ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 307 มีคนทำร้ายท่านพ่อข้า
ตอนที่ 307 มีคนทำร้ายท่านพ่อข้า
แม่ทัพใหญ่ลั่วจับหมั่นโถวเนื้อแล้วกินทีละคำ
หลายวันนี้อาหารที่เซิงเอ๋อร์ส่งเข้ามามีหมั่นโถวเนื้อ เนื้อตุ๋น กับข้าวร้อนๆ สีอาหารล้วนเหมือนกันทั้งหมด มีเพียงน้ำแกงที่มีความเปลี่ยนแปลง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาสังเกตเห็นน้ำแกงได้อย่างง่ายดาย
หากเซิงเอ๋อร์กำลังบอกใบ้เขาว่าอาหารเหล่านี้ถูกใส่ยาพิษลงไป เขาคิดว่าในน้ำแกงมีความเป็นไปได้มากที่สุด
พวกหนูที่ได้กลิ่นหอมต่างเข้ามารุมล้อมเหมือนอย่างเคย พวกมันมุดออกมาจากทั่วทุกที่รอบตัวของแม่ทัพใหญ่ลั่ว
แม่ทัพใหญ่ลั่วกัดหมั่นโถวเนื้อด้วยสีหน้านิ่งเฉย
น้ำแกงกระเพาะหมูถ้วยนั้นถูกเปิดทิ้งไว้ราวกับถูกลืมไปแล้ว กลิ่นหอมยังคงลอยวนเวียนอยู่ในคุกที่มืดและอับชื้น
หนูหลายตัวถูกกลิ่นหอมเรียกออกมาจนพากันร้องเจี๊ยวจ๊าว ในที่สุดหนูที่อ้วนท้วนเป็นพิเศษก็กระโจนลงไปในน้ำแกงด้วยความอดใจไม่ไหว
น้ำแกงสีขาวขุ่นไหลออกมากลิ่นหอมก็เข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ
เจ้าหนูอ้วนกระโดดลงไปในน้ำแกงที่ไหลออกมาและในไม่ช้าหนูตัวอื่นๆ ก็พุ่งเข้ามาอย่างไม่ยอมแพ้
แม่ทัพใหญ่ลั่วได้สติกลับมาทันที เขาร้องคำรามด้วยความโกรธว่า “ไสหัวไป!”
พวกหนูที่กำลังรวมตัวกินอาหารรสเลิศอยู่จำต้องยอมแยกออกไปอย่างไม่ยินดีนัก แต่แม่ทัพใหญ่ลั่วเพิ่งกัดหมั่นโถวเนื้อไปได้หนึ่งคำ เจ้าตัวเล็กจอมเกเรเหล่านี้ก็มารวมตัวกันอีกครั้ง
แม่ทัพใหญ่ลั่วโมโหจนก่นด่าไม่หยุด
พัศดีคนหนึ่งเดินเข้ามาเพราะได้ยินเสียง เขาตะโกนด้วยความรำคาญ “โวยวายอะไร”
แม่ทัพใหญ่ลั่วเหลือบมองพัศดีด้วยความเย็นชา แต่ไม่ได้พูดอะไร
พัศดีเห็นน้ำแกงที่หกลงบนพื้นและหนูที่กำลังกินอาหารด้วยความดีอกดีใจก็ขบขันขึ้นมา “ถูกหนูแย่งอาหารงั้นหรือ เป็นเรื่องปกติ หนูเหล่านี้กล้าหาญเสียยิ่งกว่าแมวอีก หากพบนักโทษที่อ่อนแอหลังจากถูกทรมาน พวกมันกล้าที่จะฉีกเลือดเนื้อของเขาเลยด้วยซ้ำ…”
ราวกับว่าจู่ๆ ก็มีคนมาบีบคอเขา คำพูดของพัศดีหยุดลงในทันที ใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นย่ำแย่ถึงขีดสุด ชี้ไปที่พื้นด้วยมือที่สั่นเทา
แม่ทัพใหญ่ลั่วก้มหน้าลงก็เห็นหนูตัวที่อ้วนท้วนที่สุดชักกระตุกอยู่บนพื้น
ต่อจากนั้น หนูที่มาแย่งอาหารก็พากันล้มลงทีละตัว
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที เขาดีดตัวลุกขึ้น “มีพิษ!”
ดวงตาของพัศดีเบิกกว้าง นัยน์ตาสั่นไหว ยังคงไม่ได้สติกลับมา
แม่ทัพใหญ่ลั่วกระโจนถึงลูกกรงแล้วยื่นมือไปคว้าคอเสื้อของพัศดีผ่านรอยแยก “พูดมา นี่มันเรื่องอะไรกัน? ถึงกับมีคนทำร้ายข้า!”
พัศดีราวกับตื่นจากความฝัน ตะโกนด้วยความตกใจว่า “เป็นไปไม่ได้!”
