ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 331 ขึ้นราคา
ตอนที่ 331 ขึ้นราคา
เนื้อแพะติดหนังเติมสุราข้าวชั้นดี เคี่ยวจนเอ็นและเนื้อนุ่ม นำไปตั้งบนเตาดินเผาสีแดงแล้วใช้ไฟอ่อนๆ เพื่อรักษาความร้อนของน้ำแกง
ด้านข้างมีสุรากลั่นที่บรรจุอยู่ในไหสุราสีน้ำตาลเข้ม แต่ละไหบรรจุสุราได้เพียงหนึ่งจิน ดูเล็กกะทัดรัดและน่ารัก
ข้างๆ ไหสุรากลั่นมีกระเทียมดองจานหนึ่ง สีเขียวดั่งหยก รสเปรี้ยวเผ็ดช่วยเรียกน้ำย่อยได้ดี
กินเนื้อแพะคำหนึ่งตามด้วยสุรากลั่นคำหนึ่ง กินเนื้อแพะอีกคำหนึ่งแล้วตามด้วยกระเทียมดองกลีบหนึ่ง
หิมะโปรยปรายข้างนอก การได้นั่งกินอาหารร้อนๆ อย่างสบายๆ เช่นนี้ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางติดต่อกันหลายวันก็สลายไปเงียบๆ กลายเป็นความพึงพอใจ
เว่ยหานคิดในใจว่ามีเนื้อแพะ สุรา และกระเทียมดองแบบนี้ ให้เขามากินทุกวันก็ไม่พอ
ดังนั้นแล้ว หอสุราควรเปิดต่อไปตราบนานเท่านาน
ว่าแต่ว่า… คุณหนูลั่วไม่หิวหรือ
เขาจับจอกสุรามองไปที่ตู้คิดเงินแล้วมองกลับมาที่หม้อไฟที่วางอยู่ตรงหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกเสียดาย
หากคุณหนูลั่วมานั่งกินด้วยกันคงดี
เช่นนั้นนอกจากหม้อไฟเนื้อแพะแล้ว เขายังสั่งหม้อไฟลูกชิ้นปลาเพิ่มอีกได้
มีเสียงดังขึ้นที่ประตู
เว่ยหานมองไปอย่างไม่ใส่ใจนัก
มีเด็กหนุ่มสองคนยืนอยู่หน้าประตู คนหนึ่งอายุราวสิบหกสิบเจ็ด ดูสง่างดงาม อีกคนหนึ่งมีอายุน้อยกว่า แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยความดื้อรั้น แต่ก็เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
โคมไฟในห้องโถงราวกับสว่างขึ้นเล็กน้อยเพราะการมาของเด็กหนุ่มสองคน
เว่ยหานรู้จักเด็กหนุ่มสองคนนี้ ผู้ที่โตกว่าคือหลานคนรองของผู้อาวุโสหลินชื่อหลินซู คนที่เด็กกว่าคือคุณชายใหญ่ของจวนฉางชุนโหวชื่อสวี่ซี
หากคิดดีๆ แล้ว ทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน
ลั่วเซิงเห็นว่าเป็นทั้งสองก็ลุกขึ้นไปต้อนรับ ยิ้มถามว่า “ทั้งสองมาดื่มสุราหรือ”
“อืม” หลินซูรู้สึกขนหัวลุกเมื่อต้องเผชิญกับคุณหนูลั่วที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนและกระตือรือร้น
ความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยแปลกๆ เฉกเช่นท่านย่าของเขาเกิดขึ้นอีกแล้ว!
เขามองลั่วเซิงนิ่งแล้วลอบส่ายศีรษะเบาๆ
ทั้งๆ ที่เป็นเด็กสาวงดงาม เหตุใดเขาจึงเกิดความคิดประหลาดๆ เช่นนี้นะ
เขาต้องเป็นอะไรไปแน่ๆ
เด็กหนุ่มที่ตกอยู่ในความสงสัยยืนเหม่อลอยอยู่หน้าประตูหอสุรา
สวี่ซีมองลั่วเซิงอย่างระแวดระวัง เขาเองก็ยืนข้างหน้าประตูนิ่งเช่นกัน
สำหรับเขาแล้ว คุณหนูลั่วไม่ใช่หญิงสาวงดงามอะไร ยิ่งไม่สามารถเชื่อมโยงกับท่านย่าผู้เมตตาได้
แน่นอนว่า ท่านย่าของเขาก็ไม่ได้ดูเมตตา
ในสายตาของเขาแล้วคุณหนูลั่วก็คือปีศาจสาว
ความสนใจของเว่ยหานหยุดอยู่ที่รอยยิ้มของเด็กสาว
คุณหนูลั่วเดินไปต้อนรับด้วยตนเองด้วย…
“ข้างนอกหิมะตกหนัก รีบเข้ามาเถอะ วันนี้ลดครึ่งราคาให้พวกเจ้า พร้อมแถมสุราข้าวให้สองกา” ลั่วเซิงหลีกทางให้ ส่งสัญญาณให้เด็กหนุ่มสองคนเดินเข้าไป
สุรากลั่นในฤดูหนาวของหอสุราเข้มข้นเกินไป ไม่เหมาะที่จะให้พวกเขาดื่ม สุราข้าวร้อนปากกำลังดี
เว่ยหานจับจอกสุราแน่น
ครึ่งราคา?
