ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 296 หนี
ตอนที่ 296 หนี
จวนรองเจ้ากรมหวังเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศปลาบปลื้มยินดี จวนอันกั๋วกงกลับเผชิญกลับมรสุมที่มาเยือนกะทันหัน
“เจ้าเดรัจฉาน เจ้าพูดมาให้ชัดเจนว่า น้องรองของเจ้าไปที่ใดแล้ว!” อันกั๋วกงมือถือแส้ ฟาดลงบนร่างจูเอ้อร์หลังครั้งแล้วครั้งเล่า
จูเอ้อร์หลังคุกเข่าอยู่บนพื้น เสื้อไว้ทุกข์บนร่างถูกฟาดจนขาด เขาหลบพลางตะโกนว่า “ลูกไม่รู้ขอรับ!”
สี่สิบเก้าวันหลังจากมารดาตายใกล้จะผ่านไปในไม่ช้าแล้ว เมื่อฝังศพมารดาเรียบร้อยแล้ว ก็จะต้องเวลาที่บิดาจัดการกับน้องรอง ถึงตอนนั้นคิดจะช่วยให้น้องรองหนีออกไปก็ยากแล้ว
น้องรองพูดไม่ผิด คิดจะหนีจากจวนกั๋วกง ต้องฉวยโอกาสตอนนี้ที่จวนวุ่นวายนั้นดีที่สุด
“ไม่รู้หรือ” อันกั๋วกงถลึงตาใส่บุตรชายคนรอง สีหน้าเขียวคล้ำ “ยายเฒ่าจางที่เฝ้าน้องรองของเจ้าสารภาพมาแล้ว หลายวันมานี้ เจ้าแอบไปสามครั้ง ครั้งนี้เจ้าจากไปไม่นาน พวกบ่าวก็เริ่มง่วงนอน เมื่อตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นน้องรองของเจ้าแล้ว ไม่ใช่เจ้าช่วยให้นางหนี แล้วจะเป็นใคร”
“ลูกจะรู้ได้อย่างไรขอรับ บางทีน้องรองอาจจะพึ่งตัวเองก็ได้…”
อันกั๋วกงยกเท้าถีบ “ลูกทรพี ทำผิดแล้วยังจะปากแข็ง! เจ้าเหมือนกับน้องรองของเจ้าใช่หรือไม่ ต้องทำให้จวนกั๋วกงบ้านแตกสาแหรกขาดถึงจะพอใจ”
จูเอ้อร์หลังถูกถีบจนร่างซวนเซ ครั้งนี้กลับไม่มีท่าทีจะหลบเลี่ยง แต่จ้องอันกั๋วกงตรงๆ พลางถามว่า “ท่านพ่อ สรุปว่าน้องรองทำความผิดอะไรกันแน่ ถึงต้องขังนางเอาไว้ นางจะทำลายจนจวนกั๋วกงจนบ้านแตกสาแหรกขาดได้อย่างไรขอรับ”
มีประโยคหนึ่งที่เขาอดกลั้นไม่ตะโกนออกมา นั่นก็คือคนที่ทำให้ท่านแม่ตาย ไม่ใช่ท่านพ่อหรอกหรือ
อันกั๋วกงมีสีหน้าบิดเบี้ยว กำหมัดแน่นจนมีเสียงดังกร๊อบๆ
ในใจเขาบุตรคนรองเป็นเด็กไม่เอาถ่าน ไม่รู้ความมาตลอด ซึ่งแตกต่างจากบุตรชายคนโตที่สามารถแบ่งเบาเรื่องราวที่พบเจอได้แล้วจึงตัดสินใจไม่บอกความจริงกับบุตรชายคนรอง
ด้วยนิสัยหุนหันพลันแล่นของบุตรชายคนรอง รู้มากไป ก็มีแต่จะก่อปัญหา
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ลูกทรพีคนนี้จะฉวยโอกาสที่จวนกั๋วกงยุ่งวุ่นวายกับการจัดพิธีศพ ปล่อยน้องสาวของเขาไป
“เจ้าขุ่นเคืองที่น้องสาวเจ้าไม่ได้รับความยุติธรรม ดังนั้นจึงแอบปล่อยนางไปหรือ”
จูเอ้อร์หลังอึ้ง แต่ยังคงปากแข็งทั้งที่ทำความผิด “ข้าเปล่า ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น!”
แส้หวดลงมา เนื้อหนังปริแตก
ครั้งนี้ลงมือหนักมากจริงๆ
ความเจ็บปวดสุดซึ้งคืบคลานเข้ามา จูเอ้อร์หลังโพล่งออกมาว่า “ท่านพ่อตีข้าให้ตายก็ดี ถึงอย่างไรท่านแม่ก็ถูกท่านทำร้ายจนตายเช่นกัน…”
“น้องรอง!” อันกั๋วกงซื่อจื่อที่เร่งรุดมาไกล่เกลี่ยการทะเลาะกันตวาดครั้งหนึ่งแล้วคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของจูเอ้อร์หลัง “เจ้าพูดเหลวไหลอันใด!”
