ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 314 รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
ตอนที่ 314 รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
น้ำตาของลั่วอิงหยุดไหลกะทันหัน แม้กระทั่งความเศร้าเสียใจก็น้อยลงในทันที “น้องสาม เจ้า… เจ้าอย่าทำเช่นนี้เด็ดขาด…”
เลี้ยงนายบำเรอเหมือนน้องสามหรือ
นางไม่สามารถจินตนาการถึงเรื่องเช่นนี้ได้
ลั่วเย่ว์จับมือลั่วอิง “พี่ใหญ่ ข้าคิดว่าพี่สามพูดมีเหตุผล…”
“น้องสี่!” ลั่วอิงและลั่วฉิงตะลึงงัน
ลั่วเย่ว์ไม่เข้าใจ “ทำไมหรือ”
ความเสียใจที่เหลือของลั่วอิงยิ่งเหลือน้อยลงไปอีก นางพลิกมือกลับมาจับมือของลั่วเย่ว์ พูดอย่างจริงจังว่า “น้องสี่ ทุกคนล้วนมีวิธีการใช้ชีวิตของตนเอง สิ่งที่เหมาะสมกับน้องสามอาจจะไม่เหมาะสมกับเจ้าก็ได้…”
จะเลี้ยงนายบำเรอตามน้องสามไม่ได้หรอกนะ
ลั่วฉิงกังวลใจ คำพูดบางอย่างพูดต่อหน้าลั่วเซิงไม่ได้ นางจึงตัดสินใจว่ากลับไปจะสั่งสอนน้องเล็กดีๆ สักเล็กน้อย
“น้องสาม วันนี้ขอบใจเจ้าแล้ว ข้าอยากกลับไปพักผ่อนแล้ว” ลั่วอิงฝืนทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นและกล่าวขอบคุณ
“พี่ใหญ่ไปพักผ่อนเถอะ” น้ำเสียงลั่วเซิงอ่อนโยน “หนังสือที่เกี่ยวข้องกับการถอนหมั้นเก็บไว้ที่ข้า ส่วนเสื้อผ้ารองเท้าเหล่านั้นพี่ใหญ่จัดการเถอะ”
ลั่วอิงพยักหน้า เดินอ้อมฉากกั้นไปข้างโต๊ะ
บนโต๊ะมีเสื้อผ้า หมวก รองเท้าและถุงเท้าวางเรียง ซึ่งเป็นสิ่งของที่นางเย็บปักเอง
ลั่วอิงยื่นมือไปลูบผ่านสิ่งของเหล่านี้ด้วยสีหน้าซับซ้อน สุดท้ายก็ค่อยๆ หดมือกลับมา พูดเสียงเบาว่า “ทิ้งได้เลย”
พูดจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ลั่วฉิงสบตาลั่วเย่ว์ อดมองลั่วเซิงไม่ได้
“ข้าคิดว่าวันนี้พี่ใหญ่น่าจะอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว พี่รองและน้องสี่อย่าเพิ่งไปรบกวนนางเลย ให้นางมีเวลาอยู่คนเดียวบ้าง”
สองพี่น้องพยักหน้า
เมื่อออกจากเรือนรับรอง ลั่วฉิงก็ดึงลั่วเย่ว์ไว้ พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “น้องสี่ ช่วงนี้ความคิดของเจ้าค่อนข้างอันตรายนะ”
“ความคิด?” ลั่วเย่ว์ตั้งสติไม่ทัน
ลั่วฉิงพูดเสียงเบา “น้องสี่ เจ้าคงไม่ได้อิจฉาน้องสามที่เลี้ยงนายบำเรอหรอกนะ”
ลั่วเย่ว์กะพริบตาสองสามที “อิจฉาเล็กน้อยไม่ได้หรือ พี่สามอยากเลี้ยงนายบำเรอก็เลี้ยง อยากเลี้ยงห่านก็เลี้ยง หากไม่ชอบแล้วยังเลี้ยงอย่างอื่นได้ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและอิสระ ใครจะไม่อิจฉากัน”
ลั่วฉิงชะงัก
นางรู้สึกว่าน้องสี่พูดมีเหตุผล
ไม่ได้ นางจะถูกน้องสี่พาเสียคนไปด้วยไม่ได้!
