ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 328 ผู้กลับมา
ตอนที่ 328 ผู้กลับมา
หอสุราย่อมปิดไม่ได้
หากปิดไปแล้วจะมีแขกสูงศักดิ์มาหาถึงที่หรือ
สตรีวัยกลางคนเดินเข้ามาทักทายลั่วเซิงแล้วถามว่า “ไก่ขอทานเสร็จหรือยัง”
“น่าจะเสร็จแล้ว หงโต้ว เจ้าช่วยไปดูในครัวที”
หงโต้วหันหลังไปห้องครัว
สตรีรอเงียบๆ ไม่มีทีท่าว่าจะคุยเล่น
นางไม่พูด ลั่วเซิงก็ไม่ปริปากพูดก่อนเช่นกัน
ไม่นานหงโต้วก็ถือกล่องอาหารออกมา “คุณหนู เสร็จแล้วเจ้าค่ะ”
ลั่วเซิงพยักหน้าเบาๆ “ส่งให้โต้วหมัวหมัวเถอะ”
“โต้วหมัวหมัว ถือดีๆ นะเจ้าคะ” หงโต้วยื่นกล่องอาหารให้
พูดตามตรง นางเห็นหมัวหมัวคนนี้แล้วรู้สึกว่านางเป็นคนใจดี ในชื่อยังมีคำว่า ‘โต้ว’ ด้วย
โต้วหมัวหมัวรับกล่องอาหารไปและเปิดออกอย่างเคย เพื่อนำไก่ขอทานเปลี่ยนมาใส่ในกล่องอาหารของพระราชวัง แต่นางกลับพบว่าในนั้นนอกจากจะมีไก่ขอทานที่ถูกห่อดินเหนียวแล้วยังมีขนมจานหนึ่งด้วย
“นี่คือ…”
“ขนมพุทราเจ้าค่ะ โต้วหมัวหมัวไม่รู้จักหรือ” หงโต้วย้อนถามอย่างประหลาดใจ
โต้วหมัวหมัวกระตุกมุมปาก
นางกล้าพูดเลยว่าหากสาวใช้ตัวน้อยคนนี้อยู่ในวัง คงมีชีวิตอยู่ไม่เกินสามวัน
“เหนียงเหนียงทรงมิได้สั่งขนมพุทรา” โต้วหมัวหมัวกล่าวหลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง
ลั่วเซิงยิ้มพูดว่า “ขนมพุทราที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ได้กินฤดูกาลนี้ดีต่อสุขภาพที่สุด ให้เหนียงเหนียงลองชิมดูเจ้าค่ะ”
โต้วหมัวหมัวยังคงลังเล หงโต้วเม้มปากพูดว่า “ขนมหนึ่งจานไม่หนักเสียหน่อย หมัวหมัวนำกลับไปด้วยเถอะ หากเหนียงเหนียงไม่เสวย หมัวหมัวก็เก็บไว้กินเอง ข้าลองชิมแล้ว ขนมหอมและนุ่ม อร่อยมากเลยล่ะ”
หงโต้วพูดจนโต้วหมัวหมัวอดขยับจมูกโดยสัญชาติญาณไม่ได้ กลิ่นหอมของพุทราเตะจมูก
ที่สาวใช้พูดก็มีเหตุผล
“ข้าขอบใจคุณหนูลั่วแทนเหนียงเหนียงแล้ว” โต้วหมัวหมัวใส่ไก่ขอทานลงไปในกล่องอาหาร จากนั้นก็ใส่ขนมพุทราตามลงไป
ดวงตาของลั่วเซิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “โต้วหมัวหมัวเกรงใจแล้ว”
โต้วหมัวหมัวไม่ได้โอ้เอ้ นางรีบจากไปพร้อมกล่องอาหารที่ใส่อาหารเรียบร้อยแล้ว
ลั่วเซิงเดินไปข้างหน้าต่าง มองเกี้ยวสีเขียวคันนั้นค่อยๆ จากไปไกลในความมืดจนหายลับไปแล้วจึงเดินหันหลังไปห้องครัว
ผู้รับใช้เซียวกุ้ยเฟยในวังอวี้หวาล้วนรู้ว่าวันนี้เป็นวันที่โต้วหมัวหมัวออกไปรับไก่ขอทานของเหนียงเหนียง
กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงไม่ค่อยสนใจอะไรมากเกินไป นอกจากไก่ขอทานที่นางสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหลังจากกลับมาจากล่าสัตว์ นางก็ต้องกินเดือนละครั้งเป็นอย่างน้อยถึงจะสบายใจ
