ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 306 พิษ
ตอนที่ 306 พิษ
เสนาบดีเฉียนมาเพราะข่าวลือจริงๆ
นับตั้งแต่เกิดเรื่องกับแม่ทัพใหญ่ลั่วและยังไม่ได้กำหนดโทษ มีหอสุราก็ไม่สะดวกไปชั่วคราว
การพัวพันกับขุนนางกบฏ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย
เมื่อเป็นเช่นนี้ จะไม่หิวจนน้ำลายสอได้อย่างไรกัน
พูดตามจริงเขาก็อิจฉาเหล่าจ้าวอยู่บ้าง สามารถได้กินอาหารของมีหอสุราทุกวันโดยไม่ต้องเสียเงินเช่นนี้
“สหายเฉียนช่างมีน้ำใจ งานของกรมยุติธรรมและกรมโยธานั้นค่อนข้างแตกต่างกัน ไม่ขอรบกวนดีกว่า” เสนาบดีจ้าวปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม รู้สึกว้าวุ่นในใจ
หากเหล่าเฉียนยังไม่ไป คุณหนูลั่วก็ใกล้จะมาแล้ว
เมื่อคุณหนูลั่วมาแล้ว เหล่าเฉียนคงไม่ยอมไปหากไม่ได้กินอาหาร
เสนาบดีเฉียนได้ยินเข้าก็ไม่พอใจ
ยังบอกว่างานของกรมยุติธรรมและกรมโยธาแตกต่างกันมาก จากมุมมองของเขา คิดว่าเหล่าจ้าวหน้าใหญ่มากกว่า
เขานั่งตำแหน่งเสนาบดีนี้ไม่ได้หรืออย่างไรกัน เหล่าจ้าวเองก็จัดการเรื่องวุ่นวายเหล่านั้นเองเสียที่ไหน
เสนาบดีจ้าวกวาดตามองสีหน้าของเสนาบดีเฉียนก็รู้ว่าตาแก่นี่ไม่ยอมแน่จึงหัวเราะเย้ยหยันอยู่ในใจ
เหอะ ไม่พอใจงั้นหรือ
ไม่พอใจแล้วจะมีประโยชน์อะไร ถึงอย่างไรเขาก็ยังมีลูกน้องคนสนิทที่ใช้การได้ แต่เหล่าเฉียนไม่มี
ขณะนั้น นักการศาลาว่าการคนหนึ่งก็เข้ามารายงานด้วยความรีบร้อน “ใต้เท้า คุณหนูลั่วมาแล้วขอรับ”
เสนาบดีจ้าวยกเท้าเดินผ่านข้างกายนักการศาลาว่าการไป
ทิ้งให้เสนาบดีเฉียนสับสนมึนงงจึงถามนักการศาลาว่าการเสียงเบาอย่างอดไม่ได้ “คุณหนูลั่วมาได้อย่างไร แล้วใต้เท้าของพวกเจ้าต้องไปต้อบรับนางเองเลยหรือ”
แม้ว่าเขามาก็ไม่ได้รับเกียรติถึงเพียงนี้
นักการศาลาว่าการก้มหน้ากระตุกมุมปาก “ใต้เท้าของพวกเราทำงานเหนื่อยแล้วจึงคุ้นชินที่จะออกไปยืดเส้นยืดสายบ้างน่ะขอรับ”
หรือต้องให้เขาพูดว่าใต้เท้าเสนาบดีไม่วางใจผู้อื่นเลยต้องไปรับกล่องอาหารเองให้ได้งั้นหรือ
เสนาบดีเฉียนเดินตามออกไปอย่างเงียบๆ
เมื่อได้ยินนักการศาลาว่าการพูดเช่นนี้ เขาก็เข้าใจแล้ว
เสนาบดีเฉียนเพิ่งเดินตามมาก็พบว่าลั่วเซิงยื่นกล่องอาหารให้แก่เสนาบดีจ้าวแล้ว
เสนาบดีจ้าวหิ้วกล่องอาหาร ฝีเท้าที่เดินกลับดูกินแรงขึ้นเล็กน้อย
“สหายจ้าว ข้าช่วยหิ้ว”
“ไม่ต้อง!” เสนาบดีจ้าวรู้สึกว่าน้ำเสียงดูรุนแรงไปหน่อยจึงยิ้มหน้าย่นออกมา “หนักมากนะ หากต้องลำบากสหายเฉียนข้าคงไม่สบายใจ”
“สหายจ้าวพูดอย่างกับคนแปลกหน้าเชียวนะ ด้วยมิตรภาพของเรา ข้าต้องกลัวลำบากด้วยงั้นหรือ” เสนาบดีเฉียนรีบเร่งฝีเท้าตามเพื่อนเก่าไป สายตาเล็งไปที่กล่องอาหาร “นี่คงเป็นกล่องอาหารสินะ ข้าเห็นว่าคุณหนูลั่วเป็นผู้ส่งมา…”
“อา” สิ่งที่เสนาบดีจ้าวคิดกลายเป็นจริงแล้วจึงตอบด้วยเสียงอู้อี้เสียงหนึ่ง
“เช่นนั้นต้องเป็นกับแกล้มของมีหอสุราอย่างแน่นอน โธ่เอ๋ย ข้านี่มาเร็วยังไม่สู้มาได้จังหวะจริงๆ ข้ามีลาภปากแล้ว”
เสนาบดีจ้าว “…” ตาแก่หน้าไม่อาย! นี่คือมาเพราะบังเอิญงั้นหรือ จงใจมาถูกเวลาชัดๆ!
