอ๋องซื่อจื่อจะหล่อเหลาสดใสเช่นนี้…
คุณหนูสามหวังคิดฟุ้งซ่าน ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงสายตาที่มองมาทางนางของคนผู้นั้น
คุณหนูสามหวังไม่กล้ามองสุ่มสี่สุ่มห้าทันที นางหลุบตาแสดงท่าทางนิ่งเงียบว่าง่ายออกมา แต่ในใจกลับตื่นเต้นและกระตือรือร้น
นางคิดมากเกินไปหรือไม่นะ ดูเหมือนผิงหนานอ๋องซื่อจื่อกำลังมองนางอยู่
สายตานั้นคล้ายจะไม่เคยละออกจากร่างของคุณหนูสามหวังเลย
คุณหนูสามหวังแพขนตาสั่นไหว สุดท้ายก็ทนไม่ไหว แอบมองเงียบๆ แวบหนึ่ง
สายตาของทั้งสองคนสบกัน ในที่สุดคุณหนูสามหวังก็แน่ใจว่าไม่ใช่การคิดไปเอง
นางโค้งริมฝีปากเล็กน้อย แย้มรอยยิ้มอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง