ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 297 ความวุ่นวายบังเกิด
ตอนที่ 297 ความวุ่นวายบังเกิด
สองพี่น้องมารับคนเงียบๆ ตอนนี้คนหายไปแล้ว ทั้งยังมีคนตาย ย่อมต้องวุ่นวายกับการอำพรางเป็นธรรมดา
อันกั๋วกงที่ได้รับข่าวก็โมโหจนหัวหมุน แต่กลับไม่กล้าทำให้เรื่องใหญ่โต
จวนอันกั๋วกงยังอยู่ระหว่างงานศพ ทุกวันล้วนมีญาติมิตรมาถามไถ่แสดงความเสียใจที่จวน กลางวันบุตรหลานกตัญญูสวมเสื้อกระสอบเฝ้าอยู่หน้าดวงวิญญาณนั้นเป็นเรื่องจำเป็น
โดยเฉพาะการหายตัวไปของบุตรสาวจวนกั๋วกง ไม่สามารถกระทำการเอิกเกริกได้ กระทั่งข้ารับใช้ที่ส่งออกไปตามหาคนก็เยอะเกินไปไม่ได้ แบบนี้ความแข็งแกร่งจึงอ่อนลงอย่างเลี่ยงไม่ได้
พริบตาเดียวก็ผ่านไปหลายวันแล้ว ตลอดมาก็ยังไม่เห็นเงาร่างของจูหานซวง
อันกั๋วกงร้อนรนใจ จอนสองข้างถูกย้อมด้วยสีขาวโพลนเงียบๆ
ความครึกครื้นในเมืองหลวงไม่ได้หยุดชะงักตามพิธีการฝังศพของฮูหยินอันกั๋วกง ข่าวคราวการหมั้นหมายของผิงหนานอ๋องซื่อจื่อกับเจ้ากรมราชรถหวังแพร่ออกมา
เมื่อข่าวคราวแพร่ออกไปก็ทำให้ผู้คนตกตะลึงไม่น้อย
สองตระกูลต่างกันเกินไปหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นคนที่หมั้นหมายยังเป็นหลานสาวคนเล็ก ไม่ใช่หลานสาวคนโต
หลังดื่มชา รับประทานอาหารจึงมีการวิพากษ์วิจารณ์กันไม่น้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ได้ยินมาว่าหลานสาวคนเล็กของเจ้ากรมหวังยังไม่ได้ปักปิ่นเลย คิดไม่ถึงว่าจะสามารถหมั้นหมายกับผิงหนานอ๋องซื่อจื่อได้ ว่ากันตามเหตุผลแล้ว หลานสาวคนโตเหมาะสมกว่าเล็กน้อย”
คนที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้เอ่ยอย่างมีนัยลึกซึ้งว่า “คุณหนูสามของจวนเจ้ากรมเป็นสาวงาม คุณหนูใหญ่นั้นเทียบไม่ได้”
คนที่คุยสัพเพเหระมองหน้ากันแล้วหัวเราะ
จุ๊ๆ จวนผิงหนานอ๋องกระทำเรื่องราวที่อยู่เหนือความคาดหมายของผู้คนจริงๆ แต่งพระชายาซื่อจื่อถึงกับให้ความสำคัญกับรูปโฉมมากกว่า?