ในเมื่อคนก็มาถึงแล้ว จะไล่กลับไปได้งั้นหรือ คงต้องอดทนต่อความเจ็บปวดและแบ่งปันกับเขาแล้ว
นักการศาลาว่าการที่นำลั่วเซิงไปยังคุกใต้ดินเองก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้เสนาบดีทั้งสองท่าน
คงไม่อาจสำรวมได้อีกต่อไป สายตาของเขาแทบแนบติดไปกับกระเป๋าผ้าที่แม่นางน้อยถือไว้
ดูเหมือนว่ากระเป๋าผ้าในวันนี้จะตุงกว่าวันก่อน คาดว่าต้องมีของอร่อยแน่
ลั่วเซิงหยิบถุงกระดาษน้ำมันยื่นออกไป “วันนี้ทำไก่ย่างหนังกรอบ พี่ชายลองชิมดู”
มือข้างหนึ่งรับถุงกระดาษน้ำมันไปอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงแฝงไปด้วยความกระตือรือร้น “ขอบคุณคุณหนูลั่ว”
เมื่อมาถึงทางเข้าคุก ลั่วเซิงจึงยื่นกล่องอาหารให้พัศดีเหมือนอย่างเคย
นอกจากเงินที่ยื่นออกไปพร้อมกัน ยังมีถุงกระดาษน้ำมันอีกหนึ่งถุง
“รอก่อนนะขอรับ” พัศดีวางถุงกระดาษน้ำมันที่ห่อไก่ไว้แล้วลงอย่างดี หิ้วกล่องอาหารเดินเข้าไปด้านใน
กล่องอาหารถูกปิดแน่น ไม่มีกลิ่นหอมแต่พัศดีกลับรู้ว่าด้านในมีของอร่อยมากมาย
แน่นอน เขาไม่เคยได้ชิมอาหารที่อยู่ด้านในกล่อง แต่เขาเคยชิมหมั่นโถวเนื้อมาก่อน
เมื่อหิ้วกล่องอาหารที่หนักอึ้งเดินเข้ามาในคุกที่มืดมิด พัศดีก็จิตใจสั่นไหว ‘อาหารอร่อยขนาดนี้ ทำไมเขาไม่ลองชิมดูเล่า’
เมื่อความคิดผุดขึ้นมาแล้วก็ไม่อาจฉุดรั้งได้อีกต่อไป
พัศดีหยุดลงและเปิดกล่องอาหารออกอย่างโจ่งแจ้ง
ด้านบนสุดคือเนื้อตุ๋นซึ่งเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย เนื้อตุ๋นที่บางจนโปร่งแสง ลิ้นเป็ดที่สีสันสวยงามมันวาว ขาหมูแผ่นบางเนื้อนุ่มเหนียวส่งกลิ่นหอม…
พัศดีชิมหนึ่งคำ อีกหนึ่งคำ และอีกหนึ่งคำ…
คำแล้วคำเล่า เมื่อได้สติเนื้อตุ๋นหนึ่งจานก็เกือบเห็นก้นถ้วยแล้ว
พัศดีตกใจจึงนำจานที่ว่างเปล่าโยนลงบนพื้นอย่างลวกๆ และปิดฝากล่องอาหาร พร้อมเดินตรงไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
รีบตัดสินความผิดของแม่ทัพใหญ่ลั่วก็คงดี ไม่ว่าอย่างไรเมื่อตัดสินแล้วก็ต้องขังที่กรมยุติธรรมช่วงหนึ่งจึงจะตัดศีรษะได้ ถึงตอนนั้นอาหารรสเลิศทั้งหมดที่คุณหนูลั่วส่งเข้ามาก็จะตกลงท้องของเขา
ส่วนตอนนี้ เจียมตัวไว้สักหน่อยจะดีกว่า
“ใต้เท้าลั่ว บุตรสาวของท่านมาส่งอาหารแล้ว” พัศดีตะโกนอยู่ด้านนอกลูกกรงอย่างไม่สบอารมณ์
กินๆๆ คนใกล้ตายยังมีอารมณ์มากินอาหารมากมายเช่นนี้ เสียดายของดีจริงๆ
แม่ทัพใหญ่ลั่วฟังน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของพัศดีออก แต่ขี้เกียจจะติดใจเอาความ
เขาบัญชาการองครักษ์จิ่นหลินมานานขนาดนี้ คนประเภทนี้พบเจอมามาก
การเข้ามาในสถานที่เช่นนี้ คำพูดในตอนแรกอาจยังมีความเกรงใจอยู่บ้าง แต่จะหมดไปเมื่อผ่านไปทีละวัน สุดท้ายจะเหลือเพียงความโหดร้าย ไม่เห็นนักโทษเป็นเหมือนมนุษย์อีกต่อไป