ยังแถมสุราข้าวให้?
เว่ยหานเงยหน้ากระดกสุราหมดจอก จอกสุราที่ว่างเปล่าวางลงบนโต๊ะ เกิดเสียงดังกระทบเบาๆ
ทว่าเสียงเล็กน้อยนี้ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้ใดเลย
ไม่สิ สือเยี่ยนสังเกตเห็นแล้ว
องครักษ์น้อยรีบเดินเข้าไป ยิ้มให้เด็กหนุ่มสองท่าน “เชิญทั้งสองตามข้ามา”
เมื่อเผชิญหน้ากับเสี่ยวเอ้อร์ที่บริการด้วยรอยยิ้มเปี่ยมล้น หลินซูและสวี่ซีก็เดินตามหลังอย่างสบายใจ เดินไปเพียงไม่กี่ก้าวพวกเขาก็เห็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หลินซูกำหมัดประสานมือ “คารวะท่านอ๋อง”
เขาดึงสวี่ซีเบาๆ
สวี่ซีคารวะ
เว่ยหานพยักหน้าเบาๆ เมื่อต้องเผชิญกับเด็กหนุ่มรูปหล่อสองคนที่ได้ทานอาหารครึ่งราคาและได้สุราเป็นของแถม เขาก็ไม่มีอารมณ์จะคุยด้วย
เด็กหนุ่มสองคนไม่ได้รู้สึกถึงความเย็นชาของท่านอ๋อง
สำหรับพวกเขาแล้ว นี่คือสภาพปกติของไคหยางอ๋อง
“หม้อไฟเนื้อแพะหนึ่งที่” หลินซูเหลือบมองน้องชายแล้วมองกระเป๋าเงิน เขากล่าวด้วยใบหน้าสงบนิ่งทว่าเจ็บปวดในใจว่า “หมัวหมัวสิบลูก”
ตั้งแต่ที่จวนแม่ทัพใหญ่เกิดเรื่อง เขาเคยมากินคนเดียวครั้งหนึ่ง หม้อไฟเนื้อแพะกินคู่กับหมัวหมัวอร่อยมาก
เมื่อคิดถึงท่านปู่และพี่ชายที่ไม่สะดวกมาดื่มสุรา หลินซูก็รู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย
เขาเป็นสามัญชน บางครั้งกลับมีอิสระมากกว่า
บางทีในสายตาของมนุษย์ เขาที่ไร้หน้าที่การงานคงเป็นไหที่แตกแล้วแตกอีก
แต่หากไม่คำนึงถึงคุณหนูลั่วที่ยิ้มอย่างเมตตา อันที่จริงเขาชอบความอิสระของที่นี่มาก เพียงแต่ว่าความอิสระของที่นี่แพงเกินไปเล็กน้อย แม้จะลดครึ่งราคาให้เขาก็ยังรับไม่ค่อยไหว
“ขอสุรากลั่นหนึ่งกา” สวี่ซีไม่ได้คิดมากเช่นนั้น เดิมเขาก็โมโหอยู่แล้วเพราะถูกพี่ชายลากมาถิ่นของปีศาจสาว เมื่อได้กลิ่นหอมของเนื้อแพะในห้องโถง เขาอยากจะดื่มสุราเข้มข้นสักคำให้สะใจอย่างเดียว
“ได้เลยขอรับ” สือเยี่ยนเช็ดโต๊ะอย่างคล่องแคล่วก่อนจะหันกลับไปยกอาหาร
“ยกสุราข้าวให้” ลั่วเซิงเตือนด้วยเสียงราบเรียบ
ในดวงตาสวี่ซีซ่อนความโมโหไว้ พูดอย่างไม่พอใจว่า “ที่นี่ไม่ใช่หอสุราหรือ เหตุใดจึงไม่อนุญาตให้แขกสั่งอาหารเอง”
ลั่วเซิงพูดด้วยสีหน้าราบเรียบว่า “สุราข้าวแถมให้ สุรากลั่นไหละหนึ่งร้อยตำลึง หากไม่ขาดแคลนเงิน ย่อมสั่งอาหารตามที่ต้องการได้”
เว่ยหานเหม่อมองไหสุราเปล่าสองไหบนโต๊ะ ขึ้นราคารุนแรงมากไปเล็กน้อย เดิมราคาเพียงไหละสามสิบตำลึงเท่านั้น
หลินซูหน้าแดงเล็กน้อย
ไหละหนึ่งร้อยตำลึง?