เรี่ยวแรงมหาศาลผลักพัศดีจนกระเด็น แม่ทัพใหญ่ลั่วตะโกนด้วยความโกรธ “ไปเรียกผู้ดูแลของพวกเจ้ามา!”
“เอ่อ เอ่อ…” พัศดีลืมเรื่องที่เขาดูถูกแม่ทัพใหญ่ลั่วเมื่อครู่นี้ไปเสียสนิท เขาหันหลังวิ่งออกไปด้านนอกทันที
ผู้ดูแลก็คือพัศดีคนนั้นที่คอยส่งข้าวให้แม่ทัพใหญ่ลั่วตลอดหลายวันมานี้ ตอนนี้กำลังฉีกไก่ย่างพูดคุยกับลั่วเซิงที่ยังไม่กลับ
“คุณหนูลั่ว ไก่ย่างของวันนี้อร่อยมากเหลือเกิน เรียกว่าอะไรงั้นหรือ”
เมื่อมองพัศดีที่กินจนน้ำมันเยิ้มเต็มปาก ลั่วเซิงก็ยิ้มหวาน “ไก่ย่างหนังกรอบเจ้าค่ะ”
“ได้ยินว่าเป็นฝีมือแม่ครัวหญิงที่หอสุราของท่านหรือ”
เมื่อได้กินอาหารที่ลั่วเซิงนำมาส่งตลอดหลายวัน พัศดีก็ได้สืบทราบว่า ความจริงแล้วคุณหนูลั่วผู้นี้เปิดหอสุราแห่งหนึ่งที่ถนนชิงซิ่ง ได้ยินว่าอาหารแกล้มสุราราคาแพงหูฉี่ เขากินมื้อเดียวทรัพย์สินของตระกูลก็หายไปครึ่งหนึ่งแล้ว
“ถูกต้อง” ลั่วเซิงยังคงยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“จุ๊ๆ แม่ครัวของท่านฝีมือดีมากจริงๆ ข้าชอบกินขาหมูซีอิ๊วมากเลยขอรับ”
ขาหมูซีอิ๊วต้องอร่อยกว่าไก่ย่างนี้แน่นอน
ลั่วเซิงยิ้ม “เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะเอาขาหมูซีอิ๊วมาแล้วกัน”
พัศดีดีใจ คิดในใจว่าข่าวลือไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด บุตรสาวของแม่ทัพใหญ่ลั่วค่อนข้างรู้ความเลยทีเดียว
“วันนี้ท่านพ่อของข้ายังอารมณ์ดีอยู่หรือไม่เจ้าคะ”
พัศดีพ่นกระดูกไก่ออกมาหนึ่งชิ้น ตอบอย่างเกียจคร้านว่า “ยังดีขอรับ กินเยอะนอนสบาย”
แม่นางน้อยถามทุกวันว่ากินอาหารได้ดีหรือไม่ นอนหลับดีหรือไม่ อารมณ์เป็นอย่างไร
เขาฟังจนเบื่อแล้ว
“เช่นนั้นก็ดี งั้นข้ากลับก่อนล่ะ พรุ่งนี้ข้าจะนำอาหารมาส่งท่านพ่ออีก รบกวนพี่ชายดูแลท่านพ่อข้าด้วย”
“วางใจได้ๆ” พัศดีหมุนกระดูกไก่และโบกมืออย่างรำคาญ
ลั่วเซิงหิ้วกล่องอาหารเปล่าพร้อมหันกายกลับ นางเดินตรงออกไปทีละก้าว
นักการศาลาว่าการที่มีหน้าที่นำทางก็คอยตามอยู่ข้างๆ
เดิมทีนักการศาลาว่าการผู้นำทางไม่ได้มีความอดทนเช่นนี้ แต่เมื่อแม่นางน้อยมอบอาหารให้มากมาย เขาจึงมีความอดทนมากขึ้น
ด้านหลัง เสียงร้องหวาดผวาดังขึ้นมา “หัวหน้า เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!”
ลั่วเซิงชะงักฝีเท้าแล้วหันหลังกลับมาอย่างเป็นธรรมชาติ
พัศดีวิ่งหอบหายใจออกมา สีหน้าราวกับเห็นผี “พิษ อาหารของแม่ทัพใหญ่ลั่วมีพิษ…”
“เจ้าพูดให้ชัดเจนหน่อยซิ!” หัวหน้าพัศดีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที
แม่นางน้อยคนนั้นที่เพิ่งเดินออกไปเพียงไม่กี่ก้าวก็พลันพุ่งเข้ามา คว้าคอเสื้อของพัศดีไว้แน่น “หมายความว่าอย่างไร ท่านพ่อของข้าถูกยาพิษงั้นหรือ”
พัศดีถูกเด็กสาวที่ดูร่างกายบอบบางเขย่าจนพูดไม่ออก มีเพียงความคิดเดียวในหัว ‘เมื่อครู่ก็ถูกแม่ทัพใหญ่ลั่วกระชากเช่นนี้ ยังปวดคออยู่เลยนะ!’