เมื่อปรับความคิดแล้ว คุณหนูรองก็กลับมามีสีหน้าเข้มงวด “เจ้าจะคิดเช่นนี้ไม่ได้ น้องสามเป็นบุตรสาวที่ท่านพ่อรักเอ็นดูที่สุด ท่านพ่อช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านั้นของน้องสามได้ แต่จะไม่ทำเช่นนี้กับพวกเรา…”
ลั่วเย่ว์โพล่งหัวเราะ “พี่รอง พี่อย่ากังวลไปเลย เรื่องนี้ข้าเข้าใจดี”
นางก็แค่อิจฉาเล็กน้อย แต่ไม่เคยคิดอยากจะทำตามพี่สาม
บนโลกใบนี้ มีคุณหนูลั่วผู้มีอิสระและสามารถทำตามอำเภอใจเพียงผู้เดียว
ยังดีที่คุณหนูลั่วผู้มีอิสระและทำตามอำเภอใจคนนี้คือพี่สาวของนาง จึงปิดประตูตีสุนัขได้ในยามที่จวนเถามารังแก ไม่ได้ทำให้คนของตนเองลำบากใจเพราะกฎไร้สาระเหล่านั้น
ลั่วเย่ว์ชะงักฝีเท้ามองกลับไปที่ตัวเรือนครู่หนึ่ง ยกมุมปากขึ้นเบาๆ
ลั่วเซิงยังอยู่ในเรือนรับรอง นางเรียกโค่วเอ๋อร์อย่างเกียจคร้าน
“คุณหนูมีอะไรจะสั่งหรือเจ้าคะ” โค่วเอ๋อร์คิดถึงหงโต้วที่ไปส่งแขกแล้วรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ทั้งๆ ที่นางมีวาทศิลป์มากกว่าหงโต้ว คุณหนูลำเอียงอีกแล้ว
“ช่วงนี้จับตามองคุณหนูใหญ่ให้มาก หากมีคนนัดคุณหนูใหญ่ออกไป รีบมารายงานทันที”
“คุณหนูวางใจ บ่าวจะจับตามองดีๆ เจ้าค่ะ”
ตำแหน่งสาวใช้อันดับหนึ่งจะให้หงโต้วนั่งคนเดียวไม่ได้ นางเองก็มีคุณสมบัติที่เหมาะสมเช่นกัน
หงโต้วที่กำลังถูกโค่วเอ๋อร์อิจฉาอยู่นั้นส่งเถาฮูหยินออกไปนอกประตูพลางพูดด้วยสีหน้าเยือกเย็นว่า “เถาฮูหยินเดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ”
เถาฮูหยินขึ้นรถม้าด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
หงโต้วถ่มถุยไปทางที่รถม้าจากไป “ถุย เจ้าคนชอบซ้ำเติม!”
เถาฮูหยินที่นั่งในรถม้าไม่เห็นทั้งหมดนี้ ในใจรู้สึกผ่อนคลายราวกับเรื่องทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้ว
ไม่ว่าอย่างไร งานแต่งงานที่เลวร้ายนี้ก็สิ้นสุดลงเสียที
ถึงแม้ว่าจะทิ้งเหตุผลถอนหมั้นไร้สาระนั่นไว้บนกระดาษ แต่ก็เหมือนกับที่นังหนูนั่นพูด นางไม่ติดประกาศให้ภายนอกรับรู้เสียหน่อย แค่เป็นการปลอบประโลมอีกฝ่ายเท่านั้น
ถอนหมั้นได้ ถึงจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ส่วนสินสอด… เถาฮูหยินถอนหายใจ
เพราะว่าเป็นการขอหมั้นสตรีที่สูงศักดิ์กว่า เพื่อแสดงถึงความจริงใจของจวนเถา สินสอดย่อมให้มากกว่าปกติ บัดนี้ขอคืนไม่ได้ คงเป็นเรื่องเท็จหากจะบอกว่าไม่เสียดาย
แต่ก็ไม่มีทางอื่น ฝ่ายชายเป็นฝ่ายถอนหมั้นจะต้องทิ้งสินสอด นี่คือกฎทางโลก
ถือเสียว่าเสียเงินฟาดเคราะห์แล้วกัน
เถาฮูหยินคิดเช่นนี้พลางลงจากรถม้าด้วยฝีเท้าเร็วและเบา
ถึงจวนเถาแล้ว
“เถาฮูหยิน เรื่องก็จบแล้ว ข้าน้อยขอกลับก่อนแล้ว” แม่สื่อยิ้มพูด
ทันทีที่เถาฮูหยินเห็นใบหน้าของแม่สื่อ จู่ๆ ก็คิดถึงลั่วเซิงที่เห็นแม่สื่อเป็นนาง อารมณ์ที่ดีขึ้นเมื่อครู่นี้พลันย่ำแย่ลงอีกครั้ง