เรื่องใหญ่เช่นการเลือกชายาเอกซื่อจื่อของจวนผิงหนานอ๋องย่อมต้องรายงานกับจักรพรรดิหย่งอัน
จักรพรรดิหย่งอันไม่มีความเห็นใดในเรื่องนี้ ในใจก็ค่อนข้างพอใจกับการรู้ว่าสิ่งใดควร สิ่งใดมิควรของจวนผิงหนานอ๋อง
ก่อนหน้านี้ที่รู้สึกว่าจวนผิงหนานอ๋องไม่รู้จักพอ ตอนนี้เห็นพวกเขาเลือกชายาเอกซื่อจื่อให้บุตรชายแล้ว ก็ยังมีขอบเขตอยู่บ้าง
เรื่องการหมั้นหมายของผิงหนานอ๋องซื่อจื่อกับหลานสาวของเจ้ากรมราชรถนั้น มีทั้งคนตะลึง มีคนพอใจ มีคนอิจฉา ท่านหญิงเล็กเว่ยเหวินกลับรู้สึกว่าไม่สามารถยอมรับได้จึงเร่งรุดไปหาพระชายาผิงหนานอ๋อง
เพราะเรื่องการแต่งงานของบุตรชายเรียบร้อยแล้ว ความโศกเศร้าในใจของพระชายาผิงหนานอ๋องจึงบรรเทาลงเล็กน้อย มองดูแล้วสีหน้าท่าทางดีกว่าเมื่อก่อนอยู่บ้าง
“เหวินเอ๋อร์มาแล้ว” พระชายาผิงหนานอ๋องเอนพิงฉากกันลม กวักมือเป็นสัญญาณให้เว่ยเหวินมานั่งข้างๆ
เว่ยเหวินกัดริมฝีปากถาม “เสด็จแม่ เหตุใดท่านจึงเลือกชายาเอกซื่อจื่อที่มีชาติกำเนิดเช่นนั้นให้พี่รองเจ้าคะ”
แม้ว่าจะเป็นสตรีในเจ้ากรมราชรถก็ล้วนไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นชายาเอกซื่อจื่อแห่งจวนผิงหนานอ๋อง นับประสาอะไรกับแค่รองเจ้ากรมคนหนึ่ง
เด็กสาวในตระกูลข้ารับใช้ที่ฝึกและเลี้ยงดูม้าคนหนึ่ง!
งานเลี้ยงรวมตัวในเมืองหลวงมีมากมายหลากหลาย สตรีในจวนรองเจ้ากรม กระทั่งคุณสมบัติที่จะสนทนากับนางก็ไม่มี คิดไม่ถึงว่า จู่ๆ จะกลายเป็นพี่สะใภ้ของนางเสียอย่างนั้น
นี่จะให้นางยอมรับได้อย่างไร
“ทำไม เจ้ารู้สึกว่าพี่สะใภ้รองในอนาคตชาติกำเนิดต่ำต้อยหรือ” เมื่อเผชิญหน้ากับบุตรสาวที่รู้ความเสมอมา พระชายาผิงหนานอ๋องจึงมีท่าทีอ่อนโยนยิ่ง
“ไม่ใช่หรือเจ้าคะ เสด็จแม่ ข้างนอกมีผู้คนมากมายล้วนหัวเราะพวกเราจวนอ๋องอยู่นะเจ้าคะ!”
“หัวเราะอะไร”
“หัวเราะที่เลือกการแต่งงานในครั้งนี้ได้ไม่ดี ยังจะหัวเราะอะไรได้อีกล่ะเจ้าคะ” เว่ยเหวินไม่กล้าพูดวาจาที่ไม่น่าฟังเกินไปเหล่านั้นให้พระชายาผิงหนานอ๋องฟัง ในใจก็ยิ่งสุมไปด้วยเพลิงโทสะ
เมืองหลวงไร้อารยธรรมยิ่งกว่าทางใต้เสียแล้ว ถึงกับมีข่าวลือเรื่องพี่รองกับคุณหนูหวังสามมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันออกมา
คนที่นินทาไร้สาระเหล่านี้ล้วนไม่มีขีดจำกัดเลยสักนิดเดียว!