จูเอ้อร์หลังสะบัดมืออันกั๋วกงซื่อจื่อออก พลางยิ้มเยาะ “ข้าพูดผิดหรือ น้องหญิงรองเห็นท่านพ่อทำให้ท่านแม่ตายถึงถูกขังเอาไว้ รอจนฝังศพท่านแม่เสร็จแล้วก็ไม่แน่ว่าน้องรองต้องตามรอยเท้าท่านแม่ไปเช่นกัน…”
“ลูกอกตัญญู!” อันกั๋วกงโมโหจนควันออกหู
อันกั๋วกงซื่อจื่อมองอันกั๋วกง “ท่านพ่อ บอกความจริงกับน้องรองเถอะขอรับ”
น้องรองเกิดความเข้าใจผิดเช่นนี้ หากยังไม่พูดให้ชัดเจนก็เกรงว่าจะยังมีหายนะครั้งใหญ่รออยู่อีก
อันกั๋วกงสีหน้าบึ้งตึง ไม่พูดไม่จา
อันกั๋วกงซื่อจื่อรู้ว่านี่คือการเห็นด้วยแล้วจึงเอ่ยเสียงเย็น “น้องรอง เจ้าลุกขึ้นมาเถอะ ข้าจะบอกเจ้าให้ชัดเจน”
จูเอ้อร์หลังลุกขึ้นมา เช็ดมุมปากอย่างแรง “ท่านพูด!”
รอจนอันกั๋วกงซื่อจื่อพูดจบ จูเอ้อร์หลังที่ได้ยินก็มึนงง พลางงึมงำว่า “น้องหญิงรองบงการให้คนไปฆ่าคนหรือ พี่ใหญ่ ที่ท่านพูดมานั้นเป็นน้องรองจริงๆ หรือ”
อันกั๋วกงซื่อจื่อส่ายหน้า “หากไม่ใช่เช่นนี้ เหตุใดท่านพ่อถึงได้มีโทสะเช่นนั้น น้องหญิงรองก็เป็นน้องสาวของข้า ข้ารักและทะนุถนอมนางไม่น้อยไปกว่าเจ้า ความจริงแล้วความผิดของนางในครั้งนี้ใหญ่เกินไป ท่านพ่อถึงไม่อนุญาตให้นางได้เจอใคร รอฝังศพท่านแม่เสร็จแล้วก็จะให้นางเก็บตัวไหว้พระอยู่ที่บ้าน…”
จูเอ้อร์หลังนัยน์ตาหดวูบ “ท่านพ่อไม่ได้คิดปิดปากน้องหญิงรองหรือ”
อันกั๋วกงซื่อจื่อเส้นเอ็นบริเวณขมับปูดโปน สีหน้าทะมึน “น้องรอง เจ้าคิดอะไรน่ะ ต่อให้ท่านพ่อโมโหก็ไม่มีทางเอาชีวิตน้องหญิงรองหรอก วันนั้นที่สั่งสอนน้องหญิงเพราะโมโหเกินไป”
จูเอ้อร์หลังอ้าปาก ไม่พูดอะไรแล้ว
“น้องรอง เจ้ารู้ความจริงหมดแล้ว ตอนนี้สมควรจะบอกพวกเราได้แล้วว่า น้องหญิงรองอยู่ที่ไหน”
จูเอ้อร์หลังมีสีหน้าว้าวุ่น
“น้องรอง ถึงตอนนี้เจ้ายังไม่พูด หรือจะรอให้น้องหญิงรองก่อเรื่องใหญ่กว่านี้ขึ้นมาจริงๆ”
ในที่สุดจูเอ้อร์หลังก็ถูกโน้มน้าวสำเร็จจึงกระซิบออกมาว่า “น้องหญิงรองถูกข้าจัดให้อยู่ในบ้านของสามัญชนแห่งหนึ่ง…”
“บ้านของสามัญชนหรือ”
จูเอ้อร์หลังก้มหน้าต่ำเล็กน้อย “ข้าแอบเช่าเอาไว้เมื่อหลายวันก่อน และซื้อเด็กสาวคนหนึ่งมาปรนนิบัติน้องหญิงด้วย…”
เมื่อจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จเรียบร้อย เขาถึงได้กล้าช่วยน้องหญิงให้หนีออกจากจวนกั๋วกง ไม่เช่นนั้นน้องหญิงรอง สตรีสูงศักดิ์ที่ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา มีสาวใช้เป็นกลุ่มคนหนึ่งจะมีชีวิตรอดอยู่ข้างนอกได้อย่างไร
อันกั๋วกงเดิมอยากจะด่าอีก แต่เมื่อได้ยินการจัดการเช่นนี้ของจูเอ้อร์หลังแล้ว กลับไม่ได้ด่าออกมา
แม้ว่าลูกทรพีคนนี้จะหุนหันพลันแล่น แต่ไมตรีจิตที่มีให้กับน้องสาวกลับเป็นจุดที่คู่ควรได้รับการชมเชย
