ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 333 ฟ้าหลังฝน
ตอนที่ 333 ฟ้าหลังฝน
จักรพรรดิหย่งอันเรียกเสนาบดีจ้าวเข้าพบที่ห้องทรงอักษร
“ตรวจเจอผู้ที่วางยาลั่วฉือแล้วหรือ”
เสนาบดีจ้าวเก้อเขินเล็กน้อย “ยังไม่เจอพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิหย่งอันพระเนตรนิ่งขรึม ตรัสด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ขุนนางจ้าวมีลูกมือผู้มากความสามารถที่ชื่อหลินเถิงมิใช่หรือ”
เสนาบดีจ้าวหยุดหายใจ
ฮ่องเต้หมายความว่าอย่างไร พระองค์ถูกใจหลินเถิงลูกน้องผู้มากความสามารถของเขาหรือ
แต่ว่าไม่เห็นจะได้ยินว่าศาลาว่าการแห่งใดมีตำแหน่งว่างที่เหมาะสมกับหลินเถิงเลย
ถึงมีก็ปล่อยไปไม่ได้ ใครก็อย่าคิดมาแย่งหลินเถิงกับเขา
เสนาบดีจ้าวกระแอมเบาๆ “หลินเถิงยังเด็ก คดีซับซ้อนเช่นนี้ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการตรวจสอบพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นเสนาบดีจ้าวเข้าวังมีอะไรจะรายงานหรือ” จักรพรรดิหย่งอันตรัสด้วยน้ำเสียงยากคาดเดา
กรมยุติธรรมทำงานแย่ลงทุกที คดีผิงหนานอ๋องถูกลอบสังหารบนถนนยังสืบหาความจริงไม่ได้จนถึงบัดนี้ กลายเป็นคดีที่ยังคงค้างคา
“องครักษ์คนนั้นเปลี่ยนคำให้การพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีจ้าวคิดว่าฮ่องเต้โกรธกริ้วจึงรีบพูดเข้าประเด็นทันที
“เปลี่ยนคำให้การรึ” จักรพรรดิหย่งอันแววพระเนตรพลันเปลี่ยน สีพระพักตร์จริงจัง
“ทูลฝ่าบาท หลังจากสอบปากคำหลายครั้ง องครักษ์คนนั้นยอมรับว่านายอำเภอหลิวชิงเป็นคนสั่งให้เขาปรักปรำแม่ทัพใหญ่ลั่ว…”
“จริงหรือ” จักรพรรดิหย่งอันสีพระพักตร์พลันเปลี่ยน ไม่รอให้เสนาบดีจ้าวพูดจบก็แทรกขึ้น
เสนาบดีจ้าวกำหมัดประสานมือ “กระหม่อมมิบังอาจพูดเท็จต่อฝ่าบาท”
จักรพรรดิหย่งอันพยักพระพักตร์เบาๆ
แม้เสนาบดีจ้าวจะไม่มีความสามารถเท่าไรนัก แต่เขาก็มีจุดเด่นตรงที่เป็นคนซื่อตรง
“เล่ารายละเอียดมา”
เสนาบดีจ้าวก้มหน้า ไม่กล้าพูดอะไรอีกสักคำ
สถานการณ์วุ่นวายมากพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดมากความ การเปลี่ยนคำให้การขององครักษ์จวนเจิ้นหนานอ๋องทำให้ความกดดันในการสอบสวนหาตัวคนร้ายที่ลอบวางยาแม่ทัพใหญ่ลั่วลดน้อยลง
นี่ก็คือหนึ่งในเหตุผลที่ทันทีที่เขาได้รับข่าวก็เข้าวังเพื่อทูลรายงานทันที
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด ในที่สุดจักรพรรดิหย่งอันก็ลืมพระเนตรขึ้น
ทั้งๆ ที่ท้องฟ้ายังสว่าง ห้องทรงอักษรก็มีแสงสว่างเพียงพอ ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับมืดมนลุ่มลึกราวกับถูกปกคลุมด้วยผ้าโปร่งสีดำ ทำให้รู้สึกว่าอุณหภูมิในห้องลดลงเล็กน้อย
“ตอนนี้นายอำเภอหลิวชิงอยู่ที่ไหน”
เสนาบดีจ้าวรีบตอบ “ตอนนี้นายอำเภอหลิวชิงอยู่ที่บ้านพักแห่งหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิหย่งอันมองเสนาบดีจ้าวด้วยสายพระเนตรนิ่งขรึม
