ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 329 ท่ามกลางหิมะ
ตอนที่ 329 ท่ามกลางหิมะ
“คารวะท่านอ๋อง”
ผู้คนที่เจอระหว่างทางต่างคารวะ
เว่ยหานเดินย่ำไปบนพื้นที่ปกคลุมด้วยหิมะบางๆ ในไม่ช้าก็ถึงคุกที่มีการป้องกันแน่นหนา
ในคุกเต็มไปด้วยกลิ่นอับชื้นและกลิ่นเน่าเปื่อย ทำให้หายใจลำบาก
เว่ยหานเดินช้าลง คิดถึงลั่วเซิงอีกครั้ง
ตอนที่นางไปหาแม่ทัพใหญ่ลั่วในคุกก็ต้องเดินผ่านทางแบบนี้
ขณะที่คิดเช่นนี้ เว่ยหานก็อดเร่งฝีเท้าไม่ได้
“ท่านอ๋อง” ผู้คุมเห็นเว่ยหานเข้ามาก็รีบทักทาย
อาจจะเป็นเพราะหิมะและลมเย็นๆ ที่พัดมาตลอดทาง ทำให้ใบหน้าของเขาเยือกเย็นราวกับหยกเย็น น้ำเสียงราวกับบ่อน้ำพุแข็ง “เปิดประตู ข้าจะเข้าไปหานักโทษ”
“ท่านอ๋อง นี่มัน…”
หลังจากที่ผู้คุมเห็นป้ายอาญาสิทธิ์ที่เว่ยหานแสดงให้ดู ความลังเลของเขาก็กลายเป็นความเกรงกลัวอย่างยิ่ง เขารีบเปิดประตูเรือนจำให้
ห้องขังที่คุมขังนักโทษคนสำคัญเช่นองครักษ์จวนเจิ้นหนานอ๋องนั้นแตกต่างจากห้องขังทั่วไป มันเป็นห้องหินที่เกือบจะปิดสนิทและมีอุปกรณ์ทรมานต่างๆ เรียงกันเป็นแถว เมื่อประตูหินหนาหนักปิดลง ข้างนอกจะไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านในเลย
เว่ยหานเดินเข้าไปด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ คิดในใจว่า ป้ายอาญาสิทธิ์ที่ฮ่องเต้ประทานให้นั้นมีประโยชน์จริงๆ อยากเจอนักโทษก็กลายเป็นเรื่องง่าย
ในห้องขังมีผู้ชายที่แขนขาถูกล่ามด้วยโซ่คนหนึ่ง
ผมที่ยาวและยุ่งเหยิงของเขาปกปิดใบหน้าเอาไว้ เสื้อผ้ามีรอยเลือดเต็มไปหมด เผยให้เห็นเนื้อหนังที่ขาดเหวอะ
ดูจากรูปร่างแล้ว เขาเหมือนกับชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ
เมื่อได้ยินเสียง ศีรษะที่ยังคงก้มลงของชายหนุ่มไม่ได้เงยขึ้นมา เขาพูดอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “ข้าบอกกี่ครั้งแล้ว ครานั้นแม่ทัพใหญ่ลั่วปล่อยข้าและท่านอ๋องน้อย พวกเจ้ายังอยากจะถามอะไรอีก ฆ่าข้าไปเลยไม่ได้หรืออย่างไร”
เงียบจนชายคนนั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้นเพื่อมองผู้มาเยือน
นั่นคือชายหนุ่มที่อายุน้อยมาก อย่างมากที่สุดก็แค่ยี่สิบ ดวงตาคู่นั้นราวกับกักเก็บค่ำคืนที่หนาวเย็นไว้ ชัดเจนและสุกใส
ส่วนเว่ยหานแทบไม่เห็นหน้าตาของนักโทษเลย
ที่บอกว่าแทบไม่เห็น เพราะใบหน้าของนักโทษมีบาดแผลเปื้อนเลือดปกปิดใบหน้าไว้บางส่วน
นี่คือชายอายุสามสิบต้น
“หากฆ่าเจ้าไปแล้ว เจ้าเคยคิดถึงครอบครัวบ้างหรือไม่” เว่ยหานเอ่ย
ชายนักโทษรู้สึกไม่ชอบมาพากล ม่านตาของเขาหดลงเล็กน้อย ถามตวาดว่า “เจ้าคือใคร”
เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ตอบ ใครจะไปรู้ว่าชายหนุ่มที่ดูเย็นชาคนนั้นกลับตอบว่า “ข้าคือไคหยางอ๋อง”
“ไคหยางอ๋อง?” นักโทษชายพึมพำ สีหน้าสับสนและตะลึง