เมื่อรับกล่องอาหารมา แม่ทัพใหญ่ลั่วก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
กล่องหารวันนี้ น้ำหนักเบาเกินไปหน่อย
เขาเหลือบมองพัศดีอย่างอดไม่ได้ สายตาจ้องปากที่เต็มไปด้วยน้ำมันของพัศดี
พัศดียิ่งรู้สึกรำคาญ “ใต้เท้าลั่วมองอะไรกัน”
“ไม่มีอะไร” แม่ทัพใหญ่ลั่วเก็บสายตากลับด้วยความสงบเสงี่ยม
พวกผีน้อยนั้นตอแยด้วยยาก เขาไม่อยากผิดใจกับคนแบบนี้จึงหันหลังกลับไปถ่มน้ำลายใส่อาหารที่เซิงเอ๋อร์มอบให้เขา
เมื่อเปิดกล่องอาหาร ด้านในมีอาหารหายไปหนึ่งชั้นอย่างเห็นได้ชัด
จานชามถูกวางลงทีละอย่าง ด้านล่างสุดคือน้ำแกงหนึ่งถ้วย
แม่ทัพใหญ่ลั่วยื่นกล่องอาหารออกมา พัศดีถือกล่องอาหารเปล่าความเจ็บปวดใจและเดินจากไปด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
แม่ทัพใหญ่ลั่วจึงเปิดซึงนึ่งออก ด้านในซึงนึ่งยังคงมีหมั่นโถวเนื้อรูปดอกเหมยหกชิ้นดังเดิม
เขาหยิบหมั่นโถวเนื้อที่วางอยู่ตรงกลางขึ้นมาและกัดคำเล็กๆ
หลายวันนี้จะได้คำว่า ‘รอ’ จากหมั่นโถวเนื้อทุกครั้ง วันนี้จะมีอะไรที่แตกต่างหรือไม่
หากมองตามหลักการ เซิงเอ๋อร์ที่เป็นเด็กสาวน้อยเพียงคนเดียวจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ในเวลาสั้นๆ แต่ตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์ ใครบ้างที่ไม่มีความอยากรู้อยากเห็นและความคาดหวัง
ความรู้สึกที่คุ้นเคยของการสัมผัสโดนของแข็งปรากฏขึ้นอีกครั้ง แม่ทัพใหญ่ลั่วแอบคายแผ่นกระดูกเล็กๆ ออกมา
บนกระดูกยังคงมีตัวอักษรอยู่ตัวหนึ่ง แต่วินาทีที่แม่ทัพใหญ่ลั่วมองเห็นตัวอักษร สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
ด้านบนนั้น ตัวอักษรคำว่า ‘พิษ’ พลันปรากฏออกมา
แม่ทัพใหญ่ลั่วจ้องอักษรตัวนั้น รู้สึกปั่นป่วนในหัวใจ
ตลอดหลายวันที่ผ่านมาคือคำว่า ‘รอ’ แต่วันนี้เปลี่ยนเป็นคำว่า ‘พิษ’ เซิงเอ๋อร์หมายความว่าอะไรกัน
หรือมีคนต้องการวางยาพิษเขาและถูกเซิงเอ๋อร์จับสังเกตได้
แม่ทัพใหญ่ลั่วปฏิเสธการคาดเดาเช่นนี้อย่างรวดเร็ว
ข่าวที่ส่งเข้ามาถูกซ่อนบนแผ่นกระดูกในหมั่นโถวเนื้อนับตั้งแต่วันที่เซิงเอ๋อร์เริ่มเข้ามาเยี่ยมเขา เซิงเอ๋อร์ไม่มีความสามารถรู้ล่วงหน้า แม้มีไคหยางอ๋องคอยช่วยเหลือก็ไม่อาจรู้ได้ว่ามีคนจะวางยาพิษเขา
บางที…เซิงเอ๋อร์อาจหมายความถึงอย่างอื่น
สายตาของแม่ทัพใหญ่ลั่วกวาดตามองจานชามทีละใบ สุดท้ายก็จ้องไปที่ชามน้ำแกง
นั่นคือแกงกระเพาะหมูถ้วยหนึ่ง
“เพาะ” และ “พิษ”[1] ออกเสียงไม่ต่างกันมาก…
แม่ทัพใหญ่ลั่วคิ้วกระตุก การคาดเดาในใจยิ่งชัดเจนมากขึ้น ‘เซิงเอ๋อร์กำลังบอกใบ้ว่า น้ำแกงกระเพาะหมูถ้วยนี้มีพิษงั้นหรือ’
[1] คำว่ากระเพาะ ออกเสียงว่า ตู 肚ส่วนคำว่า พิษ 毒ออกเสียงว่า ตู๋