ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 317 ไม่ต่อยไม่ได้
ตอนที่ 317 ไม่ต่อยไม่ได้
เป็นอนุ?
ลั่วเซิงแทบจะคิดว่าตนเองฟังผิด
การเผชิญหน้ากับตระกูลเถาที่เฝ้ารอถอนหมั้นแทบไม่ไหว นางอดคิดถึงพวกเขาในแง่ร้ายไม่ได้ แต่คิดไม่ถึงว่าคุณชายใหญ่เถาจะมีนิสัยเช่นนี้
ลั่วเซิงเดินไปข้างกำแพง เอาจอกชาแนบกับกำแพงตามโค่วเอ๋อร์แล้วเอาใบหูแนบกับแก้วฟังอย่างตั้งใจ
โค่วเอ๋อร์กะพริบตาปริบ คิดในใจว่า คุณหนูก็คือคุณหนู เรียนรู้ได้เร็วจริงๆ
ห้องส่วนตัวข้างๆ ตกอยู่ในความเงียบ
ไม่นานการลุกขึ้นของลั่วอิงก็ทำลายความเงียบลง
“คุณหนูใหญ่ เจ้าจะไปไหน”
ลั่วอิงมองดูไปแล้วยังถือว่าสงบนิ่ง มือที่กำแน่นในแขนเสื้อกลับสั่นไม่หยุด “ข้าออกมานานแล้ว ควรกลับไปแล้ว”
คุณชายใหญ่เถาลุกขึ้นตาม “ข้ายังมีเรื่องจะพูดกับเจ้า”
ลั่วอิงกะพริบตาทีหนึ่ง น้ำเสียงเยือกเย็น “ไม่ต้องแล้ว คำพูดที่เหลือข้าไม่อยากฟัง”
ได้ยินคำพูดที่ว่าจะให้นางเป็นอนุแล้ว ยังต้องการให้นางฟังอย่างอื่นอีกหรือ
เรื่องอื่นน่ะ…ก็แค่เรื่องตลกเท่านั้น
ลั่วอิงกำมือแน่น เล็บจิกลงไปในฝ่ามือ
คุณชายใหญ่เถาเริ่มร้อนรน “คุณหนูใหญ่ ข้ารู้ว่าทำแบบนี้ไม่เป็นธรรมกับเจ้า…”
ลั่วอิงพูดแทรกคุณชายใหญ่เถาอย่างเย็นชา “ในเมื่อรู้ว่าไม่เป็นธรรมกับข้า คุณชายใหญ่เถาจะพูดอีกทำไม”
“แต่ข้าจะทำดีต่อเจ้าเพียงคนเดียว นอกจากตำแหน่งแล้ว ข้าจะไม่ทำให้เจ้ารู้สึกคับข้องใจด้านอื่น!”
ลั่วอิงหันหลังเดินไป
คุณชายใหญ่เถาเอื้อมมือไปคว้าข้อมือนางไว้ “อาอิง เจ้าอย่าใช้อารมณ์สิ เจ้าลองคิดถึงจุดจบของญาติผู้หญิงที่ในจวนเกิดเรื่องเหล่านั้น…”
“คุณชายเถาโปรดปล่อยมือ”
คุณชายใหญ่เถากลับจับแน่นกว่าเดิม “อาอิง ข้าจริงใจต่อเจ้า ข้าเองก็ไม่อยากถอนหมั้น แต่ข้าไม่มีทางเลือกอื่น ไม่มีใครอยากเห็นเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ทำได้เพียงยอมรับ พวกเราอยู่ด้วยกันยังไม่พออีกหรือ หรือว่าสำหรับเจ้าแล้ว ตำแหน่งสำคัญกว่าความรักระหว่างเรา”
ลั่วอิงโมโหจนตัวสั่น นางทำท่าจะพูดอะไรแต่ก็พูดไม่ออก ความครุกรุ่นจุกอยู่ในอกจนนางรู้สึกอับอายและผิดหวัง
ลี่ว์เอ้อพุ่งขึ้นไปดึงแขนของคุณชายใหญ่เถาไว้ “คุณชายใหญ่เถา ปล่อยคุณหนูของเรานะ!”