เว่ยเหวินไม่พอใจ พระชายาผิงหนานอ๋องกลับหัวเราะ “เหวินเอ๋อร์ ยังจำเรื่องที่พี่รองของเจ้าทะเลาะวิวาทกับองค์รัชทายาทต่อหน้าผู้คนได้หรือไม่”
เว่ยเหวินพยักหน้า
จะจำไม่ได้ได้อย่างไร ตอนนั้นพี่รองเกือบจะทำให้เสด็จแม่โมโหจนล้มป่วยแล้ว
พระชายาผิงหนานอ๋องมองหน้าต่างที่ปิดอยู่ แล้วถอนหายใจ “เรื่องนั้นลือไปเข้าพระกรรณเสด็จลุงฮ่องเต้ของเจ้า ย่อมมีความรู้สึกไม่พอใจในตัวพวกเราจวนผิงหนานอ๋อง แม่เลือกการแต่งงานแบบนี้ให้กับพี่รองเจ้า ก็เป็นการชดเชยการกระทำที่ไม่รู้จักหนักเบาของเขา”
เว่ยเหวินได้ยินก็ตะลึง สีหน้าซีดขาว
พระชายาผิงหนานอ๋องลูบแก้มเว่ยเหวินแผ่วเบา “เอาเถอะ เรื่องเหล่านี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดมากแล้ว หลังจากนี้ก็ทะเลาะกับพี่รองเจ้าให้น้อยหน่อย”
สองพี่น้องทะเลาะกันจนไม่สนใจกัน คนที่เสียเปรียบอย่างแท้จริงก็คือบุตรสาว
“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ” เว่ยเหวินพยักหน้าโมโห ก้มหน้านวดขาสองข้างให้พระชายาผิงหนานอ๋องเบาๆ
พระชายาผิงหนานอ๋องเปลี่ยนเป็นท่าทางที่เสบายพิงฉากกันลมบริเวณหัวเตียง โดยไม่พูดอะไรอีก
เว่ยเหวินเงยหน้าก็พบว่าพระชายาผิงหนานอ๋องหลับไปแล้ว
นางอดพิจารณามองมารดาไม่ได้ ก็ค้นพบอย่างน่าตกใจว่า ท่ามกลางเรือนผมสีดำของเสด็จแม่มีผมขาวไม่น้อยแล้ว แก้มสองข้างที่อิ่มเอิบก็มีรอยบุ๋มลึกลงไปเช่นกัน
เสด็จแม่…ชราแล้ว
เว่ยเหวินออกจากเรือนหลักด้วยอารมณ์หนักอึ้ง แต่กลับไม่อยากกลับห้องจึงตัดสินใจออกจากจวนอ๋องไปเดินเล่นอย่างไร้จุดหมาย
เดินเล่นไปมา ก็เดินไปถึงถนนชิงซิ่งโดยไม่รู้ตัว
ถนนชิงซิ่งยังคงคึกคัก ความครึกครื้นของเหล่าผู้คนบนถนนไม่ได้ลดลงเพียงเพราะอากาศที่หนาวเย็น
เว่ยเหวินชะงักฝีเท้า มองจากที่ไกลๆ ด้านหน้าคือธงสุราสีเขียวที่โบกสะบัดรับลม ดึงดูดสายตาผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา
นั่นคือมีหอสุรา ตอนนี้ยังห่างจากเวลาเปิดทำการอีกนาน
เว่ยเหวินอดนึกถึงการมาร่ำสุราที่มีหอสุรากับเพื่อนสนิทอย่างจูหานซวงในครั้งที่แล้วไม่ได้ นางบังเอิญได้พบกับหลานสาวสองคนของจวนรองเจ้ากรมหวัง
เป็นเพราะพวกนางมาช้าจึงทำได้แค่ใช้โต๊ะร่วมกับคุณหนูหวังทั้งสอง ความรังเกียจของเพื่อนสนิทปิดบังอย่างไรก็ไม่มิด
นี่เพิ่งจะผ่านไปได้เท่าไร ในครอบครัวหานซวงก็เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จวนรองเจ้ากรมตระกูลหวังที่ไม่เคยถูกพวกนางเห็นอยู่ในสายตา ถึงกับมีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติเพราะการแต่งงานกับจวนอ๋อง