เสนาบดีจ้าวรู้สึกเสียวสันหลังวาบ โค้งตัวพูดว่า “กระหม่อมส่งคนไปจับตาดูแล้ว มิได้แหวกหญ้าให้งูตื่นพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิหย่งอันพยักพระพักตร์เล็กน้อย ตรัสเสียงขรึมว่า “องครักษ์คนนั้นกลับคำอย่างผิดปกติ ไม่อาจเชื่อคำสารภาพทั้งหมดได้”
เสนาบดีจ้าวหัวใจกระตุก
ฮ่องเต้หมายความว่าเชื่อนายอำเภอหลิวชิงหรือ
ฮ่องเต้เชื่อใจคนๆ หนึ่งขนาดนี้ รู้สึกไม่ชินเลย
ขณะที่ครุ่นคิดก็ได้ยินจักรพรรดิหย่งอันตรัสขึ้นอย่างเนิบช้าว่า “พ่อค้าคนนั้นที่เปิดโปงองครักษ์จวนเจิ้นหนานอ๋องอยู่ระหว่างทางเข้าเมืองหลวงแล้ว ทางฝั่งนายอำเภอหลิวชิงอยู่เฉยๆ ไว้ก่อน เมื่อคนๆ นั้นมาถึงแล้วให้สอบปากคำแล้วค่อยว่ากัน”
“พ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีจ้าวโค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง
จักรพรรดิหย่งอันมองเสนาบดีจ้าว ถือโอกาสตรัสว่า “ใช่แล้ว ตอนนี้ลั่วฉือเป็นอย่างไรบ้าง”
“ทูลฝ่าบาท แม่ทัพใหญ่ลั่วนั่งเหม่อลอยอยู่ในคุกเป็นส่วนใหญ่ แต่ว่าร่างกายยังปกติดี…”
จักรพรรดิหย่งอันไม่ได้ถามต่อไป เขาโบกมือเล็กน้อย “ออกไปเถิด”
“กระหม่อมทูลลา”
เมื่อเสนาบดีจ้าวออกไปแล้ว ในห้องทรงอักษรก็เงียบสงัด
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด เสียงที่เยือกเย็นเล็กน้อยดังขึ้น “โจวซาน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ส่งคนไปถามสถานการณ์ไคหยางอ๋อง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ในเรือนเสียนอวิ๋นย่วน โค่วเอ๋อร์กำลังรายงานสถานการณ์ให้ลั่วเซิงฟัง “คุณหนู คนที่เราให้จับตามองบ้านพักหลันเต๋อส่งข่าวมาว่ามีอีกคนกำลังสังเกตการณ์ที่นั่นเจ้าค่ะ”
“เริ่มตั้งแต่เมื่อไร”
“วันนี้เจ้าค่ะ”
ลั่วเซิงครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วยิ้ม “บอกคนของเราให้ระวังตัวหน่อย อย่าให้อีกฝ่ายรู้ตัว”
“คุณหนู คนกลุ่มนั้นมีจุดประสงค์อะไรหรือ” โค่วเอ๋อร์เห็นลั่วเซิงยิ้ม จู่ๆ ก็ไม่เข้าใจ
ไปเฝ้าติดตามคนๆ หนึ่ง เหตุใดยังมีคนมาแย่งงานด้วย
พูดถึงตรงนี้แล้วก็ต้องพูดถึงที่มาของผู้สอดแนมเหล่านั้นของโค่วเอ๋อร์
ลั่วเซิงเห็นโค่วเอ๋อร์มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นในด้านการสืบข่าว นางคิดว่าจะทิ้งให้สูญเปล่าไม่ได้ นางจึงให้ตั๋วเงินปึกหนึ่งให้โค่วเอ๋อร์ไปหาลูกน้อง
โค่วเอ๋อร์ตั้งเป้าไปที่ขอทานที่อยู่ทั่วเมืองหลวง นางเลือกคนที่ฉลาดจำนวนหนึ่ง ผ่านไประยะเวลาหนึ่งก็สามารถเรียกใช้งานได้อย่างคล่องแคล่วและราบรื่น
ลั่วเซิงยิ้มมากกว่าเดิม “ไม่ว่าจะเป็นจุดประสงค์อะไรก็เป็นเรื่องดี”
บ้านพักหลันเต๋อคือสถานที่ที่นายอำเภอหลิวชิงอาศัยชั่วคราวหลังจากเข้าเมืองหลวง ฝั่งนางส่งคนคอยจับตามองตลอดเวลา จู่ๆ มีคนมาเฝ้าติดตามอีก เห็นได้ว่าถึงโอกาสพลิกสถานการณ์ที่รอคอยมานานแล้ว
หากนางเดาไม่ผิด ฮ่องเต้คงรู้ข่าวองครักษ์จวนเจิ้นหนานอ๋องเปลี่ยนคำสารภาพ อีกไม่นานแม่ทัพใหญ่ลั่วก็จะได้ออกจากคุกแล้ว