แต่จะทำอย่างไรได้ แรงของผู้ชายย่อมมีมากกว่าผู้หญิง สาวใช้จนปัญญา ร้อนรนจนน้ำตาคลอ
นางอยากจะตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่กล้า
ชายหญิงแอบนัดเจอกัน เรื่องแพร่ออกไปมีแต่คุณหนูของพวกนางที่เสียหาย
ครานี้เอง ประตูห้องถูกถีบออกอย่างแรง คนทั้งสามในห้องหันไปมองประตูตามสัญชาติญาณ
ลั่วเซิงดึงเท้ากลับมา เดินสาวเท้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ลั่วอิงเรียกน้องสามเบาๆ
คุณชายใหญ่เถาตกใจสะดุ้ง โพล่งถามว่า “เจ้าเป็นใคร”
“คุณหนูลั่ว” ลั่วเซิงตอบ คว้าข้อมือคุณชายใหญ่เถาไว้แล้วสลัดมือที่จับลั่วอิงไว้ออก
คุณชายใหญ่เถาเจ็บ หน้าซีดทันที
“เจ้ามันคนมักมากจากที่ไหนกัน เหตุใดจึงจับท่านพี่ข้าไม่ปล่อย”
“คุณหนูลั่วอย่าเข้าใจผิด ข้าคือต้าหลังสกุลเถา” หลังจากคุณชายใหญ่เถาตกใจในตอนแรกแล้วก็จำเด็กสาวที่บุกเข้ามาอย่างกะทันหันได้ชัดเจน
คุณหนูลั่วผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ตั้งแต่ที่เขาหมั้นหมายกับอาอิง เขาเคยเจอนางสองครั้ง
“คุณชายใหญ่เถา?” ลั่วเซิงทำเหมือนเพิ่งจำได้ นางมองชายตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ ใบหน้าปกคลุมด้วยความเยือกเย็น “ท่านคงไม่ได้จะพาพี่ใหญ่ข้าหนีตามกันไปหรอกนะ”
ทันทีที่ได้ยินคำว่าหนีตามกันไป คุณชายใหญ่เถาก็ชะงัก
เขาร่ำเรียนหนังสืออย่างหนักตั้งแต่เล็ก อย่างน้อยก็เป็นปัญญาชนประพฤติดี วันนี้แอบมาเจออาอิงถือว่าฝ่าฝืนกฎแล้ว หนีตามกันไปพฤติกรรมแบบนี้ แม้แต่คิดยังไม่เคยคิดเลย
“คุณหนูลั่วเข้าใจผิดแล้ว งานแต่งงานของข้าและพี่สาวเจ้าเกิดปัญหา ก็เลยมาขอพบหน้านาง”
การพบหน้ากันลับหลังผู้อื่นแล้วถูกอีกฝ่ายจับได้คือสิ่งที่เขาคิดไม่ถึงจริงๆ
“เจอพี่ใหญ่ข้าแล้วจะพาหนีตามกันไปหรือ”
คุณชายใหญ่เถาหยุดหายใจ
เหตุใดวกกลับมาที่เดิมอีกแล้วนะ
“ไม่ใช่ แค่พูดคุยกับท่านพี่เจ้าเล็กน้อย”
“พูดอะไรกัน”
จู่ๆ คุณชายใหญ่เถาก็เงียบ
สิ่งที่พูดกับอาอิงย่อมไม่ควรให้ผู้อื่นรู้
ลั่วเซิงมองลี่ว์เอ้อ
โค่วเอ๋อร์ดึงลี่ว์เอ้อเบาๆ “ลี่ว์เอ้อ เจ้ารู้แต่ยืนเหม่อแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ เจ้าคนนี้พูดอะไรกับคุณหนูใหญ่หรือ”
สาวใช้พูดพลางขยิบตาให้ลี่ว์เอ้อไม่หยุด
เจ้าพูดสิ พูดแล้วคุณหนูของเราจะได้กระทืบได้ไงเล่า
เจ้ากีบน้อย[1]ไม่ได้เรื่องจริงๆ
ลี่ว์เอ้อเพิ่งสงบสติอารมณ์ลงได้ ภายใต้การเร่งเร้าของโค่วเอ๋อร์ นางก็พูดขึ้นว่า “คุณชายเถาต้องการให้คุณหนูของเราเป็นอนุเจ้าค่ะ”
“เป็นอนุ?” จู่ๆ หงโต้วก็พูดเสียงดัง ทำเอาเสี่ยวเอ้อร์และคนอื่นๆ ที่อยากรู้อยากเห็นอยู่แล้วมุงเข้ามา
โค่วเอ๋อร์ปิดปากอย่างตกตะลึง
“เป็นอนุรึ” ลั่วเซิงค่อยๆ ทวนคำพูดอีกครั้ง จู่ๆ สีหน้าพลันเปลี่ยน “ใครก็ได้ กระทืบเจ้าคนเลวที่คิดจะหลอกพี่ใหญ่ข้าไปเป็นอนุให้เป็นหัวหมูที!”
หงโต้วพุ่งเข้าไปพร้อมกับหมัดของนาง
คนที่เร็วยิ่งกว่าหงโต้วคือสืออี้
เมื่อเห็นสืออี้ล้มคุณชายใหญ่เถาที่เหมือนกับกำลังตกอยู่ในภวังค์ลงอย่างคล่องแคล่ว หงโต้วก็โมโหจนกระทืบเท้า “เหตุใดเจ้าคนนี้ถึงชอบแย่งงานนะ!”
