ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 304 ข่าวคราว
ตอนที่ 304 ข่าวคราว
เมื่อตกตอนเย็น หลินเถิงยังไม่เลิกงานจากศาลาว่าการ ลั่วเซิงก็หิ้วกล่องอาหารมาที่ศาลาว่าการกรมยุติธรรมแล้ว
นักการศาลาว่าการผู้เฝ้าประตูของศาลาว่าการจำลั่วเซิงได้ในปราดเดียว
“เจ้าคือแม่นางน้อยที่เพิ่งมาเมื่อเที่ยงไม่ใช่หรือ”
ลั่วเซิงยิ้มน้อยๆ “ข้าเอง”
สายตาของนักการศาลาว่าการผู้เฝ้าประตูลดต่ำลง ตกตะลึง ‘ดูสาวน้อยที่งามหยดย้อยขนาดนี้ แต่พละกำลังกลับไม่น้อยเลยจริงๆ สามารถใช้เพียงมือเดียวยกกล่องอาหารได้’
“มาส่งอาหารให้ใต้เท้าเสนาบดีอีกแล้วหรือ”
“เจ้าค่ะ พี่ชายโปรดอำนวยความสะดวกด้วย” ลั่วเซิงพูดจบก็วางกล่องอาหารลงแล้วหยิบถุงกระดาษน้ำมันออกมาจากกระเป๋าผ้าที่ห้อยอยู่ที่เอว
“นี่คือ…”
เด็กสาวยิ้ม “ข้านึ่งหมั่นโถวเนื้อมาหลายชิ้น หากพี่ชายยังไม่ได้กินข้าว ถ้าไม่รังเกียจก็ลองชิมดูได้”
“ข้ายังไม่ได้กินข้าวหรอก…” นักการศาลาว่าการขมวดคิ้วพลางรับถุงกระดาษน้ำมันไป คิดในใจว่าแม่นางน้อยช่างไร้เดียงสาจริงๆ กล้าให้หมั่นโถวเนื้อเพียงไม่กี่ลูกเพื่อไล่เขาไป
อย่างน้อยก็ควรยัดเงินสักหน่อยสิ
“คุณหนูลั่ว…” หลินเถิงเดินออกมา
ลั่วเซิงรีบยกกล่องอาหารเข้าไปและถามอย่างเปิดเผยว่า “คุณชายใหญ่หลินกำลังรอข้าอยู่งั้นหรือเจ้าคะ”
“แค่กๆ!” หลินเถิงสำลักในทันที เขาไอจนหน้าแดงก่ำ เพียงครู่เดียวก็กลับมามีสีหน้าเคร่งขรึมดังเดิม “ข้ากำลังเตรียมเลิกงานน่ะ”
“เช่นนั้นข้าคงโชคดีมากจริงๆ”
หลินเถิงกระตุกยิ้มมุมปากและเรียกนักการศาลาว่าการผู้เฝ้าประตูมาหนึ่งคน “นำคุณหนูลั่วไปที่คุกใต้ดิน”
เขาไม่ต้องการให้คุณหนูลั่วเข้าใจผิด
หลินเถิงเดินออกไปด้านนอกด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง
นักการศาลาว่าการผู้เฝ้าประตูเปิดถุงกระดาษน้ำมันออก ด้านในมีหมั่นโถวเนื้อที่ยังคงมีความอบอุ่นอยู่
นุ่มนิ่มขาวอวบ หน้าตาดูน่ากินทีเดียว
เขากัดเข้าไปหนึ่งคำ ดวงตาของเขาเบิกกว้างในทันที
อร่อย อร่อยเหลือเกิน!
แป้งบางไส้หนา น้ำคลุกรสชาติอร่อย การได้กินหมั่นโถวเนื้อร้อนๆ สักชิ้นในอากาศที่เย็นยะเยือกเช่นนี้ นับว่าเป็นวันที่ดีจริงๆ
“เจ้ากินอะไรอยู่น่ะ” หลินเถิงหยุดลงข้างๆ คนเฝ้าประตู
ปากของคนเฝ้าประตูถูกอัดจนแน่น เขาเอ่ยเสียงอู้อี้ว่า “หมั่นโถวเนื้อขอรับ”
“อร่อยไหม”
“อร่อย!”
มือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นเข้ามาหยิบเอาถุงกระดาษน้ำมันที่มีหมั่นโถวเนื้อไปพร้อมกัน
“ใต้เท้า!” คนเฝ้าประตูกรีดร้องโหยหวนเสียงหนึ่ง
“ข้าชิมหน่อย” หลินเถิงรีบสาวเท้าออกจากศาลาว่าการทันที
นักการศาลาว่าการเกาะขอบประตูด้วยใบหน้าอมทุกข์
นี่ไม่มีทางใช่ใต้เท้าหลินที่เคร่งขรึมจริงจังแน่นอน!