เว่ยเหวินชะงักฝีเท้าครู่หนึ่งแล้วก้าวเท้าไปยังโรงน้ำชาแห่งหนึ่งซึ่งตั้งเยื้องกับมีหอสุราแทน
โรงน้ำชาแบ่งออกเป็นชั้นบนชั้นล่างสองชั้น เว่ยเหวินถูกเสี่ยวเอ้อร์พาขึ้นไปที่ชั้นสองก็เห็นเด็กรับใช้ที่ติดตามข้างกายเว่ยเฟิงยืนอยู่นอกประตูห้องส่วนตัวห้องหนึ่งได้ในแวบแรก
เด็กรับใช้เห็นเว่ยเหวินก็ตะลึง รีบทำความเคารพ
“พี่รองของข้าอยู่ข้างในนั้นหรือ”
“ขอรับ” เด็กรับใช้ก้มหน้ารับคำ
เว่ยเหวินผลักประตูเข้าไป
เว่ยเฟิงซึ่งมองอยู่ข้างหน้าต่างได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจึงหันหน้ากลับมา เมื่อเห็นว่าเป็นเว่ยเหวิน ก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว “ทำไม ที่จวนมีเรื่องอีกแล้วหรือ”
เขาออกมาดื่มชา เสด็จแม่จะควบคุมก็ช่างเถอะ ยังจะต้องรับการควบคุมจากน้องสาวด้วยหรือ
เว่ยเหวินได้ยินวาจานี้แล้วก็ขัดหูยิ่ง นางเดินเข้าไป พลางเอ่ยว่า “ในจวนไม่มีเรื่องอันใด ข้าแค่ออกมาเดินเล่น เหนื่อยแล้วจึงขึ้นมาดื่มชา ก็บังเอิญเห็นเด็กรับใช้ของพี่รองอยู่ที่นี่พอดี”
เว่ยเหวินพิจารณามองห้องส่วนตัวแวบหนึ่งแล้วถามนิ่งๆ ว่า “เหตุใดพี่รองจึงชอบมาดื่มชาที่นี่?”
นอกหน้าต่างตรงกับมีหอสุรา สามารถมองเห็นคนงานของหอสุราที่เริ่มทำความสะอาดได้
เว่ยเหวินลอบขมวดคิ้ว
พี่รองโดนของมาหรือ มีหอสุรายังไม่ทันเปิดทำการก็มาเฝ้าอยู่ในโรงน้ำชาที่อยู่เยื้องๆ กันเสียแล้ว?
พูดขึ้นมา อาหารของหอสุรานั้นก็อร่อยจริงๆ
เว่ยเฟิงกำลังแต่งเรื่องหาเหตุผลลวกๆ แววตาก็พลันเปล่งประกาย
ห่านขาวต้าไป๋ผูกโบตัวหนึ่งเดินวางมาดออกมาจากหอสุรา ด้านหลังมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งตามออกมาด้วย
“ต้าไป๋ อย่าออกไปเดินข้างนอก จะมีคนชั่วมาจับเจ้าไปกินเนื้อนะ” เด็กหนุ่มตะโกนประโยคหนึ่ง จูงปีกห่านขาวกลับไปยังหอสุรา
เว่ยเหวินเห็นฟู่เสวี่ยแล้วก็ตะลึงในรูปโฉมงดงามของเด็กหนุ่มเล็กน้อย
“พี่รอง”
เว่ยเฟิงพลันหันหน้าไป “ทำไมหรือ”
แม้ว่าเว่ยเหวินจะรู้สึกว่าปฏิกิริยาตอบสนองของเว่ยเฟิงจะรุนแรงไปหน่อย แต่กลับไม่ได้คิดให้ละเอียด นางเอ่ยเรียบๆ ว่า “อีกประเดี๋ยวซื้อสุราและอาหารของมีหอสุรากลับไปจวนอ๋องสักหน่อยเถอะ”
“อ้อ” เว่ยเฟิงพยักหน้าขอไปทีแล้วมองไปทางนอกหน้าต่างต่อ
สรุปว่าพี่รองกำลังดูอะไรอยู่กันแน่
เว่ยเหวินมองออกไปข้างนอก
เด็กสาวนางหนึ่งรีบวิ่งไปทางหอสุรา
คุณชายสามเซิ่งเห็นเด็กสาววิ่งมาก็ถามด้วยความไม่เข้าใจว่า “น้องหญิงสี่ ทำไมถึงได้วิ่งมาอย่างร้อนรนขนาดนี้ล่ะ”
“พี่สามของข้าล่ะเจ้าคะ” ลั่วเย่ว์หอบหายใจ เรือนผมคลายหลวม “ที่จวน เกิดเรื่องที่จวนแล้ว!”