ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 311 ลั่วอิง
ตอนที่ 311 ลั่วอิง
หลังจากไล่สตรีในชุดน้ำเงินไปแล้ว ลั่วเซิงก็เข้าไปหาลั่วอิง
ลานข้างนอกเงียบสงัด เมื่อเดินเข้าไปในลานเรือนก็ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นจากหลังม่านประตู
สาวใช้ที่ยืนอยู่บริเวณประตูตะโกนขึ้นว่า “คุณหนูมาแล้วเจ้าค่ะ”
ทันใดนั้นข้างในก็เงียบลง
สาวใช้เปิดม่านประตู ลั่วเซิงสาวเท้าเข้าไปข้างใน
ในห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ลั่วฉิงและลั่วเย่ว์อยู่ข้างใน คนหนึ่งนั่ง อีกคนหนึ่งยืน ลั่วอิงนั่งอิงเตาอุ่นนิ่ง
เมื่อเห็นลั่วเซิงเข้ามา ลั่วเย่ว์ก็รีบเดินไปหา ถามด้วยน้ำเสียงเจือความร้อนรนเล็กน้อย “พี่สาม ด้านหน้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“ยายเฒ่าที่มาถอนหมั้นถูกข้าไล่ออกไปแล้ว”
ทันทีที่ประโยคนี้ดังขึ้น ลั่วอิงซึ่งราวกับเป็นรูปปั้นไปแล้วในที่สุดก็มีการตอบสนอง นางค่อยๆ มองมาทางนี้
ลั่วเย่ว์ปรบมือ “ไล่ได้ดี!”
ลั่วฉิงกลับรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย “น้องสาม หากอีกฝ่ายบังคับถอนหมั้น เจ้าไล่คนสกุลเถาไปก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้…”
ลั่วเซิงยิ้มหยัน “ปัญหาน่ะต้องแก้ไขแน่นอน แต่ไม่ใช่กับยายเฒ่าผู้ดูแลที่ตระกูลเถาเลือกมาส่งเดชเช่นนี้ หากจะแก้ไข ฮูหยินสกุลเถาก็ต้องเป็นคนพาแม่สื่อมาคุยด้วยตนเอง”
“พี่สามพูดถูก ยายเฒ่าผู้ดูแลคนหนึ่งคิดว่าตนเองเป็นใครกัน!” ลั่วเย่ว์ก่นด่าอย่างโมโห
“น้องสี่” ลั่วฉิงดึงลั่วเย่ว์เบาๆ
คำด่าทอเสียๆ หายๆ เช่นนี้ย่อมไม่ใช่สิ่งที่สตรีในห้องหอควรจะพูด
ลั่วเซิงเดินไปยังข้างกายลั่วอิงแล้วนั่งลงโดยไม่รอคำทักทาย นางเรียกพี่หญิงใหญ่คำหนึ่ง
ลั่วอิงฝืนยิ้มให้ “น้องสามมาแล้วหรือ”
ขอบตาของนางแดงก่ำ แต่กลับไม่มีน้ำตา ทว่าความเศร้าโศกในดวงตาแทบจะเอ่อล้นออกมา
“พี่ใหญ่คิดจะทำอย่างไรต่อไปหรือ” ลั่วเซิงถามด้วยความสงบ
ราวกับว่าลั่วอิงจะชะงักกับคำถาม นางอิงเตาอุ่นนานแสนนานไม่พูดอะไร
ลั่วเซิงพูดขึ้นว่า “ถอนหมั้นน่ะต้องถอนแน่นอน เรื่องนี้ไม่ต้องคิด”
พี่น้องทั้งสาม “…”
ลั่วเย่ว์กระตุกมุมปากถาม “พี่สาม ในเมื่อต้องถอนหมั้นอยู่แล้ว แล้วจะถามพี่ใหญ่ว่าจะทำอย่างไรต่อไปทำไม…”
นางคิดว่าลั่วเซิงจะถามว่าพี่ใหญ่ว่าอยากจะถอนหมั้นหรือไม่เสียอีก พี่ใหญ่เงียบไม่พูดไม่จา เห็นได้ชัดว่านางก็กำลังคิดเรื่องนี้
ลั่วเซิงเลิกคิ้ว “ข้าถามว่าหลังจากที่พี่ใหญ่ถอนหมั้นแล้วจะรับมืออย่างไรกับสกุลเถา จะปล่อยไปเช่นนี้หรือว่าจะอัดคุณชายใหญ่เถาสักยกเพื่อระบายอารมณ์”
“ไม่!” ทันทีที่ลั่วอิงซึ่งเงียบมาตลอดได้ยินประโยคนี้ก็โพล่งขึ้น
ลั่วเซิงมองลั่วอิงเงียบๆ
