ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 320 สิ่งที่ควรทำ
ตอนที่ 320 สิ่งที่ควรทำ
สืออี้พูดประโยคนี้ออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง แต่กลับรู้สึกซับซ้อนในใจ
ผ่านมาพบความอยุติธรรม ต้องชักดาบออกมาช่วยเหลือ คำพูดแบบนี้ นายท่านของพวกเขาไม่เคยพูด
โค่วเอ๋อร์เป็นคนแอบบอกเขา…
แต่ว่าจากการสังเกตการณ์มาหลายวัน นายท่านน่าจะไม่ถือสาที่จะอ้างว่าเขาเป็นคนพูด
เมื่อคิดได้เช่นนี้ องครักษ์น้อยที่ซื่อสัตย์จริงใจมาโดยตลอดก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
รองเจ้ากรมเถากลับไม่อาจสบายใจได้
คนของไคหยางอ๋อง?
ส่วนคำพูดไร้สาระอย่างผ่านมาพบความอยุติธรรม ต้องชักดาบออกมาช่วยเหลือนั้นก็ช่างมันเถอะ
รองเจ้ากรมเถามองสืออี้ตาไม่กะพริบ
สืออี้หยิบป้ายแขวนเอวออกมาให้รองเจ้ากรมเถาดู
รองเจ้ากรมเถาสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ในใจปั่นป่วน
เป็นคนของไคหยางอ๋องจริงๆ ด้วย!
ได้ยินข่าวลือมานานแล้วว่าไคหยางอ๋องปฏิบัติกับคุณหนูลั่วอย่างแตกต่าง เขามักจะไม่แยแสกับข่าวลือแบบนี้ หรือว่านี่คือเรื่องจริงจริงๆ
“นายท่าน…” เถาฮูหยินเรียกเสียงเบา
รองเจ้ากรมเถาตั้งสติได้ ขมวดคิ้วถามสืออี้ว่า “ไว้ข้าจะไปเยี่ยมท่านอ๋องที่จวนอ๋อง”
ส่วนเรื่องที่ว่าจะไปไต่สวนความผิดหรือทำอะไร ใครจะไปรู้เล่า
เขาไม่อยากจะไปด้วยซ้ำ
เมื่อพูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังหาทางลงต่อหน้าสายตาทุกคน
“คุณหนูลั่วเชิญตามสบาย” รองเจ้ากรมเถาประสานมือให้ลั่วเซิง พาคนจวนเถาเดินเข้าไปในจวน
เถาฮูหยินตะโกนเรียกอย่างร้อนรน “หมอเล่า ไปดูคุณชายใหญ่เร็วเข้า!”
หากเสียโฉมไป ยังจะเข้าสอบขุนนางได้อย่างไร!
รองเจ้ากรมเถาหน้าขรึมไม่พูดอะไร จนเมื่อหมอดูอาการคุณชายใหญ่เสร็จแล้วบอกว่าจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นบนใบหน้า เขาจึงโล่งอก
หลังจากโล่งอกแล้ว ไฟโทสะก็พุ่งขึ้นมา
“ต้าหลัง สมองเจ้าถูกสุนัขกินหรืออย่างไร ถอนหมั้นแล้วเหตุใดยังไปตอแยอีก!”
คุณชายใหญ่เถาใบหน้าไร้อารมณ์ ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ
เถาฮูหยินสงสารจับใจ นางบ่นว่า “นายท่านอย่าดุเลย ต้าหลังทุกข์มากพออยู่แล้ว”
“เจ้ายังมีหน้ามาพูด ตามข้ามา!”
เมื่อถึงห้องรอง รองเจ้ากรมเถาก็ถามเสียงขรึม “หลักฐานที่เขียนถึงเหตุผลถอนหมั้นคือเรื่องอะไรกัน”
“หากไม่เขียน นังหนูสกุลลั่วนั่นจะไม่ยอมถอนหมั้น จะให้ส่วนราชการตัดสินก็ไม่ทันกาล จะปล่อยให้คุณหนูใหญ่ลั่วเข้ามาเฉยๆ หรืออย่างไร”
รองเจ้ากรมเถาเดือดดาล สายตาที่มองเถาฮูหยินเต็มไปด้วยความผิดหวัง “อย่างน้อยเจ้าก็เป็นฮูหยินขุนนางที่ดูแลครอบครัวมาหลายปี กลับถูกนังหนูน้อยไร้การศึกษาคนหนึ่งกุมชีวิตไว้ในกำมือ!”
เถาฮูหยินเสียใจเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม “ก็เป็นเพราะคุณหนูลั่วไร้การศึกษา จึงเป็นเรื่องยุ่งยากอย่างไรเล่า”
หากเป็นหญิงสาวที่มีเหตุมีผล จวนเถาต้องตกเป็นฝ่ายรับเช่นนี้หรือ
สองสามีภรรยาทะเลาะกันอย่างหนัก คุณชายเถาที่อยู่ห้องข้างๆ ยังคงเชื่องซึม
นอกประตูสีแดง ลั่วเซิงตบไหล่ลั่วอิงเบาๆ “พี่ใหญ่ เราไปกันเถอะ”
“อืม” ลั่วอิงหันหลังก้าวเท้าเหยียบหมวกผ้าโปร่งที่ถูกโยนทิ้งบนพื้นไป
ฝูงชนที่มามุงดูหลีกทางให้ คอยมองพวกนางจากไป จากนั้นก็ชี้นิ้ววิจารณ์ข้างหน้าประตูจวนเถาต่อไป
ผ่านไปครู่หนึ่งถึงจะแยกย้ายกันไปอย่างอาวรณ์
ข้างทาง ร่างในชุดสีแดงเข้มปรากฏขึ้นในสายตาของลั่วเซิง
นางชะงักฝีเท้า
หงโต้วสะกิดเตือนอย่างร่าเริง “คุณหนู ไคหยางอ๋องเจ้าค่ะ!”
เห็นคนเป็นแพะรับบาปดูดีใจมาก
“พวกเจ้าส่งคุณหนูใหญ่กลับไปก่อน”
ลั่วเซิงเดินเข้าไปหา
“เหตุใดท่านอ๋องจึงอยู่ที่นี่เจ้าคะ”
เว่ยหานยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “บังเอิญเดินผ่านมาน่ะ”
ลั่วเซิงมองมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยของชายหนุ่ม “ท่านอ๋องดูอารมณ์ดีนะเจ้าคะ”
จู่ๆ ริมฝีปากของเว่ยหานก็โค้งขึ้นกว่าเดิม “ได้ดูเรื่องสนุกๆ น่ะ”
ในอดีต เขาไม่ชอบเรื่องสับสนวุ่นวายแบบนี้ แต่วันนี้ได้ยินคนเหล่านั้นคาดเดาว่าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคุณหนูลั่วกลับรู้สึกรื่นหู พลอยอารมณ์ดีไปด้วย
“วันนี้สร้างปัญหาเล็กน้อยให้ท่านอ๋องแล้ว”
เว่ยหานยิ้มพลางส่ายศีรษะ “คุณหนูลั่วเกรงใจแล้ว มอบพวกสือหั่วทั้งสี่ให้เจ้าก็ให้เจ้าเอาไว้ใช้งาน”
ลั่วเซิงเงียบ
สี่พี่น้องสือหั่วคือคนของไคหยางอ๋อง ตั้งแต่ที่ไคหยางอ๋องส่งพวกเขาทั้งสี่ไปอยู่ข้างกายนาง นางก็เข้าใจความหมายของเขาแล้ว
นี่คือการสนับสนุนที่ตรงไปตรงมาที่สุดของเขาที่มีให้นาง
ในเวลาที่จวนแม่ทัพใหญ่ตกอยู่ในความวุ่นวายเช่นนี้ เรื่องบางเรื่องทำโดยคนจวนลั่วย่อมต่างจากการทำโดยคนของไคหยางอ๋อง
“ขอบคุณท่านอ๋อง”
“ข้าบอกตั้งแต่แรกแล้ว นี่คือสิ่งที่ข้าควรทำ คุณหนูลั่วอย่าเกรงใจเลย”
ลั่วเซิงเม้มปาก
นางเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงกลายเป็นสิ่งที่เขาควรทำได้…
แต่ว่าบุญคุณนี้นางติดค้างแล้ว คงต้องหาโอกาสใช้คืน
“คนกำลังอยู่ระหว่างทางเข้าเมืองหลวงแล้ว” ทั้งสองเดินเคียงข้างกันไป เว่ยหานพูดเสียงเบา
ลั่วเซิงเดินช้าลง ยกมุมปาก “รู้แล้ว รบกวนท่านอ๋องแล้ว”
เว่ยหานเห็นนางยิ้มก็อดยิ้มตามไม่ได้ เขาถามว่า “คุณหนูลั่วจะกลับหอสุราหรือกลับจวน”
“แม้เรื่องจะคลี่คลายลงแล้วชั่วคราว แต่ในจวนยังวุ่นวาย ข้าจะกลับไปดูในจวนก่อน”