แน่นอนว่า โมโหก็ยังโมโห รอหาตัวบุตรสาวทรพีกลับมาได้ก่อน ค่อยสั่งสอนเจ้าลูกสารเลวคนนี้อย่างเข้มงวด
สำหรับจูหานซวง อันกั๋วกงไม่มีความคิดจะสั่งสอนแล้ว ทำได้แค่ตามหาตัวคนกลับมา ก็จะส่งกลับไปอารามของตระกูลที่บ้านเก่า และไม่อนุญาตให้พบผู้คนตั้งแต่นี้ไป
“เจ้าใหญ่ เจ้ากับเจ้ารองไปพาน้องสาวของเจ้ากลับมาด้วยกันเดี๋ยวนี้”
อันกั๋วกงซื่อจื่อรับคำแล้วให้จูเอ้อร์หลังนำทางห้อตะบึงไปยังบ้านสามัญชนหลังนั้น
“น้องหญิงอยู่ที่นี่หรือ” อันกั๋วกงซื่อจื่อมองประตูเรือนที่เปิดรออยู่แล้วก็รู้สึกกระวนกระวายแปลกๆ
จูเอ้อร์หลังกลับไม่ได้คิดมาก เมื่อเห็นประตูไม่ได้ลงกลอนก็ผลักประตูเข้าไปทันที
ลานบ้านไม่กว้าง มีแค่ต้นทับทิมที่แห้งโกร๋นยืนตระหง่านเดียวดายข้างกำแพง บนราวตากผ้ายาวมีเสื้อผ้าหลายตัวกับผ้าม่านแขวนอยู่
จูเอ้อร์หลังก้าวเท้ายาวเข้าไปในห้อง แต่กลับถูกอันกั๋วกงซื่อจื่อออกแรงกดไหล่เอาไว้
จูเอ้อร์หลังหันหน้ากลับมามองอันกั๋วกงซื่อจื่อด้วยความสงสัย
อันกั๋วกงซื่อจื่อมีสีหน้าเขียวคล้ำ เดินไปบริเวณราวตากผ้าทีละก้าวๆ
“พี่ใหญ่?” จูเอ้อร์หลังไม่เข้าใจขึ้นเรื่อยๆ
อันกั๋วกงซื่อจื่อเร่งเท้าเดินเข้าไป พลางเลิกม่านที่แขวนอยู่บนราวตากผ้าขึ้น
ม่านยังคงชื้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเพิ่งซักวันนี้
แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่อันกั๋วกงซื่อจื่อมา
อีกด้านของม่าน มีเด็กสาวคนหนึ่งล้มอยู่
เด็กสาวนอนขดตัวอยู่บนพื้น สีหน้าทุกข์ทรมานยังค้างอยู่บนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าตายได้ระยะหนึ่งแล้ว
สิ่งที่อันกั๋วกงซื่อจื่อเห็นก็คือ เด็กสาวยื่นมือออกไปด้านหนึ่งของม่านที่ตากอยู่
“นาง นางเป็นสาวใช้ที่ข้าซื้อ! น้องหญิงรอง…” จูเอ้อร์หลังสีหน้าเปลี่ยน พุ่งตัวเข้าไปในห้อง
ภายในห้องว่างเปล่า ไหนเลยจะมีเงาร่างของจูหานซวง
จูเอ้อร์หลังวิ่งออกมา “พี่ใหญ่ น้องหญิงหายไปแล้ว เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับนางใช่หรือไม่”
อันกั๋วกงซื่อจื่อชี้ไปที่ศพบนพื้นซึ่งอยู่ไม่ไกล “น้องรองดูสิว่านั่นคืออะไร“
นั่นคือกรรไกรเปื้อนเลือดอันหนึ่ง
ลมหนาวพัดมาระลอกหนึ่ง พัดมาจนใบไม้ที่พยายามรั้งอยู่บนกิ่งก้านต้นทับทิมร่วงลงมาอย่างอาลัยอาวรณ์แล้วถูกสายลมม้วนให้ปลิวอยู่บนพื้น
อันกั๋วกงซื่อจื่อทั่วร่างเย็นเยือก พึมพำว่า “น้องหญิงรองไม่ได้เกิดเรื่องอะไร แต่ฆ่าสาวใช้ที่เจ้าซื้อให้นางแล้วหนีไป”
จูเอ้อร์หลังดวงตาเบิกกว้าง ริมฝีปากสั่นระริก เนิ่นนานถึงได้ถามออกมาประโยคหนึ่ง “เหตุใดน้องหญิงรองจึงทำเช่นนี้”
อันกั๋วกงซื่อจื่อมองจูเอ้อร์หลังแวบหนึ่ง คงจะคาดเดาได้ว่าน้องรองจะยอมพูดแล้วพาเขามาที่นี่สินะ
เขาประเมินน้องสาวคนนี้ต่ำไปจริงๆ