ยังเหลือหมั่นโถวเนื้ออีกตั้งสามลูกเลยนะ เอา… ไป… หมด… เลย…!
นักการศาลาว่าการผู้นำทางแอบเหลือบมองกล่องอาหารในมือของเด็กสาว
เดิมทีมีอยู่สองถุง หนึ่งในนั้นถูกใต้เท้าเสนาบดีที่ได้ยินข่าวจากด้านในหยิบไปแล้ว โดยไม่ได้ให้ลูกน้องช่วยเหลือเลยสักนิด
คงอร่อยมากแน่นอน
นักการศาลาว่าการผู้นำทางแอบกลืนน้ำลายเงียบๆ
ลั่วเซิงหยิบจึงหยิบถุงกระดาษน้ำมันออกมาจากกระเป๋าผ้าอีกครั้ง “พี่ชายลองชิมหมั่นโถวเนื้อที่ข้าเอามาสิเจ้าคะ”
นักการศาลาว่าการผู้นำทางยัดถุงกระดาษน้ำมันเอาไว้ในอ้อมอกด้วยความสำรวม
ไม่นานก็เดินมาถึงทางเข้าคุกใต้ดิน
พัศดีได้รับคำสั่งก็ไม่ได้ทำให้พวกนางลำบากใจ ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณหนูลั่วนำกล่องอาหารมาให้ข้าก็พอ”
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ รบกวนบอกกับท่านพ่อของข้าว่า ไม่ต้องรีบกิน เคี้ยวช้าๆ จึงจะดีต่อร่างกาย” ลั่วเซิงแอบยัดเงินจำนวนหนึ่งใส่มือของพัศดี
พัศดีประมาณจำนวนเงินในมือแล้วเผยรอยยิ้มที่จริงใจออกมา “ไม่มีปัญหา คุณหนูลั่วรอได้เลย”
พัศดีเดินเข้ามาด้านในห้องขังของแม่ทัพใหญ่ลั่วพลางตะโกนว่า “ใต้เท้าลั่ว บุตรสาวของท่านนำอาหารมาส่งแล้ว”
แม่ทัพใหญ่ลั่วที่นั่งมองหนูตีกันอยู่บนพื้นก็ดีดตัวลุกขึ้นมาทันที ถลันไปที่ด้านหน้าลูกกรง “นางอยู่ที่ใด”
พัศดีหัวเราะ “ใต้เท้าลั่วอย่าได้ทำให้ข้าน้อยต้องลำบากใจเลย ที่นี่คือคุกใหญ่ของกรมยุติธรรม มีอย่างที่ไหนที่สามารถเข้าเยี่ยมได้วันละสองครั้ง คุณหนูลั่วรออยู่ด้านนอก ท่านหยิบอาหารออกมา ข้าน้อยจะนำกล่องอาหารไปคืนให้นาง นี่ถือเป็นคำสั่ง”
ฮี่ๆ รอวันพรุ่งนี้คุณหนูลั่วมาส่งอาหารอีก จะต้องได้เงินก้อนโตอีกแน่
แม่ทัพใหญ่ลั่วรับกล่องอาหารผ่านหน้าต่างเล็กๆ หยิบจานชามออกมาแล้วส่งกล่องอาหารคืนกลับไป
พัศดีรับกล่องอาหารเปล่าไป เมื่อได้กลิ่นหอมที่ไม่เข้ากับอากาศด้านในก็นึกขึ้นได้ว่า “คุณหนูลั่วฝากข้ามาบอกใต้เท้าลั่วว่า อย่ากินเร็วจนเกินไป เคี้ยวช้าๆ จึงจะดีต่อร่างกาย”
“นางพูดอะไรอีกบ้าง” แม่ทัพใหญ่ลั่วใจกระตุก เอ่ยถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ไม่ได้พูดอะไรแล้วขอรับ” น้ำเสียงของพัศดีแฝงด้วยความรำคาญ
เป็นเพราะสมคบคิดกับขุนนางกบฏจึงถูกขังอยู่ที่นี่ แม่ทัพใหญ่ลั่วต้องจบเห่แน่แล้ว มีข้าวกินยังมัวลีลา ต่อไปอาจจะไม่ได้กินแล้วก็ได้
และเป็นเพราะเห็นแก่ใต้เท้าหลินนำคุณหนูลั่วเข้ามาเมื่อตอนเที่ยงรวมทั้งเงินอีกก้อนโต เขาจึงเรียกใต้เท้าลั่วอย่างให้เกียรติหรอกนะ
“เช่นนั้นรบกวนเจ้าเอากล่องอาหารคืนให้นางและรีบให้นางกลับไปเถอะ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วมองพัศดีที่ถือกล่องอาหารออกไปราวกับมองเห็นบุตรสาวที่น่าสงสารยืนรออยู่ด้านนอกผ่านกล่องอาหาร