นัยน์ตาเว่ยหานมีแววผิดหวังวาบผ่าน
คิดว่าจะได้กินข้าวกับคุณหนูลั่วเสียอีก
เขาเอาสูตรอาหารที่เขาหามาใหม่มาแล้วด้วย
แต่ว่าสถานการณ์ของจวนลั่วเป็นเช่นนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่คุณหนูลั่วจะไม่มีจิตใจไปหอสุรา
แก้ไขปัญหาของแม่ทัพใหญ่ลั่วให้เร็ว ให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติสำคัญที่สุดในยามนี้จริงๆ
ดังนั้นแล้ว นี่คือหน้าที่ของเขา
“ท่านอ๋องมิต้องส่งแล้ว”
“เช่นนั้นคุณหนูลั่วเดินทางปลอดภัย” เว่ยหานหยุดลง มองลั่วเซิงหันหลังก็อดเรียกไม่ได้ “คุณหนูลั่ว”
ลั่วเซิงเหลียวมองเขา
“ผ่านมาพบความอยุติธรรม ต้องชักดาบช่วยเหลือ ต้องดูสถานการณ์ด้วย”
คำพูดที่สืออี้ซี้ซั้วอ้างว่าเขาเป็นคนพูด เขายอมรับได้ แต่จะให้คุณหนูลั่วเข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนใจดีจนอ่อนปวกเปียกไม่ได้
อย่างเช่นว่าหากเจอหญิงสาวขายตัวเพื่อฝังศพบิดา เขานั่งมองสือเยี่ยนจัดการมาโดยตลอด
ลั่วเซิงยิ้ม “ข้ารู้”
นางย่อมรู้แน่นอน ผ่านมาพบความอยุติธรรม ต้องชักดาบช่วยเหลือ คำพูดนี้โค่วเอ๋อร์เป็นคนบอกสืออี้ ลำบากไคหยางอ๋องแล้วที่ต้องรับไว้เงียบๆ
เว่ยหานที่กลับจวนอ๋องคิดถึงรอยยิ้มของลั่วเซิงก็รู้สึกว่ามีตรงไหนแปลกๆ
ช่างเถอะ คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์ คุณหนูลั่วไม่โมโหก็พอแล้ว
ลั่วเซิงกลับถึงจวนแม่ทัพใหญ่ก็ตรงไปยังเรือนปินเฟินย่วนทันที
ในเรือนปินเฟินย่วน ลั่วอิงดึงกรรไกรแหลมคมเล่มหนึ่งออกมาตัดชุดแต่งงานจนขาด
ชุดแต่งงานยาวถึงพื้นงดงามและประณีตถูกตัดเป็นชิ้นๆ อย่างรวดเร็วจนทนดูไม่ไหว
ลั่วฉิงและลั่วเย่ว์เห็นการกระทำของลั่วอิงแล้วอยากเข้าไปห้ามแต่ก็ไม่กล้า กลัวว่านางจะพลาดตัดโดนตัวเองจึงทำได้เพียงยืนดูอย่างกระวนกระวายใจ
เมื่อเห็นลั่วเซิงเข้ามา ลั่วเย่ว์ก็รีบปรี่เข้าไป “พี่สาม พี่ใหญ่นาง…”
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทันทีที่กลับมาถึงพี่ใหญ่ก็เริ่มตัดชุดแต่งงาน เหมือนกับว่าถูกบางอย่างกระตุ้น
ลั่วเซิงโบกมือส่งสัญญาณให้ลั่วเย่ว์หยุดพูด นางมองลั่วอิงเงียบๆ
ลั่วอิงไม่ได้หยุด ชุดแต่งงานถูกตัดจนแหว่งไปหมด
นางโยนชุดแต่งงานทิ้งและหยิบผ้ามงคลขึ้นมาตัดอย่างไม่ลังเล
ในที่สุด สิ่งของที่ใช้วันคืนนับไม่ถ้วนในการปักเย็บเหล่านี้และแบกรับความคาดหวังของหญิงสาวเกี่ยวกับชีวิตหลังแต่งงานของนางก็กลายเป็นกองผ้าขี้ริ้ว
ลั่วอิงหยุดลง ราวกับว่าสูญเสียพลังไปไม่น้อย นางมองลั่วเซิงพลางหอบเล็กน้อย
“พี่ใหญ่ระวังเจ็บมือ”
สีหน้าลั่วอิงกึ่งร้องไห้กึ่งยิ้ม น้ำเสียงกลับหนักแน่นอย่างยิ่ง “ข้าไม่เจ็บ ลี่ว์เอ้อ เก็บกวาดเศษผ้าพวกนี้เสีย”