สีหน้าลั่วอิงเปลี่ยนจากขาวซีดเป็นแดง จากนั้นก็เปลี่ยนกลับไปเป็นสีขาวซีดดังเดิม ริมฝีปากที่ไร้สีเลือดสั่นเทาเล็กน้อย นางเอ่ยด้วยความยากลำบากว่า “น้องสามไม่จำเป็นต้องหาเรื่องคุณชายใหญ่เถา…”
ลั่วเซิงคิดในใจ ดูจากท่าทีของลั่วอิงแล้ว หรือว่านางมีใจให้คุณชายใหญ่เถานะ
นางอดมองไปที่ลั่วเย่ว์ไม่ได้
ลั่วเย่ว์ยังคงมีสีหน้าดังเดิม เห็นได้ชัดว่านางไม่รู้เรื่องนี้
ลั่วเซิงมองไปที่ลั่วฉิง
ลั่วฉิงมีอายุใกล้เคียงกับลั่วอิง เป็นเรื่องปกติมากที่สองพี่น้องจะพูดคุยกันทุกเรื่อง
ลั่วฉิงหลบตา เม้มปากถามว่า “น้องสาม จะถอนหมั้นจริงๆ หรือ”
ลั่วเซิงเข้าใจทันที
ลั่วอิงคงรักคุณชายใหญ่เถาเข้าให้แล้ว
ลองคิดดูก็ไม่แปลก ทั้งสองหมั้นหมายกันมาหลายปี คงมีโอกาสได้เจอหน้ากันบ้างแล้ว ตราบใดที่ชายชั้นต่ำคนนั้นทำตัวสง่างาม ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่สตรีจะแอบมีเขาผู้เป็นว่าที่สามีในใจ
“เรื่องถอนหมั้นน่ะไม่ต้องคุย พี่ใหญ่จะออกเรือนสิ้นเดือนนี้แล้ว แต่อีกฝ่ายแม้แต่รอฟังผลตัดสินท่านพ่อยังรอไม่ได้ก็รีบส่งผู้ดูแลมาถอนหมั้น พี่ใหญ่แต่งออกไปอยู่กับคนพรรค์นี้ดีตรงไหน”
ลั่วฉิงส่งสายตา “น้องสาม พูดน้อยๆ หน่อยเถอะ”
ลั่วเซิงพูดอย่างสงบว่า “พูดน้อยไปก็เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าสกุลเถาเห็นคนตกบ่อแล้วยังปาหินใส่ไม่ได้ อันที่จริงพี่ใหญ่ควรรู้สึกโชคดีที่ตอนนี้ยังไม่ได้แต่งออกไป แย่ที่สุดก็แค่ถอนหมั้น หากแต่งออกไปแล้วมีลูกจะทำอย่างไร ใครจะรับรองได้ว่าหน้าที่การงานของท่านพ่อจะราบรื่น ถึงครานั้นอีกฝ่ายหย่าร้าง จะยิ่งตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะลูกๆ“
ลั่วเย่ว์อดพยักหน้าไม่ได้
เมื่อครู่นี้นางยังรู้สึกว่าพี่สามพูดตรงเกินไป กลัวพี่ใหญ่ได้ยินแล้วไม่สบายใจ จู่ๆ ตอนนี้ก็รู้สึกว่าพี่สามพูดมีเหตุผล
ลั่วฉิงเผยสีหน้าครุ่นคิด
ลั่วอิงหลุบตามองนิ้วมือ
นิ้วมือของหญิงสาวเรียวงาม มีจุดสีแดงเล็กน้อยบนปลายนิ้ว ซึ่งเกิดจากเข็มทิ่มนิ้วตอนเย็บชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ผ้ามงคล ปลอกหมอน… นางทยอยเย็บปักของเหล่านี้มานาน จนแทบจะกลายเป็นทั้งหมดของชีวิตนางในช่วงนี้
ทันใดนั้นทุกอย่างก็ไม่ได้ใช้แล้ว
ครานี้ ลั่วอิงเงียบนานกว่าเดิม
ลั่วเซิงไม่ได้พูดอะไรอีก นางนั่งรอเงียบๆ
สิ่งที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว หากลั่วอิงยืนกรานไม่ถอนหมั้น… ถึงอย่างไรนางก็ไม่เห็นด้วย
หากคิดไม่ได้จริงๆ คงทำได้เพียงให้ลั่วฉิงและลั่วเย่ว์เกลี้ยกล่อมแล้ว
ลั่วอิงเงยหน้ามองลั่วเซิง พูดเสียงเบาว่า “ข้าฟังน้องสาม”
ลั่วเซิงยกมุมปากเล็กน้อย “เช่นนั้นก็ถอนหมั้นให้เรียบร้อย ไม่อัดคุณชายใหญ่เถาแล้ว”