เมื่อได้สติกลับมาก็พบว่าหนูที่กำลังตีกันส่งเสียงร้องเจี้ยวจ้าวรอบชามอย่างร้อนใจ
มือใหญ่ราวกับพัดใบปาล์มตบหนูตัวอ้วนที่ใจร้อนที่สุดจนกระเด็น
เมื่อเปิดฝาออก ด้านในคือหมั่นโถวเนื้อรูปดอกเหมยหกชิ้น
ในจานอื่นๆ ก็คือเครื่องเคียงและน้ำแกง
แม่ทัพใหญ่ลั่วถูมือบนเสื้อ หยิบหมั่นโถวเนื้อที่วางไว้ตรงกลางลูกนั้นใส่เข้าปาก
หมั่นโถวเนื้อจ่อที่ข้างปากจึงนึกถึงคำพูดของพัศดีขึ้นมา เดิมทีต้องการกัดครึ่งชิ้น สุดท้ายจึงกัดเพียงคำเล็กๆ
น้ำมันไหลเต็มปากในทันที กลิ่นหอมหลงเหลือตามร่องฟัน
แม่ทัพใหญ่ลั่วกัดอีกหนึ่งคำ ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น
เขาหันหน้าเข้าผนังอย่างเงียบๆ และคายของแข็งที่ซ่อนไว้ในหมั่นโถวเนื้อออกมา
ของแข็งในมือคือแผ่นกระดูกเล็กๆ บนกระดูกสลักไว้จางๆ ว่า ‘รอ’
แม่ทัพใหญ่ลั่วต้าตูพลิกดูแผ่นกระดูกไปมา เมื่อแน่ว่าไม่มีตัวอักษรอื่นอีกแล้วจึงนำแผ่นกระดูกยัดใส่ปากแล้วเคี้ยว สุดท้ายก็พ่นเศษกระดูกออกมาจากปาก
พวกหนูที่ใจร้อนมานานก็รีบเข้ามาล้อมเขาไว้
แม่ทัพใหญ่ลั่วกินหมั่นโถวเนื้อไปพลางคิดเรื่องตัวอักษรบนแผ่นกระดูกไปพลาง
เซิงเอ๋อร์เพิ่งมาตอนเที่ยง ส่งตัวอักษรเข้ามาเช่นนี้ ไม่น่าเป็นไปได้ว่าภายนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เป้าหมายของเซิงเอ๋อร์…คงเป็นการเตือนให้เขาระวัง ต่อไปจะใช้วิธีนี้ในการส่งข่าวคราว
เป็นเรื่องยากสำหรับเด็กคนนี้ในการคิดวิธีการเช่นนี้ออกมาได้
แม่ทัพใหญ่ลั่วส่ายหน้า อารมณ์เศร้าสร้อย
ลั่วเซิงถือกล่องเปล่าที่พัศดีคืนให้เดินมาถึงหน้าศาลาว่าการ
นักการศาลาว่าการเฝ้าประตูที่แววตาไร้วิญญาณพลันดีดตัวลุกขึ้นมาทันที “แม่นางน้อยจะกลับแล้วหรือ”
ลั่วเซิงพยักหน้าเล็กน้อย
“พรุ่งนี้มาส่งข้าวอีกหรือไม่”
ลั่วเซิงยิ้มหวาน “มาสิ”
ดวงตาของนักการศาลาว่าการเฝ้าประตูเป็นประกายในทันที
ขอบคุณฟ้าดินที่นางมาอีก!
ช่วงหลายวันนี้ ไม่ว่าเป็นนักการศาลาว่าการเฝ้าประตู นักการศาลาว่าการผู้นำทาง หรือว่าพัศดีล้วนเริ่มตั้งตารอเวลาเลิกงานของศาลาว่าการ
หลังจากนั้นหลายวัน ในที่สุดลั่วเซิงก็ได้รับข่าวใหม่
“เมื่อครู่ได้รับจดหมายจากนกพิราบ คนที่อยู่ทางใต้ของข้าสืบทราบเหตุผลที่องครักษ์จวนเจิ้นหนานอ๋องสารภาพว่าแม่ทัพใหญ่ปล่อยตัวบุตรชายคนสุดท้องของเจิ้นหนานอ๋องแล้ว”
ลั่วเซิงกระชับปลายนิ้วที่ถือถ้วยชา และถามว่า “เหตุผลอะไรหรือ”
คนของเว่ยหานสืบเรื่องภายในได้รวดเร็วเช่นนี้ นางไม่ค่อยแปลกใจนัก
การได้พบไคหยางอ๋องที่จวนร้างของเจิ้นหนานอ๋อง นั่นก็หมายความว่าเขามีการวางกำลังที่นั่นมาก่อน
บางที ความเข้าใจของไคหยางอ๋องเกี่ยวกับคดีเก่าในจวนเจิ้นหนานอ๋องจะลึกซึ้งกว่าที่นางคิดไว้มาก