พัศดีอ้ำอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เมื่อได้สติกลับมาจึงพบว่าลั่วเซิงโยนกล่องอาหารทิ้ง ร้องไห้วิ่งไปแล้ว
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ นางวิ่งไปพลางร้องไห้ไปพลาง “เสนาบดีจ้าว มีคนวางยาพิษท่านพ่อของข้า…”
หัวหน้าพัศดีอ้ำอึ้งอีกครั้ง
ในที่สุดพัศดีก็สงบสติลงและหันไปคว้าหัวหน้าพัศดีเอาไว้ “หัวหน้า แย่ แย่แล้วขอรับ!”
หัวหน้าพัศดีผลักพัศดีออกแล้ววิ่งไปยังคุกใต้ดิน
เขาย่อมรู้แน่อยู่แล้วว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว!
เสนาบดีจ้าวและเสนาบดีเฉียนกำลังแย่งขาหมูตุ๋นชิ้นสุดท้ายกันอยู่ก็ได้ยินเสียงร้องห่มร้องไห้อันแผ่วเบาของเด็กสาว
เอ๋ น้ำฟังเสียงดูคุ้นหู เหมือนว่าจะเป็นคุณหนูลั่วเลยแฮะ
เสียสมาธิเพียงครู่เดียว ขาหมูชิ้นนั้นก็เข้าไปอยู่ในปากของเสนาบดีเฉียนแล้ว
“เหล่าเฉียน!” เสนาบดีจ้าวโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ
เสนาบดีเฉียนเคี้ยวเนื้อขาหมูอย่างช้าๆ และเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี “สหายจ้าว ดูเหมือนว่าข้าจะได้ยินคุณหนูลั่วเรียกท่านนะ คาดว่าท่านคงมีเรื่องให้ทำแล้วล่ะ”
คุณหนูลั่วจริงหรือ
เสนาบดีจ้าวไม่สนใจที่จะแย่งอาหารแล้ว เมื่อวางตะเกียบลงได้ก็เดินออกไป
เมื่อออกมาก็พบกับเด็กสาวที่วิ่งเข้ามาราวกับพายุหมุน เมื่อมาใกล้ก็ดึงแขนเสื้อของเขาเอาไว้พร้อมกับร้องไห้ “เสนาบดีจ้าว ท่านพ่อของข้าถูกวางยาพิษเจ้าค่ะ!”
“ยา ยาพิษงั้นหรือ” เสนาบดีจ้าวตกใจจนน้ำเสียงเปลี่ยน
เด็กสาวน้ำตาไหลอาบใบหน้า “มีคนวางยาในอาหารของท่านพ่อข้า!”
“วางยาในอาหาร?” จู่ๆ เสนาบดีจ้าวก็รู้สึกปั่นป่วนในกระเพาะอาหาร น้ำเสียงสั่นระริก “แม่ทัพใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง”
ลั่วเซิงกะพริบตาแล้วร้องไห้หนักกว่าเดิม
เสนาบดีจ้าวสะบัดแขนเสื้อแล้วรีบวิ่งไปที่คุกใต้ดิน
เสนาบดีเฉียนเดินออกมาจากห้องพลางส่ายหน้าเล็กน้อย
ดูสิ เขาบอกว่าจะมาช่วย เหล่าจ้าวกลับบอกว่าไม่ต้อง เรื่องก็เกิดขึ้นในทันทีเชียว
เสนาบดีจ้าวรีบไปที่คุกก็เห็นแม่ทัพใหญ่ลั่วสีหน้าเขียวคล้ำ อีกทั้งหนูที่ตายเกลื่อนพื้น
ส่วนพัศดีย่อมถูกละเลยไปเป็นธรรมดา
“เสนาบดีจ้าวมาแล้ว” แม่ทัพใหญ่ลั่วเหลือบมองเสนาบดีจ้าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เสนาบดีจ้าววิ่งจนขาแทบหลุดออกมา เขาเกาะลูกกรงด้วยความรู้สึกราวกับกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ขอบคุณฟ้าดิน แม่ทัพใหญ่ไม่ได้เป็นอะไร ดูท่าทางของคุณหนูลั่ว เขาก็คิดว่าคนถูกวางยาตายไปแล้วเสียอีก!
“เสนาบดีจ้าว นี่มันเรื่องอะไรกัน” แม่ทัพใหญ่ลั่วชี้หนูที่ตายเกลื่อนพื้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฝ่าบาทยังไม่ได้กำหนดโทษข้าเลย แต่มีคนต้องการชีวิตของข้าอย่างไม่อาจอดทนรอได้ เสนาบดีจ้าวคิดจะทำเช่นไร”
เสนาบดีจ้าวถึงได้สงบนิ่งขึ้นมา เขาเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เรื่องนี้ต้องทูลต่อฝ่าบาท”