เขาเก็บตัวและซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านห่างไกล แต่กลับเคยได้ยินชื่อไคหยางอ๋อง
คนต้าโจวมักจะเอ่ยถึงแม่ทัพที่ชนะการสู้รบกับต่างเผ่าอยู่เสมอ
เหตุใดไคหยางอ๋องจึงมาหาเขาและพูดถึงครอบครัวของเขา หมายความว่าอย่างไรกัน
เว่ยหานไม่มีเจตนาจะปกปิด
เขาออกมาหลายวันแล้ว มีสิ่งที่ไม่คุ้นชินมากมาย กว่าจะได้กลับมา เขาย่อมไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่นานนัก
ต้องเร่งมือหน่อย จะได้ไปมีหอสุรากินน้ำแกงเนื้อแพะร้อนๆ สักหม้อ
“ลูกเมียของเจ้าถูกจับไปใช่หรือไม่”
ม่านตานักโทษหดลงอย่างรวดเร็ว ความไร้เรี่ยวแรงกลายเป็นน้ำเสียงที่เข้มแข็ง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
เว่ยหานมองเขา พูดอย่างสงบว่า “ข้าช่วยพวกเขาออกมาแล้ว”
เขาพูดอย่างไม่แยแสเช่นนั้น ถึงกับทำให้นักโทษคิดว่าตนเองฟังผิด “เจ้า… เจ้าพูดว่าอะไรนะ”
เว่ยหานสีหน้านิ่งเฉยกว่าเดิม “ซึ่งก็หมายความว่า ตอนนี้พวกเขาอยู่ในมือของข้า”
“เจ้าต้องการอะไร” นักโทษดิ้นรนครู่หนึ่งเพราะความโมโห เสียงโซ่ดังขึ้น
โชคดีที่เสียงนี้ถูกประตูหินหนาและหนักกั้นไว้ในพื้นที่น้อยๆ ที่แคบและคลุ้งกลิ่นคาวเลือดแห่งนี้
เว่ยหานโค้งมุมปากเล็กน้อย พูดเสียงเบาว่า “ข้าต้องการอะไรขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะทำอย่างไร”
นักโทษชะงัก จ้องเว่ยหานเขม็ง กำลังคาดเดาถึงจุดประสงค์การมาของเขา
เว่ยหานขมวดคิ้ว
เขาพูดชัดเจนเช่นนี้แล้ว คนๆ นี้กลับไม่เข้าใจ
เสียเวลากินข้าวของเขาจริงๆ
หลังจากไม่พอใจเล็กน้อยแล้ว เว่ยหานก็ถอนหายใจ “เจ้ากลายเป็นดาบในมือของคนเหล่านั้น คงไม่ได้คิดว่าพวกเขาจะรักษาชีวิตครอบครัวของเจ้าไว้จริงๆ หรอกนะ”
“ข้า…” นักโทษทำท่าจะพูดอะไร แต่ก็พูดไม่ออก
เขาไม่ได้เชื่อเพราะความใสซื่อ แต่เต็มใจที่จะเชื่อ หวังพึ่งความหวังอันริบหรี่
ถึงอย่างไรคนเราก็ต้องมีความหวัง ไม่เช่นนั้นคิดถึงภรรยาและลูกที่ต้องลำบากเพราะเขา เขาคงตายตาไม่หลับ
“พวกเขาจะไม่ทำเช่นนั้น” น้ำเสียงเว่ยหานแข็งทื่อ ทำลายความหวังที่ไม่อยู่บนความเป็นจริงของนักโทษ “พวกเขาจะกวาดล้างถอนรากถอนโคน ไม่ปล่อยให้ตนเองมีปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหลัง”
“หยุดพูดได้แล้ว เจ้าหยุดพูดได้แล้ว!” นักโทษที่ถูกล่ามโซ่ราวกับอสูรที่ถูกขัง แม้โซ่จะบาดลึกเข้าไปในเนื้อเพราะการดิ้นรนของเขา เขาก็ไม่สนใจ
เว่ยหานพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับไม่เห็นความเจ็บปวดของอีกฝ่าย “แต่ข้าจะทำ”
เพียงประโยคสั้นๆ กลับทำให้การดิ้นรนของนักโทษหยุดชะงักลง
“เจ้า… เจ้า…” นักโทษราวกับคนจมน้ำ แม้แต่หายใจก็ยังลำบาก
นั่นคือความเหลือเชื่อที่เกิดจากความหวังหลังจากสิ้นหวัง
“ข้าสามารถปกป้องพวกเขาไว้ได้ แล้วข้าก็ไม่เคยผิดคำพูด”