นางรู้ว่านังสารเลวนั่นจงใจ แต่ก็ยังโมโหอยู่ดี นางไม่อยากเห็นหน้าของแม่สื่อเลยแม้แต่น้อย
“ลำบากแล้ว” เถาฮูหยินพูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
แม่สื่อยืนรอครู่หนึ่ง เห็นเถาฮูหยินไม่มีทีท่าจะให้เงินรางวัล นางจึงเดินกลับไปอย่างผิดหวัง
เมื่อเดินไปถึงที่ที่ไม่มีคน แม่สื่อก็เบ้ปาก พึมพำว่า “นี่เป็นเพราะขอสินสอดคืนไม่ได้จนสิ้นเนื้อประดาตัวหรือ แม้แต่เงินค่าเหนื่อยยังไม่ยอมให้”
แม้ว่านางจะไม่ได้ช่วยอะไร แต่ถึงอย่างไรนางก็ติดตามไปด้วย ไปเป็นแม่สื่อเวลานี้อย่างน้อยก็ยังได้เงินตอบแทนบ้าง
แต่ว่า… แม่สื่อยกมือขึ้นลูบรอยย่นบนใบหน้าเบาๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาอีกครั้ง
ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นฮูหยินสูงศักดิ์ ถือว่ากอบกู้ความเสียหายกลับมาได้บ้าง
เถาฮูหยินกลับเข้ามาในห้อง สั่งบ่าวเฒ่าว่า “ส่งคนไปแจ้งนายท่านที่ศาลาว่าการ เรื่องที่ต้องทำวันนี้สำเร็จแล้ว”
นายท่านยังกังวลอยู่เลย แค่ไม่เหมาะที่จะออกหน้าด้วยตนเอง
บ่าวเฒ่ารับคำสั่งแล้วจากไป
สาวใช้คนหนึ่งยกน้ำชามา เถาฮูหยินรับมาจิบคำหนึ่ง ยังคงรู้สึกคับข้องใจ
ถึงแม้จะถอนหมั้นได้สำเร็จ แต่ความอัปยศอดสูที่ได้รับจากจวนลั่วยังคงชัดเจนในใจ นางไม่สามารถกล้ำกลืนความโมโหนี้ลงไปได้ในทันที
นางจะคอยดูจวนลั่วบ้านแตกสาแหรกขาด เมื่อนังหนูนั่นถูกขายหรือไม่ก็ถูกส่งไปสำนักการสังคีต นางจะไปส่งเสียหน่อย
ชาจอกหนึ่งดื่มจนหมด ชายหนุ่มวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่งก็เดินเข้ามา
“เหตุใดต้าหลังมาแล้วเล่า” เมื่อเห็นบุตรชายคนโต เถาฮูหยินก็อดเผยยิ้มอ่อนโยนไม่ได้
การสอบชิวเหวยปีนี้ บุตรชายคนโตติดอันดับเป็นจวี่เหรินแล้ว เมื่อถึงต้นฤดูใบไม้ผลิสอบเกาจง ข่าวเรื่องถอนหมั้นก็คงซาแล้ว จะได้หาคู่ครองดีๆ ให้บุตรชายคนโตได้พอดี
จิ้นซื่อที่อายุน้อยเช่นนี้หาได้ยากนัก
มองดูบุตรชายที่โดดเด่นเช่นนี้ ความอัดอั้นใจของเถาฮูหยินก็ลดน้อยลง
“ท่านแม่ ท่านไปถอนหมั้นที่จวนลั่วมาหรือ”
“อืม” เมื่อได้ยินบุตรชายคนโตพูดถึงเรื่องนี้ เถาฮูหยินก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
ถอนหมั้นเป็นเรื่องที่นางปรึกษากับนายท่านแล้ว แต่ยังไม่ได้บอกลูกชาย
คุณชายใหญ่เถาหน้าซีด “เหตุใดท่านจึงไม่บอกข้า”
เถาฮูหยินจิบชา น้ำเสียงราบเรียบ “เจ้าต้องตั้งใจอ่านหนังสือ เตรียมตัวสอบชุนเหวย จะกังวลเรื่องพวกนี้ไปไย”
“ถอนแล้วหรือ” คุณชายใหญ่เถาถามด้วยใบหน้าซีดขาว
“ถอนแล้ว”
คุณชายใหญ่เถาถอยหลังไปหนึ่งก้าว สีหน้าย่ำแย่กว่าเดิม “งานแต่งงานที่กำหนดไว้หลายปีจู่ๆ ก็ถอน ท่าน… ท่าน อย่างน้อยท่านก็บอกลูกสักคำสิขอรับ!”
“ต้าหลัง เจ้าไม่รู้เรื่องของจวนลั่วหรือ”
“ลูกรู้ แต่ว่า…”
เถาฮูหยินหน้าขรึม “ไม่มีแต่ว่า เจ้าคงรู้จักคุณชายรองหลินผู้มีชื่อเสียง ลองคิดดูดีๆ ว่าที่เขาไม่สามารถเข้ารับราชการได้เป็นเพราะเหตุใด”