ลั่วอิงพยักหน้าเบาๆ
จู่ๆ ม่านก็ถูกเปิดออก มีคนๆ หนึ่งเดินโซซัดโซเซบุกเข้ามา
ข้างหลังตามมาด้วยเสียงเรียกร้อนรนของสาวใช้ “อี๋เหนียงรอง คุณหนูสามอยู่ข้างในเจ้าค่ะ ท่านอย่าบุ่มบ่ามเข้าไปสิเจ้าคะ…”
อี๋เหนียงรองชะงักทันที นางมองลั่วเซิงอย่างหวาดกลัว “คะ คุณหนูอยู่ด้วยหรือ”
“เหตุใดอี๋เหนียงรองมาแล้วเล่า” ลั่วเซิงถามเสียงราบเรียบ
อี๋เหนียงรองตาแดงทันที “ข้าได้ยินว่าสกุลเถามาถอนหมั้น… ฮือๆๆ คุณหนูใหญ่จะทำอย่างไรดี…”
“อี๋เหนียงอย่าร้องไห้เลย สกุลเถาจะถอนหมั้นก็ถอนหมั้นเถอะ” ลั่วอิงกลั้นน้ำตาพูดปลอบ
อี๋เหนียงรองคือแม่ผู้ให้กำเนิดของลั่วอิง บัดนี้นางหัวใจแทบสลาย เมื่อได้ยินคำปลอบประโลมนี้แล้วน้ำตาก็ยิ่งไหลพราก “งานหมั้นหมายดีๆ เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้นะ… ต่อไปคุณหนูใหญ่จะทำอย่างไรดีเล่า…”
ตั้งแต่ที่คุณหนูสามเลี้ยงผู้ชายก็ไม่มีแม่สื่อมาที่จวนลั่วอีกเลย คุณหนูใหญ่ถอนหมั้นครานี้ ต่อไปก็คงไม่มีใครต้องการอีกแล้ว
ลั่วเซิงได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว “อี๋เหนียงไม่ได้ถูกลงโทษนานแล้วใช่หรือไม่ ถึงมีเวลามากังวลเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้”
เสียงร้องไห้ของอี๋เหนียงรองชะงักลงทันที
นางที่อายุมากแล้วยังโดนลงโทษ น่าอับอายจะตายไป
“อี๋เหนียง กลับไปเถอะ เรื่องพวกนี้มีน้องสามตัดสินใจ” ลั่วอิงกล่าวอย่างสงบ
หากเป็นอี๋เหนียงรองในยามปกตินางคงตกใจกลัวจนออกไปแล้ว แต่บัดนี้เห็นแก่เลือดเนื้อของตน นางกลับฝืนทน “คุณหนูใหญ่ เจ้าไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือ”
ลั่วอิงส่ายศีรษะเบาๆ
อี๋เหนียงรองจึงเดินออกไปอย่างอาวรณ์
สตรีในชุดสีน้ำเงินกลับถึงจวนเถาก็ไปหาเถาฮูหยินทันที
“ทำไมรึ ไม่สำเร็จหรือ” เถาฮูหยินเห็นสีหน้าของสตรีชุดน้ำเงินก็พอเดาได้
สตรีชุดสีน้ำเงินเอ่ยฟ้อง “ไม่ใช่แค่ไม่สำเร็จ บ่าวยังถูกคุณหนูลั่วไล่ออกจากจวนด้วยเจ้าค่ะ!”
เถาฮูหยินเผยสีหน้าโมโห “ถึงตอนนี้แล้ว คนจวนลั่วยังโอหังเช่นนี้อีกรึ”
สตรีชุดสีน้ำเงินลูบใบหน้าเบาๆ แล้วยิ้มอย่างขมขื่น “สาวใช้ของคุณหนูลั่วยังตบหน้าบ่าวด้วยเจ้าค่ะ”
“มีอย่างที่ไหนกัน!” เถาฮูหยินสีหน้าเคร่งขรึม “หมายความว่าจวนลั่วไม่ยินยอมถอนหมั้นรึ”
สตรีชุดสีน้ำเงินรีบพูดว่า “คุณหนูลั่วบอกว่าถอนหมั้นได้ แต่ต้องให้ท่านพาแม่สื่ออีกคนไปคุยเจ้าค่ะ”
เถาฮูหยินตบโต๊ะยิ้มหยัน “ช่างเป็นนังหนูน้อยที่ไม่รู้จักฟ้าสูงดินต่ำเสียจริงๆ ฟ้าจะถล่มลงมาอยู่แล้วยังคิดว่าตนเองเป็นคนเหนือคน!”
“ฮูหยิน แล้วท่านจะไป…”
“ไปสิ ต้องไปแน่นอน เจ้าไปหาแม่สื่อมา ไปจวนลั่วพร้อมข้า!”
อีกเพียงไม่นานก็จะถึงวันมงคลแล้ว หากยืดเยื้อต่อไปจะไม่ทันการณ์