นักโทษจ้องชายหนุ่มที่อยู่ใกล้เขม็ง
สีหน้าของเขาเย็นชา น้ำเสียงก็เย็นชา แม้แต่สายตาก็เยือกเย็น
แต่ไม่รู้เหตุใด เมื่อเห็นดวงตาสีดำเยือกเย็นคู่นั้น กลับอดเชื่อเขาไม่ได้
อาจจะเป็นเพราะเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับไคหยางอ๋อง หรืออาจจะเป็นเพราะคนที่ยืนตรงหน้าเขาตัวเป็นๆ คนนี้ ดวงตาคู่นั้นของเขาสุกใสเกินไป
นักโทษที่มองเว่ยหานนานเผยรอยยิ้มขมขื่น
เหตุผลที่แท้จริง เขาย่อมรู้แก่ใจ
เป็นเพราะเขาไร้ทางเลือกอื่น นักโทษถามเสียงเบาว่า “ข้าควรทำอย่างไร”
ไคหยางอ๋องที่จู่ๆ ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็คิดว่าคำถามของเขาไม่ได้เกิดจากความปรารถนาดีเท่านั้น
“เจ้าแค่ต้องพูดตามความจริงเท่านั้น” เว่ยหานพูดเสียงราบเรียบ
“พูดความจริง?” นักโทษสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย คาดเดาบางอย่างได้
ไคหยางอ๋องน่าจะเป็นปรปักษ์กับคนเหล่านั้น คนเหล่านั้นต้องการทำลายแม่ทัพใหญ่ลั่ว ส่วนเขาก็ต้องการปกป้องแม่ทัพใหญ่ลั่ว
นี่คือการต่อสู้ในพระราชวัง แต่กลับเอาเขาผู้ซึ่งปรารถนาที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบสุขเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
“ได้ ข้าจะพูดตามความจริง” นักโทษตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ถามเสียงเบาว่า “แต่ข้าจะเชื่อได้อย่างไรว่าภรรยาและลูกข้าอยู่ในมือของเจ้า”
หากไคหยางอ๋องหลอกเขาว่าครอบครัวอยู่ในมืออีกฝ่าย เช่นนั้นเขาจะกลายเป็นตัวเร่งความตายให้ครอบครัวอย่างไม่ต้องสงสัย
เว่ยหานหยิบบางอย่างออกมาจากอกเสื้อแล้วยื่นไปให้
นั่นคือนกหวีดไม้ไผ่อันเล็กๆ ที่บุตรชายพกติดตัวตลอด
“เด็กน้อยบอกว่านี่คือของขวัญวันเกิดที่พ่อทำให้เขาปีที่แล้ว เขาให้ข้านำมาให้เจ้า”
นักโทษมองนกหวีดอันเล็ก ดวงตาดุดันของเขาหลั่งน้ำตา
ภรรยาที่อ่อนโยนและเป็นแม่ศรีเรือนของเขา บุตรชายที่น่ารักและเชื่อฟัง ชีวิตนี้เขาคงไม่ได้พบอีกแล้ว
ไม่ว่าเขาจะเป็นดาบให้ฝ่ายไหน เขาก็คงไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
เว่ยหานเดินออกจากคุก ฟ้ายังไม่มืด มองทอดสายตาไปไกลเห็นเพียงสีขาวขุ่นทั้งผืน
ความสกปรกบนโลกดูเหมือนจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะที่ตกลงมาอย่างกะทันหันนี้ กลายเป็นความสะอาดไร้ที่ติ
เว่ยหานไม่มีเวลาเพลิดเพลินไปกับการชมทิวทัศน์หิมะ เขารีบก้าวเท้าเดินผ่านหิมะเข้าสู่ถนนชิงซิ่ง
หิมะยังคงตก ร่วงโรยจากท้องฟ้าสู่พื้นดิน
บนถนนชิงซิ่งแทบจะไม่มีผู้คนแล้ว
เสื้อคลุมสีดำเดินผ่านพื้นหิมะ ในไม่ช้าเขาก็เข้าใกล้ธงหอสุราสีเขียวที่เปียกเพราะไอความชื้น
“คุณหนู ไคหยางอ๋องมาแล้วเจ้าค่ะ!” หงโต้วเหลือบเห็นชายหนุ่มที่ใกล้จะเดินมาถึงประตู นางตะโกนบอกลั่วเซิงอย่างตื่นเต้นดีใจ