“หมัวหมัวกลับมาแล้วหรือ เหนียงเหนียงรอท่านอยู่เจ้าค่ะ” นางกำนัลที่เปิดม่านยิ้มพูดกับโต้วหมัวหมัว
โต้วหมัวหมัวพยักหน้าอย่างสำรวมและรีบเดินเข้าไป
มีพรมนุ่มหนาอยู่ใต้เท้าซึ่งเป็นพรมสีขาวสะอาดสะอ้านราวกับหิมะที่โปรยลงมาปกคลุมเต็มพื้น
โต้วหมัวหมัวทำความเคารพ
เซียวกุ้ยเฟยยืนเท้าเปล่าบนพรมสีขาว สีหน้าที่ไม่แยแสของนางแสดงความสนใจ “กลับมาแล้วหรือ นำอาหารมานี่เถอะ”
โต้วหมัวหมัวเปิดกล่องอาหาร หยิบอาหารออกมาทีละอย่าง
สายตาเซียวกุ้ยเฟยหยุดอยู่ที่ขนมพุทราทันที
โต้วหมัวหมัวรีบอธิบายว่า “ขนมพุทราเพิ่งทำเสร็จพอดี คุณหนูลั่วให้ใส่มาให้เหนียงเหนียงชิมเพคะ”
เซียวกุ้ยเฟยไม่ได้พูดอะไร
นางกำนัลรับใช้ข้างกายเข้าใจว่ากุ้ยเฟยจะลอง
นางกำนัลคนหนึ่งขึ้นมาทดลองอาหาร ผ่านไปครู่หนึ่ง นางกำนัลก็ย่อเข่าให้เซียวกุ้ยเฟย “เหนียงเหนียง เสวยได้แล้วเพคะ”
เซียวกุ้ยเฟยรับขนมพุทราจากนางกำนัลที่ยกมาให้แล้วชิมคำเล็กๆ
สำหรับขนมที่หาทานได้ง่ายแบบนี้ เซียวกุ้ยเฟยไม่ค่อยสนใจนัก ถึงแม้ขนมพุทราที่โต้วหมัวหมัวนำกลับมาจะอร่อยกว่าขนมพุทราที่เคยได้กินไม่น้อย แต่ถึงอย่างไรขนมพุทราก็คือขนมพุทรา กลายเป็นไก่ขอทานไม่ได้
เซียวกุ้ยเฟยชิมไปเล็กน้อยก็สั่งให้คนรับใช้กะเทาะไก่ขอทาน
ไก่ขอทานที่ถูกห่อในดินเหนียวยังคงอุ่น เซียวกุ้ยเฟยกินไปเพียงสองคำก็วางตะเกียบลง
พระนางเสวยปีกไก่ที่เดิมก็เล็กอยู่แล้วไม่หมด
“เก็บกลับไปเถอะ” เซียวกุ้ยเฟยบ้วนปากเสร็จแล้วก็นั่งกึ่งนอนบนตั่ง สีหน้าเกียจคร้าน ราวกับไม่มีความสนใจในอะไรทั้งนั้น
ขนมพุทราน่ะอร่อย แต่ในวังมีอาหารเลิศรสมากมาย นางเบื่อไปนานแล้ว
ไก่ขอทานนอกจากจะอร่อยแล้ว สำหรับนางแล้วยังมีความหมายพิเศษ แต่อาหารที่พิเศษอย่างไร ได้ชิมคำหนึ่งเพื่อรำลึกถึงอดีตก็พอแล้ว
ประตูวังลึก ค่ำคืนยาวนาน นางไม่มีแผนสำหรับอนาคตของครอบครัวตนเอง และไม่มีสารเลวคนใดที่ไม่ดูตาม้าตาเรือมาชิงความโปรดปรานกับนาง วันเวลาที่อยู่ในพระราชวังนั้นเงียบเหงาและน่าเบื่อหน่ายเกินไป
ความโปรดปรานของกษัตริย์ไม่ได้ทำให้หัวใจที่ไร้ที่พึ่งพิงดวงนั้นของนางวางลง
ประสบการณ์ความโศกเศร้าครั้นวัยเยาว์ ทำให้นางรู้ว่านางต้องมีบางสิ่งในมือถึงจะไม่ถูกใครทำร้ายหรือสังหาร
ในอดีตสิ่งที่นางมีคือหน้าตาที่งดงาม การร่ายรำที่สง่างามและนิสัยอันเป็นเอกลักษณ์
นางใช้สิ่งเหล่านี้แลกความโปรดปรานของจักรพรรดิและตำแหน่งกุ้ยเฟย
ทว่าสิ่งเหล่านี้ท้ายที่สุดก็ต้องสลายไปพร้อมกับกาลเวลา สิ่งที่แลกมาได้จะรักษาได้หรือไม่นั้นนางไม่มั่นใจ
ไม่สิ นางท้อแท้มาก นางรู้สึกว่าจะต้องสูญเสียสิ่งเหล่านี้ไปในไม่ช้าก็เร็ว
ขณะที่กำลังคิดเรื่องเหล่านี้ เสื้อผ้าที่งดงามแพรวพราว อาหารที่เลิศรสตรงหน้าจะมีความหมายอะไรหรือ