เมื่อครู่นี้โค่วเอ๋อร์ทำผลงานได้ดีเช่นนี้ แทบจะชนะนางได้แล้ว
ทว่าช่วยไม่ได้ สืออี้ฝีมือดีเกินไป และยังไม่เข้าใจวิถีทางโลกเช่นสือเยี่ยนพี่สามของเขา เขาต่อยคุณชายใหญ่เถาจนเป็นหัวหมูตามคำสั่งของลั่วเซิงไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย ไม่มีทีท่าว่าจะแบ่งให้หงโต้วเลย
ลั่วอิงเห็นดังนั้นก็ตกใจ “น้องสาม พอเถอะ”
“พี่ใหญ่ยังโมโหหรือไม่”
ลั่วอิงเม้มปาก
จะไม่โมโหได้อย่างไร ที่นางมาเจอหน้า สิ่งที่นางโกหกตนเองไม่ได้คือลึกๆ ในใจแล้วนางยังคาดหวังกับเขา
ใครจะไปรู้ว่าสิ่งที่ได้รับมีเพียงความอัปยศ แม้แต่ความทรงจำครั้งสุดท้ายอันสวยงามที่คิดอยากจะเก็บไว้ในใจก็หายไปหมด
นางไม่ใช่แค่โกรธเท่านั้น นางยังแค้นเคือง
เพียงแต่ว่าหลังจากเห็นเขาถูกต่อยจนเป็นเช่นนี้ อารมณ์เหล่านี้ก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวล
คนที่นางกังวลไม่ใช่ผู้ชายที่ต้องการให้นางเป็นอนุคนนี้ แต่คือน้องสาม
อย่างที่ทุกคนคิด เมื่อท่านพ่อผู้เป็นดั่งต้นไม้ใหญ่ล้มลง เป็นเรื่องยากที่ทุกคนในจวนลั่วจะมีจุดจบที่ดี น้องสามทำให้คนขุ่นเคืองมากมาย เกรงว่าจะยิ่งแย่
ลั่วเซิงยกมุมปาก “ดังนั้นไม่ควรพอง่ายๆ เท่านี้”
หากวันนี้ลั่วอิงทนความอัปยศจากไป ชีวิตที่เหลือของนางคงไม่ง่ายเลย
ความโมโหต้องระบายออกมาถึงจะหาย หากเก็บไว้ คนที่ทรมานมีเพียงตนเอง
“ไปจวนเถา! ข้าจะไปถามเถาฮูหยินว่าคำพูดที่พูดในจวนลั่วนั้นคือลมผายสุนัขหรือ”
“น้องสาม…”
“ให้โค่วเอ๋อร์พาพี่ใหญ่กลับไปก่อนเถอะ”
“น้องสามต้องไปจริงๆ หรือ” ลั่วอิงถามเสียงสั่น
ลั่วเซิงพยักหน้า “แน่นอน”
ลั่วอิงสูดหายใจเข้าลึก “เช่นนั้นข้าจะไปกับเจ้า”
นี่คือเรื่องของนาง ให้น้องสาวออกหน้าเป็นเรื่องอับอายพออยู่แล้ว จะกลับไปแอบในจวนคนเดียวได้อย่างไร
“พี่ใหญ่อย่าฝืนเลย”
“ข้าไม่รู้สึกฝืน ไปด้วยกันเถอะ” ลั่วอิงน้ำเสียงหนักแน่นกว่าเดิม
“ดี เช่นนั้นก็ไปด้วยกัน”
สืออี้หิ้วคุณชายใหญ่เถาที่ถูกต่อยจนบวมด้วยมือข้างเดียวแล้วเดินออกจากโรงน้ำชาไป
โค่วเอ๋อร์จงใจเดินรั้งท้าย ส่ายหัวให้คนที่มามุงดูและถอนหายใจอธิบายว่า “นั่นคือคุณชายใหญ่ของจวนรองเจ้ากรมเถาแห่งศาลต้าหลี่ เขานิสัยไม่ดีเลย เมื่อไม่กี่วันก่อนจวนเขามาขอถอนหมั้นกับจวนลั่วของเรา วันนี้กลับมาหลอกลวงคุณหนูใหญ่เราให้เป็นอนุเขา ทุกท่านลองพูดดูสิ คนแบบนี้สมควรถูกต่อยหรือไม่…”
สาวใช้พูดน้ำไหลไฟดับ ทั้งเร็วและคล่อง ในเวลาอันสั้นคนที่มุงดูไม่รู้ได้ยินคำว่า ‘นิสัยไม่ดี’ ไปกี่ครั้ง ต่างพยักหน้าเห็นด้วยตามสัญชาติญาณ “ใช่แล้ว ไม่ต่อยไม่ได้หรอก”
[1] เจ้ากีบน้อย หมายถึงหญิงสาวที่มีมือเท้าเล็ก โดยเฉพาะผู้หญิงชาวฮั่นที่มีการรัดเท้า