หากน้องชายกล้าสั่ง เขาจะไม่เอาน้องชายคนนี้แล้ว อยู่ที่นี่ไถ่ค่าสุราไปเถอะ
สวี่ซีชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ชี้ไปที่ไหสุราที่วางอยู่ตรงหน้าเว่ยหานพูดขึ้นว่า “ไหเล็กๆ แค่นี้ราคาหนึ่งร้อยตำลึง? ทำไมเจ้าไม่ปล้นเลยเล่า”
ลั่วเซิงยิ้ม “หอสุราระบุราคาชัดเจน ไม่จำเป็นต้องปล้น ไม่เชื่อเจ้าถามท่านอ๋องดู”
สวี่ซีมองไปที่เว่ยหาน
เว่ยหานพูดหน้าราบเรียบ “อืม ราคานี้”
ถึงอย่างไรสามสิบตำลึงก็ไม่ได้ต่างจากหนึ่งร้อยตำลึงมาก คุณหนูลั่วพูดอะไรก็ตามนั้นเถอะ
สวี่ซีข่มความเดือดดาลไว้ในใจ พูดกัดฟันว่า “เอาสุรากลั่นหนึ่งที่ให้ข้า!”
หนึ่งร้อยตำลึงก็หนึ่งร้อยตำลึง คิดว่าเขาไม่มีเงินจ่ายหรืออย่างไร
“สวี่ซี สุราข้าวก็อร่อยดีนะ” หลินซูรู้สึกว่าตนเองที่นิสัยง่ายๆ สบายๆ หายไปแล้ว เหลือเพียงพี่ชายที่อยากจะตีน้องชาย
สวี่ซีไม่เห็นด้วย “ข้าเลี้ยงท่านพี่เอง ข้ามีเงิน”
ช่วงนี้ที่บ้านให้เงินเขาใช้มากมาย เขามีเงินมากถมไป
หลินซูหน้าขรึม พูดกับสือเยี่ยนว่า “ยกสุราข้าวสองกามา ไม่ต้องสนใจเขา”
สวี่ซีลุกขึ้นพรวด “ไม่ดื่มเหล้ากลั่นพร้อมหม้อไฟเนื้อแพะจะอร่อยตรงไหน ข้าไม่กินแล้ว!”
“นั่งลง!” ในที่สุดหลินซูก็โมโหแล้ว
ครานี้หม้อไฟที่กำลังร้อนถูกยกขึ้นโต๊ะ
หม้อทองแดงที่เห็นได้ชัดว่าใหญ่กว่าโต๊ะข้างๆ หนึ่งขนาด ในนั้นเต็มไปด้วยชิ้นเนื้อในน้ำแกง ต้นหอมและพริกกำลังเดือดพร้อมน้ำแกง กลิ่นหอมเตะจมูก
สวี่ซีนั่งกลับลงไปทันที
นั่งก็นั่ง ถือว่าไว้หน้าพี่ชายแล้วกัน
หลินซูเห็นสวี่ซีนั่งลงแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ หยิบตะเกียบคีบเนื้อแพะใส่ลงในถ้วยของเขา “กินก่อนเถอะ”
สวี่ซีหน้าบึ้งคีบเนื้อแพะขึ้นมากิน
จากนั้นก็กินอีกหนึ่งชิ้น
แล้วก็อีกหนึ่งชิ้น…
สุดท้ายฉีกหมัวหมัวออกแล้วจุ่มในน้ำแกง และเริ่มกินหมัวหมัว
เมื่อเห็นเขากินไปไม่น้อย หลินซูก็วางตะเกียบลง พูดเสียงเบาว่า “น้องชาย ข้าหวังว่าวันนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เจ้าไปบ่อนพนัน ต่อไปอย่าไปอีกเลย”
ไปบ่อนพนัน?
คุณหนูลั่วที่จับตามองหลานชายนอกทั้งสองตลอดเวลาหรี่ตาลงเล็กน้อย