จักรพรรดิที่ช่างสงสัยนั้นยากที่จะรับใช้ แต่ถ้าใช้ความช่างสงสัยนี้ให้เกิดประโยชน์ก็จะสามารถสร้างอนาคตที่สดใสที่ปลายทางได้
เวลาที่รอคอยมักจะยาวนานเป็นพิเศษ ไม่ใช่แค่ลั่วเซิงรู้สึกยาวนานเท่านั้น เว่ยเชียงเองก็เช่นกัน
เขาไม่ได้ออกจากวังหลายวันแล้ว ทุกๆ วันนอกจากไปน้อมทักทายจักรพรรดิหย่งอันแล้วก็ขลุกตัวอยู่ในห้องหนังสือ
ภายใต้ความเงียบสงบกลับคือความกระวนกระวายใจที่มิอาจบรรยายได้
อีกไม่นานก็จะปีใหม่แล้ว ศาลาว่าการแต่ละที่ใกล้จะปิด เหตุใดโทษของแม่ทัพใหญ่ลั่วจึงไม่มีข้อสรุปเสียที
ความคิดของท่านผู้นั้นลุ่มลึกเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถอ่านความคิดได้เลย
ความรู้สึกน้อยใจเกิดขึ้นอีกครั้ง
ในวังบูรพาอันเยือกเย็น แม้แต่คนที่เขาปรึกษาได้ก็ไม่มีสักคน
จวนผิงหนานอ๋องน่ะมิต้องพูดถึง สถานะของเขาน่ากระอักกระอ่วนเกินไป หากใกล้ชิดกับทางนั้นเกินไปมีแต่จะทำให้เสด็จพ่อไม่พอใจเขา
ส่วนจวนชายารัชทายาทก็ไม่มีความสามารถ
เมื่อคิดถึงครอบครัวของชายารัชทายาท เว่ยเชียงก็ยิ้มหยัน
ชายารัชทายาทเสด็จพ่อเป็นคนแต่งตั้ง ท้ายที่สุดแล้วท่านก็แค่ไม่ต้องการให้เขาได้รับการสนับสนุนใดๆ จากครอบครัวชายารัชทายาท
เสด็จพ่อต้องการรัชทายาทคนหนึ่งเพื่อสร้างความมั่นคงให้แผ่นดินและเหล่าขุนนางและราษฎรต้าโจว แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ยอมให้รัชทายาทคุกคามอำนาจของเขาแม้แต่น้อย
รัชทายาทคนนี้เป็นเพียงเครื่องประดับที่มีมูลค่าแพงที่สุด
อย่างไรก็ตามแม่ทัพใหญ่ลั่วติดอยู่กับปัญหาเมื่อสิบสองปีก่อน หากอยากจะพลิกสถานการณ์คงไม่ต่างจากคนปัญญาอ่อนเพ้อฝัน
เว่ยเชียงปลอบประโลมตนเองเช่นนี้ เดินออกจากห้องหนังสือไปหานางสนมคนหนึ่ง
ปีใหม่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เจ้าหน้าที่และขุนนางส่วนใหญ่ไม่มีจิตใจทำงาน รอเพียงประทับตราขุนนางเพื่อกลับบ้านฉลองปีใหม่
จะขาดบุคคลสำคัญคนไหนไปก็ฉลองปีใหม่ได้ มิหนำซ้ำงานอย่างผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินเป็นงานจับงูข้างหาง แทบไม่มีใครตายดี
เพียงแต่ว่าไม่รู้ว่าศีรษะของแม่ทัพใหญ่ลั่วจะหลุดจากบ่าก่อนปีใหม่หรือหลังปีใหม่
บางทีฮ่องเต้อาจจะเก็บไว้หลังปีใหม่
จักรพรรดิหย่งอันไม่มีจิตใจฉลองปีใหม่ เขารอข่าวจากข้างนอกตลอดเวลา
ความอดทนของเขาดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากขันทีใกล้ตัวโจวซานแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของฮ่องเต้เลย
ในวันนี้เว่ยหานเข้าวังเงียบๆ ทูลรายงานคำให้การของพ่อค้า
“พ่อค้าคนนั้นติดต่อกับนายอำเภอหลิวชิงตั้งแต่แรกแล้วหรือ” จักรพรรดิหย่งอันสีพระพักตร์เคร่งขรึม ราวกับเมฆดำทะมึน
ซึ่งก็หมายความว่า พ่อค้าคนนั้นไม่ได้บังเอิญเจอองครักษ์คนนั้นถึงไปรายงานเรื่องนี้ แต่เพราะนายอำเภอหลิวชิงหนุนคลื่นลมให้สูงจึงเกิดการรายงานเรื่องนี้ขึ้น
ผ่านไปนาน จักรพรรดิหย่งอันจึงเอ่ยปากช้าๆ ว่า “โจวซาน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“พาลั่วฉือมาพบเรา”