เซียวกุ้ยเฟยหลุบตาลง มองมือที่ยังคงขาวเนียนและอ่อนนุ่ม ความเศร้าในใจมิอาจสลัดออกไปได้
นางอยากมีบุตร
แม้จะเป็นบุตรสาวก็ดี ทำให้นางไม่ใช่แหนไร้รากที่อยู่ในพระราชวังแสนลึกล้ำและกว้างใหญ่เช่นนี้ ทำให้หัวใจที่ไม่เคยสบายใจสงบลง
เมื่อมีบุตร สิ่งที่ถูกกำหนดไว้ว่าจะต้องสลายไปพร้อมกับกาลเวลาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะสูญเสียไปอีก
เฝ้าดูลูกเติบโตทีละน้อย ย่อมได้รับมากกว่าสูญเสีย
ทว่าน่าเสียดายที่ยากเกินไป นางมองไม่เห็นความหวังเลยแม้แต่น้อย
มือข้างหนึ่งของเซียวกุ้ยเฟยวางลงบนท้องที่เรียบแบนแล้วถอนหายใจเบาๆ
เข้าสู่เดือนสิบสอง อากาศเริ่มเย็นลงทุกวัน
ในที่สุดวันนี้หิมะก็ตก หิมะโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ตกลงบนชายคา ยอดไม้ ผมและเสื้อผ้าของผู้คนที่เดินผ่านไปมา
เสื้อคลุมสีดำของเว่ยหานถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดหิมะ เขาเดินเร่งฝีเท้าเข้าไปในเมืองจักรพรรดิ
“ฝ่าบาท ไคหยางอ๋องกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” โจวซานเดินไปใกล้จักรพรรดิหย่งอันแล้วพูดเสียงเบา
จักรพรรดิหย่งอันยกเปลือกตาที่ปิดลงเล็กน้อยขึ้น พูดด้วยสีหน้าดังเดิมว่า “ให้เขาเข้ามา”
ไม่นาน ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำก็เดินเข้ามา
“ถวายบังคมเสด็จพี่”
“ลุกขึ้นเถิด นั่งก่อน”
โจวซานยกเก้าอี้ตัวหนึ่งไปข้างหลังเว่ยหานทันที
เว่ยหานนั่งลง
ในตำหนักนอกจากจักพรรดิหย่งอันและเว่ยหานแล้ว เหลือเพียงโจวซานคนเดียว
“ตรวจพบอะไรบ้างหรือไม่” จักรพรรดิหย่งอันถาม
“ตรวจพบที่อยู่ของพ่อค้าที่เปิดเผยฐานะองครักษ์จวนเจิ้นหนานอ๋องต่อนายอำเภอหลิวชิงแล้ว ทางใต้ส่งข่าวมาว่าอีกไม่กี่วันจะถึงเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิหย่งอันพยักหน้าเบาๆ “เช่นนั้นก็ดี”
พ่อค้าที่บอกความลับไม่ได้เข้าเมืองหลวงพร้อมนายอำเภอหลิวชิง บังเอิญมีข่าวว่ามีคนวางยาลั่วฉือ เรื่องนี้ทำให้เขาอดครุ่นคิดดีๆ ไม่ได้
เขาไม่อาจเชื่อคนของกระทรวงตุลาการทั้งสามได้ทั้งหมด แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่สามารถเชื่อไคหยางอ๋องทั้งหมดได้เช่นกัน ดังนั้นจึงส่งหลายฝ่ายไปตรวจสอบ เพื่อถ่วงดุลอำนาจ
หลังจากถามอีกสองสามเรื่อง จักรพรรดิหย่งอันก็โบกมือ “น้องสิบเอ็ดลำบากแล้ว กลับไปพักผ่อนเถิด”
“กระหม่อมขอทูลลา”
เมื่ออกจากพระราชวัง หิมะตกหนักกว่าเดิม หิมะที่โปรยปรายเหมือนฟองหิมะกลายเป็นขนห่าน
เว่ยหานปล่อยให้หิมะตกลงบนชุดคลุมสีดำที่เขาสวมอีกครั้ง เขาไม่ได้กลับจวน แต่ตรงไปยังที่ที่กักขังองครักษ์ของจวนเจิ้นหนานอ๋อง